เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 12 เริ่มทำธุรกิจ
เห็นได้ชัดว่าหลิวเฟินอยู่ในสภาวะงงงัน เธอดำดิ่งอยู่ในโลกของตนเอง ถึงขนาดไม่ได้ทักทายน้องสะใภ้เสียด้วยซ้ำ
หากไม่เห็นว่าบนหน้าผากของเซี่ยเสี่ยวหลานยังมีผ้าปิดแผลอยู่ หลี่เฟิ่งเหมยคงนึกว่าคนที่ชนเสาคือน้องสาวสามีอย่างหลิวเฟิน เพราะท่าทางเหลอหลาไร้ปฏิกิริยาตอบรับของเธอ เฟิ่งเหมยเอาความคิดในหัววางไว้ก่อน จากนั้นจึงรีบพาลูกชายไปเข้านอนเพื่อช่วยหลิวหย่งขนสัมภาระ
หลิวหย่งใช้สุ้มเสียงบางเบาสาปส่งคนตระกูลเซี่ยว่าเป็นพวกใจหยาบแล้วอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องราวโดยคร่าว รวมไปถึงช่วงระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังจะออกเดินทางและได้เผชิญหน้ากับเซี่ยต้าจวิน รวมถึงพี่น้องที่เพิ่งกลับมาบ้าน เรียกว่าต้องต่อสู้ฟาดฟันกันถึงจากหมู่บ้านต้าเหอมาได้โดยสวัสดิภาพ
เธอไปปูเตียงในห้องที ให้เสี่ยวหลานกับแม่ของหลานอยู่
ความตั้งใจของหลิวหย่งก็คือให้เซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาอยู่ที่บ้านเสีย อย่ากลับไปให้บ้านเซี่ยข่มเหงอีกเลย
ทว่าเขาเองไม่ได้ระบุว่าอยู่นานแค่ไหน เซี่ยเสี่ยวหลานถ่องแท้ในความเป็นไปของผู้คน จึงแสดงความซื่อตรงต่อหลี่เฟิ่งเหมยว่า ฉันอยากทำธุรกิจเล็กๆ น่ะจ้ะ เก็บเงินได้สักหน่อยค่อยย้ายไปตั้งตัวในเมือง ในเขตอันชิ่งยังมีลู่ทางอีกเยอะแยะ อีกอย่างจะได้ไม่ต้องเจอกับคำนินทาคนแถวนี้ด้วย
ลุงเต็มใจดูแลพวกเธอสองแม่ลูกแน่นอน ป้าสะใภ้อย่างหลี่เฟิ่งเหมยเองก็ดูไม่ใจจืดใจดำแบบนั้น แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะมีวุฒิภาวะพอสมควรแต่ก็รู้ดีว่าญาติพี่น้องอยู่ด้วยกันนานเข้าย่อมยากที่จะไม่เกิดเรื่องผิดใจต่อกัน อย่างไรเสียเธอแค่มาตั้งหลักชั่วครู่ เลยไม่เกรงกลัวที่จะอธิบายเพิ่มเติมให้ป้าสะใภ้เบาใจขึ้น
หลิวหย่งฟังความนัยของเซี่ยเสี่ยวหลานออก
เขาไม่โต้แย้งใดๆ ในใจคิดว่าหากเซี่ยเสี่ยวหลานได้เรียนรู้ความลำบากเข้าคงไม่มองโลกในแง่ดีเช่นนี้แล้ว ยังเป็นคนหนุ่มสาวอยู่จึงมักไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน วาดฝันว่าโลกภายนอกช่างง่ายดาย จริงอยู่ที่ปีสองปีมานี้มีคนทำมาค้าขายแล้วได้เงิน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานทนความยากเย็นแสนเข็ญได้จริงหรือ?
