เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 10 เซี่ยต้าจวินกลับมาพุ่งชนแล้ว!
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 10 เซี่ยต้าจวินกลับมาพุ่งชนแล้ว!
หลิวหย่งมิได้เยาะเย้ยหลานสาว
ถ้าไม่ใช่เพราะจวนตัวจนไม่มีหนทาง จะมีใครยินดีจากบ้านไปโดยไร้เงินสักเฟินเดียวกัน?
ต่อให้เลือกอยู่บ้านเซี่ยต่อไป กล้ำกลืนฝืนทนความอัปยศอดสูก็มีชีวิตได้ แต่ถ้าบ้านไร้ชายคาให้หลบลมฝน สมาชิกในบ้านเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แล้วมันจะเป็นบ้านแบบไหนกัน! หลิวหย่งกลับคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีความกล้า คนว่ากันว่าหลานชายมักเหมือนลุง เดิมทีเขาเอ็นดูเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นพิเศษอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้มองหลานสาวอย่างไรก็มีแต่ส่วนดีไปหมด
หลิวหย่งล้วงน้ำหนึ่งใจเดียว [1] จำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
เงิน 50 หยวนส่วนนี้หลานเอาไปก่อน จะดำเนินธุรกิจอย่างไรเอาไว้พวกเรามาปรึกษาหารือกันสักหน่อย ถ้าเงินไม่พอ สักสองสามวันลุงค่อยรวบรวมมาให้อีก
ธนบัตร 10 หยวนเป็นธนบัตรที่มีค่าสูงสุดในปัจจุบันแล้ว ถูกมวลชนเรียกว่า ‘น้ำหนึ่งใจเดียวกัน’
หลิวเฟินตื่นตกใจ พี่ใหญ่ เอาเงินมาจากไหน?
ทั้งจักรยานคันใหม่ ทั้งเงินอีกกี่สิบหยวนที่ให้เซี่ยเสี่ยวหลาน ฐานะทางการเงินของบ้านหลิวเป็นอย่างไรมีหรือหลิวเฟินจะไม่รู้? อันที่จริงก็ยากจนมากนั่นแหละ เมื่อก่อนหลิวหย่งไม่เป็นโล้เป็นพาย พอสองปีมานี้ครอบครัวแทบจะอยู่ไม่ไหว เขาถึงปรับปรุงตัวไปเรียนรู้งานก่อสร้าง หนึ่งปีเรียนจบ สองปีกลายเป็นนายช่างใหญ่ มีฝีมือตรงนี้แล้วเลยช่วยให้บ้านหลิวอยู่สบายขึ้นสักหน่อย แต่งานก่อสร้างไม่ได้มีทุกวัน หลิวหย่งไม่เหมือนคนงานที่มีประกันค่าแรง เขาจึงรายได้ไม่ค่อยแน่นอน
หลิวหย่งทราบดีว่าน้องสาวตนนั้นเข้าใจยาก เลยไม่พูดอะไรมากนัก เพียงแต่ให้เซี่ยเสี่ยวหลานรับเงินเอาไว้
ขอบคุณลุงมากนะ เงินนี่ถือว่าฉันยืมเถอะ
ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอตัวเปล่า ด้วยเงินทุนริเริ่ม 50 หยวนก้อนนี้ เธอสามารถคว้าโอกาสจากช่วงฤดูทำไร่นาเพื่อหาเงินได้แล้วเธอจะคืนลุงเพิ่มเป็นเท่าตัว เธอดื้อด้านไม่ให้หลิวหย่งช่วยเหลือ และไม่ยอมให้แม่มาลำบากด้วยแน่!
หลิวหย่งหัวเราะร่วน
เขาช่วยเซี่ยวเสี่ยวหลานนำสัมภาระมัดไว้กับที่นั่งซ้อนของจักรยาน
สมบัติทั้งหมดของสองแม่ลูกก็มีแค่มันเทศ เสื้อผ้าส่วนตัว รวมถึงของใช้ทั่วไปที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ ยังไม่ทันเดินถึงปากทางหมู่บ้าน ก็มีคนถือชามมาเรียกรั้งเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้
พ่อเธอกลับมาแล้ว!
เซี่ยต้าจวินตีพวกเธอตายแน่…
มีความสุขบนเรื่องทุกข์ของคนอื่น ไม่มีแม้แต่ความหวังดีให้กันเลย ชาวบ้านต้าเหอนี่ช่างไม่เป็นมิตรเสียจริงๆ ราวกับเซี่ยเสี่ยวหลานไปขุดหลุมศพบรรพบุรุษพวกเขามาอย่างไรอย่างนั้น!
ประตูใหญ่บ้านเซี่ยเปิดอ้าอยู่ ชายร่างกำยำผู้หนึ่งเดินออกมา
พวกเธอจะไปไหน ลูกทะเลาะกับย่าที่บ้านหรือ?