ภายใต้แสงไฟ เซี่ยเสี่ยวหลานพบว่ารอยยิ้มของป้าสะใภ้นั้นจริงใจมาก
เด็กคนนี้นี่ ครอบครัวเดียวกันจะเกรงใจทำไมเล่า ลุงของหลานให้พวกเธอแม่ลูกอยู่ที่นี่ก็อยู่อย่างวางใจเถอะจ้ะ
ที่เธอใจกว้างนั้นเป็นเพราะไม่กี่เดือนมานี้หลิวหย่งพอหาเงินมาได้เยอะขึ้น
แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ มีคนกินข้าวเพิ่มอีกสองคนคงไม่ถึงขั้นประคับประคองไม่ไหวหรอก
หลี่เฟิ่งเหมยจัดการเตรียมห้องหับได้อย่างรวดเร็ว คนอาศัยเองก็ไม่เรื่องมาก เตียงที่ข้างใต้อัดฟางหญ้าด้านบนปูเสื่อเตียงนี้ดีกว่าบ้านเก่าซอมซ่อของกระกูลเซี่ยเป็นไหนๆ เซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาถูกไล่ออกจากบ้านเซี่ยตั้งแต่เมื่อวาน ต้องระหกระเหินอยู่ทั้งคืนวันจึงเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
แม่ลูกล้างหน้าล้างตาแล้วเอนกายลงบนเตียง เซี่ยเสี่ยวหลานตบมือหลิวเฟินเบาๆ แม่วางใจเถอะ ฉันจะทำให้แม่ได้อยู่สบายแน่นอน พวกเรายังมีสองมือสองเท้า ไม่มีหมั่นโถวต้องฮึดสู้กันต่อไป [1] ใช้ชีวิตอย่างมีรสชาติให้คนอื่นเขาเห็นเถอะ!
ผ่านไปได้สักพักหนึ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่ามารดาได้หลับไปแล้ว ทว่าหลิวเฟินกลับตอบรับอย่างช้าๆ
แม่แค่อยากให้ลูกได้อยู่ดีบ้าง เสี่ยวหลาน อย่าเคืองแม่เลยนะ แม่ทำลูกเจ็บปวดเข้าแล้ว…
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวคำปลอบโยนมารดาอยู่สองสามประโยค ในตอนนี้คำพูดยึดมั่นสัญญาใดๆ ดูขาวโพลนไปหมด เธอล้าเอามากจริงๆ ขณะที่พูดอยู่นั้นเซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าสู้ห่วงนิทราไป
เช้าวันต่อมาเซี่ยเสี่ยวหลานตื่นขึ้นในห้วงกลิ่นหอมกรุ่นของอาหาร
หลิวเฟินตื่นแต่เช้าแถมรับผิดชอบงานในห้องครัวไปแล้ว วันนี้อาการของน้องชายเทาเทาตัวน้อยไม่เลวนัก เขาจึงตามไปล้อมหน้าล้อมหลังอาหญิงของตน หลิวเฟินคีบหมั่นโถวออกจากซึ้งให้เด็กน้อย ร้อนจัดเสียจนเทาเทาเบ้หน้าแต่ก็ทำใจคายออกไม่ได้ อีกทั้งยังประจบไปอย่างมั่วๆ
หมั่นโถวที่อาทำอร่อยกว่าที่แม่ผมทำอีก
เขตอันชิ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่บรรจบกันของทางเหนือและใต้ ภายภาคหน้าก็เป็นพื้นที่แร้นแค้นที่ฤดูหนาวทั้งเย็นทั้งไม่มีเครื่องทำความอุ่น [2] เรื่องอาหารจะเคยชินทั้งแบบเหนือใต้ร่วมกัน ของกินในแต่ละวันของบ้านหลิวก็คือข้าวต้มมันเทศเคียงด้วยหมั่นโถวแป้งขาวลูกโต
เซี่ยเสี่ยวหลานเปิดหีบพลิกหาเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ ทว่าได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
เธอพลิกเจอแสตมป์กองหนึ่งที่ถูกห่อด้วยผ้าเช็ดหน้า มูลค่ารวม 18 หยวน 3 เหมา นี่คือทรัพย์ส่วนตัวของเจ้าของร่างเดิม
ด้านล่างหีบยังมีจดหมายอีกจำนวนหนึ่ง ใช้ภาษาได้เผ็ดร้อนถึงใจมาก เป็นจดหมายที่หวังเจี้ยนหัวเขียนให้เธอนี่เอง เธอกลั้นอาการคลื่นไส้อ่านไปหนึ่งรอบ เซี่ยเสี่ยวหลานอดหัวเราะไม่ได้ ชายคนนี้เคยแสดงความรักอย่างเปิดเผยต่อ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ วิธีการของเซี่ยจื่ออวี้นี่เฉียบแหลมเสียจริง ตอนแรกเซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะเผาจดหมายเหล่านั้นทิ้ง แต่คิดๆ ดูแล้วก็ยัดกลับลงหีบไปเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเมื่อไรอาจได้ใช้ประโยชน์จากมัน?
เธอเพิ่งปิดหีบลง เทาเทาก็เข้ามาในห้องแล้ว
คุณอา พี่เสี่ยวหลานตื่นแล้ว!
เทาเทาติดเซี่ยเสี่ยวหลานมาก แม้เมื่อก่อนเธอจะอารมณ์เสียง่าย แต่ช่วยไม่ได้นี่ ในเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสวย!
เด็กน้อยไม่สนว่าความงามสากลคืออะไร ทัศนคติต่อความสวยงามของพวกเขาเป็นสิ่งธรรมชาติซึ่งยังไม่ถูกบิดเบือน อีกทั้งตรงไปตรงมาและชัดเจน พี่เสี่ยวหลานของเขาสวย ต่อให้อารมณ์เสียก็สวยอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้คลุกคลีกับเด็กเล็กมากเท่าไร แต่อายุจิตใจเธอมันมิใช่วัยรุ่น 18 ปี เห็นเด็กน้อยใสซื่อน่าเอ็นดูเช่นนี้ก็ไม่มีอาการต่อต้านใดๆ
เธอยื่นมือไปลูบหน้าผากเทาเทา เซี่ยเสี่ยวหลานดีใจทีเดียว
หน้าผากไม่ร้อน ท่าทางไม่มีไข้แล้วนะ
เทาเทานั้นไร้เสียงสา รู้สึกว่าพี่เสี่ยวหลานอ่อนโยนกับเขามาก กลายเป็นว่าตามติดเธออย่างกับแมลง [3] เซี่ยเสี่ยวหลานล้างหน้าก็อยู่ด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานสางผมก็ไม่ไป เด็กน้อยมองเซี่ยเสี่ยวหลานพลางกัดหมั่นโถวอีกคำ พี่เสี่ยวหลาน หัวพี่ยังเจ็บอยู่หรือไม่ พี่สวยจริงๆ นะ!
ใช่แล้ว หน้าตาสวยจริงๆ
แต่งตัวให้เรียบร้อยสักหน่อย มัดผมเป็นเปียสองข้าง เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่ไร้รอยปะ เซี่ยเสี่ยวหลานเองยังรู้สึกว่าตนสวยเสียเกินเรื่องเกินราว
ตระเตรียมตนเองให้พร้อมเสร็จแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานถึงนำเทาเทาไปยังห้องครัว
หลิวเฟินไม่มีท่าทางผิดวิสัย ทว่าไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่
อีกเดี๋ยวก็กินข้าวได้ ลุงกับป้าของลูกไปดูข้าวอยู่ สักวันสองวันคงจะฟาดข้าวได้แล้ว
ในขณะที่พูดนั้น เสียงของหลิวหย่งก็ดังขึ้น
ทำข้าวต้มมันเทศหรือ?
เขาถอดงอบออกจากศีรษะแล้วนำไปแขวนบนผนัง เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงยิ้มแย้มให้ ตื่นนอนแล้วหรือ? ลุงไม่ให้แม่ปลุกหลาน หลานเจ็บตัวอยู่ต้องนอนพักผ่อนให้มาก หมู่บ้านข้างๆ เขาล่าสัตว์มาได้ ป้าสะใภ้หลานเลยจะไปซื้อเนื้อมา
ถ้าไม่ใช่ฉลองตรุษจีนหรือเทศกาลอื่นๆ ไม่มีชาวบ้านชนบทบ้านไหนกล้ากินเนื้อสัตว์หรอก
เทาเทาน้ำลายแทบไหลออกมา
เซี่ยเสี่ยวหลานเองรู้สึกซาบซึ้งยิ่ง
แต่ไหนแต่ไรหลิวหย่งคือพวกจนแต่เอื้อเฟื้อ ทุกวันนี้หาเงินเพิ่มได้เล็กน้อยก็ยิ่งเผื่อแผ่มากกว่าเดิม ก่อนธัญพืชเข้ายุ้งฉางหลิวหย่งจะไม่เทียวไปไหน จักรยานของเขาจึงว่างแล้ว
หลานขี่เป็นไหม?