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มดัง บนแขนล้วนเป็นกล้ามเนื้อมัดโต ส่วนสูงที่ประเมินด้วยสายตาได้ประมาณร้อยแปดสิบ คนคนนี้ก็คือพ่อบังเกิดเกล้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยต้าจวิน
ดูแล้วความสูงของตนเองคงจะได้มรดกมาจากเขา อยู่ในยุค 80 แล้วสามารถสูงได้มากกว่าร้อยหกสิบ เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ภูมิใจในตัวเองมากทีเดียว
หลิวหย่งไม่เปิดโอกาสให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้กล่าวอะไร คว้าถุงมันเทศได้ก็ขว้างใส่เซี่ยต้าจวินไปทีหนึ่ง ไอ้ลูกหมา ฉันยังคิดอยู่ว่าจะคิดบัญชีกับแกวันไหนดี แล้วแกก็โผล่หัวออกมาเอง!
ใครทะเลาะกับใคร?
เมียแกกับลูกสาวโดนคนข่มเหงจนเกือบตาย แกเป็นพ่อประสาอะไรยังเสแสร้งไม่รู้เรื่อง?
ไอ้สารเลว พวกเธอจะไปทะเลาะกับใครได้ น้องสาวฉันแต่งกับแกนี่ซวยไปแปดชาติจริงๆ
หลิวหย่งเป็นเพียงชายร่างเล็กกว่า ตัวสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ
ทว่าพอระเบิดอารมณ์แล้ว ก็ปะทะกันจนเซี่ยต้าจวินไม่อาจโต้กลับ
แน่นอน แขนของเซี่ยต้าจวินยังวุ่นกับการปกป้องหัวตัวเอง ยังไม่ได้ปะทะกับหลิวหย่งจริงๆ จังๆ แต่อย่างใด
พี่ใหญ่ คุยกันดีๆ เถอะ!
ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไอ้สารเลว ตัวใหญ่เปล่าแต่ไม่มีหัวใจ อยู่มาหลายสิบปีจนปูนนี้ ถ้าไม่รู้จักรักลูกสาวตัวเอง ฉันจะดูแลแทนแกเอง!
หลิวเฟินกระวนกระวายหนักขึ้น เธอจะเข้าไปห้ามทัพก็ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานรั้งไว้
สายตาเยือกเย็นของเซี่ยเสี่ยวหลานมองเซี่ยต้าจวินที่ยังไม่ตอบโต้ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอยังพอมีความเชื่อมั่นในตัวเขาอยู่บ้าง หากเซี่ยต้าจวินยังทำลุงเธอได้ลง เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรอีก มิใช่ว่าผู้ชายห้ามมีอารมณ์โมโห โลกนี้มีพวกเหลือเดน มีผู้ชายอุดมปัญญา และก็มีพวกหุนหันพลันแล่นที่พูดไม่ทันขาดคำก็ลงไม้ลงมือ
ภูผาวารีที่ยากแค้นหล่อเลี้ยงพวกดื้อด้าน [2] วิถีผู้คนเขตอันชิ่งเหี้ยมหาญมาโดยตลอด
แต่การอยู่ที่แจ้งลงมือกับคนอื่นกับการกลับไปลงมือกับภรรยาที่บ้าน โดยพื้นฐานถือว่าคนละเรื่องเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานดูแคลนผู้ชายที่รุนแรงกับคนในครอบครัวสุดหัวใจ
หลิวหย่งทำเอาตัวเองเหนื่อยจนหอบแฮ่ก พี่น้องของเซี่ยต้าจวินวิ่งออกมาแยกทั้งสองคนออกจากกัน ลุงกับอาของเซี่ยเสี่ยวหลานรัดหลิวหย่งจนหมดท่า ทว่าหลิวหย่งยังคงออกหมัดออกเท้าไม่ยอมแพ้
อย่างไรเสียความเหี้ยมหาญของหลิวหย่งก็ทำให้ชาวบ้านที่มาสอดรู้ตกใจกันไปหมด เมื่อครู่ทำเป็นเสียดสี ตอนนี้หดหัวเป็นเต่าโดยสิ้นเชิง
หน้าของเซี่ยต้าจวินบวมเป่ง เขาถุยน้ำลายที่ปนเลือดออกมา
ฉันไม่อยากเถียงกับแก แค่จะพูดเรื่องเสี่ยวหลาน เธอไม่ควรทะเลาะกับย่า ย่าอารมณ์ขุ่นจนล้มหมอนนอนเสื่อแล้ว
หญิงชราเซี่ยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ดูแลลูกสามคนจนเติบใหญ่ เซี่ยต้าจวินไม่สนใจใยดีภรรยาตัวเอง แต่เชื่อฟังมารดาตนทุกประการ
เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่คิด หากเธอเป็นตัวเจ้าของร่างนี้เองแล้วได้ยินคำพูดเหล่านี้คงโกรธแทบตาย
เธอรักและเคารพหลิวเฟิน รู้สึกสนิทกับหลิวหย่ง เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานในชาติที่แล้วขาดความห่วงหาอาทรจากครอบครัว ทั้งสองคนช่างดีต่อเธอเหลือเกิน แต่สำหรับเซี่ยต้าจวินน่ะหรือ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิด ต่อให้ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ติดค้างตระกูลเซี่ยจริง เธอก็ได้ชดใช้ให้ด้วยชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ยังจะเอาอะไรอีกเล่า?
ลุง พวกเราไปกันเถอะ
จริงๆ แล้วเซี่ยเสี่ยวหลานอยากด่าเซี่ยต้าจวินสักรอบ คิดไปคิดมาเธอกลับขี้เกียจจะเปลืองน้ำลาย
เซี่ยต้าจวินเห็นเธอไม่หือไม่อือก็จริง ทว่าไม่อาจข่มไฟโทสะในใจลงได้เลย
นังลูกคนนี้นี่…
เขาเดินมาดึงแขนเซี่ยเสี่ยวหลานเสียจนตัวเธอโซเซไปชั่วครู่
เซี่ยเสี่ยวหลานหันมา เธอใช้ใบหน้าไร้สีสันไร้อารมณ์มองมายังเขา ย่าบอกว่าฉันอยู่ไปรังแต่จะทำให้ตระกูลเซี่ยขายหน้า คนอย่างฉันควรรีบตายไปเสีย ฉันโขกหัวจนแตก แม่คุกเข่าขอร้องย่าให้ส่งฉันไปโรงพยาบาล แม่โขกหัวจนบวมถึงได้เชิญหมอมาห้ามเลือดให้ฉันได้ ถ้าพ่อคิดว่าฉันกตัญญูรู้คุณไม่พอ ฉันก็จะเอาชีวิตที่เก็บได้นี้คืนให้ตระกูลเซี่ยไปเสีย ดีหรือไม่?
กรรไกรป้องกันตัวของเซี่ยเสี่ยวหลานจรดอยู่ที่ลำคอของเธอ ใบมีดคมกริบได้เชือดเฉือนเข้าเนื้อไปแล้ว
ความมุ่งมั่นนั้นถูกซ่อนอยู่ภายใต้น้ำเสียงราบเรียบ ทว่ากลับทำให้คนได้ยินอกสั่นขวัญแขวนได้
เธอตั้งใจจะแทงเข้าคอตัวเองจริงๆ
เซี่ยต้าจวินตกใจแล้วแก้ตัวไปตามเรื่อง ก็ไม่เห็นเป็นอะไร บ้านเรามีเงินส่งลูกไปโรงพยาบาลที่ไหนกัน ทำไมลูกไม่หัดเรียนรู้เข้าใจโลกเหมือนจื่ออวี้เขาบ้าง…
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้สายตาเยาะเย้ยที่จะขำก็ไม่ขำมองเขา เซี่ยต้าจวินยิ่งพูดยิ่งรู้สึกตัวเล็ก
ทำไมที่บ้านถึงไม่มีเงิน ก็เพราะเซี่ยจื่ออวี้ผู้ฉลาดเฉลียวนำเงินทั้งบ้านไปด้วยแล้วอย่างไรเล่า เซี่ยต้าจวินรักหลานสาวจนเคยชินแค่ไหน แต่กับเรื่องนี้แล้วเขาเองก็คิดว่าสิ่งที่แม่เฒ่าเซี่ยทำไม่ค่อยสมควรนัก ความรู้สึกผิดกับอารมณ์หลากหลายผสมเข้าด้วยกันจนผลักดันเซี่ยต้าจวินให้ตะโกนออกมา
เขาเป็นย่าลูก ด่าลูกไม่กี่คำ ลูกก็ควรเชื่อฟังดีๆ สิ! ถ้าลูกไม่ทำเรื่องอุบาทว์อับอายขายหน้าแบบนั้น ย่าจะด่าลูกได้ไหมเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้จะรนหาที่ตายนะ แต่ในตอนนี้เธออยากเอากรรไกรจัดการท่อนไม้เซี่ยต้าจวินนี้ให้จบเรื่องไปเสียจริง!
แต่มีคนที่ไวกว่าเธอแล้ว หลิวเฟินตัวจ้อยผลักคนล่ำสันกำยำอย่างเซี่ยต้าจวินจนพ้นทาง
ฉันทนพวกคุณมามากแล้ว… ทนพวกคุณข่มเหงเสี่ยวหลาน…
เธอหวาดกลัวจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่เธออยากปกป้องลูกสาวของตน นี่คือสัญชาตญาณของคนเป็นแม่!
เชิงอรรถ
[1] 大团结 น้ำหนึ่งใจเดียวกัน คือ ชื่อของธนบัตรสิบหยวน เนื่องจากลายบนธนบัตรคือภาพของเหล่าตัวแทนประชาชนจากแต่ละมณฑลกำลังเดินออกจากรัฐสภาประชาชน สื่อถึงประชาชนมาหารือกันเพื่อประชาชน จึงเรียกธนบัตรนี้ว่า น้ำหนึ่งใจเดียวกัน (ต้าถวนเจี๋ย)
[2] 穷山恶水出刁民 ภูผาวารีที่ยากแค้นหล่อเลี้ยงพวกดื้อด้าน เปรียบเปรยว่าสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยดีอาจจะส่งผลต่อนิสัยใจคอกับการกระทำของคนที่อยู่อาศัย