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ เธอเคยขี่จักรยานรุ่นเก่าแบบนี้มาก่อน ลักษณะมันไม่กะทัดรัดเพียงพอทว่าบรรทุกของได้ แรกเริ่มเดิมทีออกแบบมาเพื่อให้กองทัพใช้ขนส่ง มันสามารถขี่บนทางขรุขระ แม้แต่คนกับสัมภาระหนักกว่าร้อยชั่งก็สามารถจุได้
หลิวหย่งตั้งใจสื่อกับเซี่ยเสี่ยวหลานว่าให้ขี่จักรยานของเขาไปทำธุรกิจไข่ไก่
ควรใช้เวลาที่คนวุ่นกับงานเกษตรเริ่มดำเนินกิจการเสีย หากทนความลำบากส่วนนี้ไม่ได้แล้ว หลิวหย่งค่อยคิดหาวิธีอื่นให้เธอ
หลี่เฟิ่งเหมยถือเนื้อหมูสองชั่งและกระดูกอีกท่อนหนึ่งกลับมาจริงๆ เนื้อติดมันหนาสามนิ้วมือมีไขมันเหลือบแวววาว เดี๋ยวนี้คนไม่โปรดกินเนื้อไร้มันนัก กระเพาะของทุกคนยังพร่องสารอาหาร เนื้อมีมันถึงได้รับความนิยมสูง การชิงเนื้อส่วนดีแบบนี้มาได้ถึงสองชั่งนั้นทำให้หลี่เฟิ่งเหมยภูมิใจอยู่ทีเดียว
ทั้งครอบครัวล้อมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกัน หลี่เฟิ่งเหมยได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งสนทนาเรื่องทำธุรกิจด้วยความจริงจังแล้วยิ่งอารมณ์ดี
หลานจะส่งไข่ไก่เข้าเมืองอย่างไรกัน ใส่จักรยานไปไม่กระแทกจนพวกมันแตกหมดหรือ?
ในปี 83 นั้นยังไม่มีระบบสาธารณูปโภคเลย ไม่ต้องพูดถึงถนนปูนซีเมนต์หรอก แค่ทางราดยางยังไม่มีด้วยซ้ำ การขี่จักรยานจะต้องสมบุกสมบันตลอดทางแน่ คนน่ะทนได้ แต่ไข่ไก่อาจคว่ำเสียหาย ไข่ไก่ 100 ใบแตกสัก 10 ใบ เซี่ยเสี่ยวหลานได้ไม่คุ้มเสียหรอก
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดถึงปัญหานี้มาตั้งแต่เมื่อวาน
การขนส่งไข่ไก่ทางไกลในภายภาคหน้านั้นมีลังไข่ กอปรถนนหนทางเรียบสม่ำเสมอ ไกลแค่ไหนก็ส่งได้ แต่เงื่อนไขตอนนี้ของเธอมีจำกัด ย่อมหาของอย่างลังไข่พลาสติกไม่ได้อยู่แล้ว ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีหนทางอื่นทดแทน
เอาป่านต้นอ้อมาถักเป็นตะกร้าเล็กๆ ให้พอกับขนาดของไข่ไก่ จากนั้นนำไข่ใส่เข้าไปข้างในทีละใบแล้วร้อยเข้าด้วยกันอย่างไรเล่า
บริเวณรอยแยกที่เหลืออยู่ก็เอาพวกหญ้าแห้งหรือฟางหญ้าสับละเอียดยัดเข้าไป การทำงานของมันน่าจะแทนพลาสติกกันกระแทกได้
หลิวเฟินตื่นเต้นมาก แม่ถักเป็นนะ ลูกแค่บอกลักษณะของมันมา แม่ก็ทำได้แล้ว
เชิงออรถ
[1] 不蒸馒头争口气 ไม่มีหมั่นโถวให้นึ่งแต่ต้องฮึดสู้ต่อไป เปรียบเปรยว่า หากสภาพตอนนี้ยังไม่ดี ก็ต้องใช้ชีวิตดิ้นรนฮึดสู้อย่างภาคภูมิต่อไปให้ได้
[2] โดยปกติแล้ว ทางเหนือของประเทศจีนจะหนาวมาก ในขณะที่ทางใต้จะมีอากาศอุ่นกว่า ทางเหนือจึงต้องมีเครื่องทำความอุ่น แต่คนที่อยู่ตอนใต้มักไม่มี ในที่นี้ เขตอันชิ่งอยู่กึ่งกลางเหนือใต้ อากาศทั้งหนาวเย็นทั้งไม่มีเครื่องทำความอุ่น
[3] 跟屁虫 แมลงติดก้น เปรียบเปรยว่า ตามหลังผู้อื่นไปทุกที่