เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 14 ไซซีขายไข่ไก่
หัวไชเท้าตุ๋นในน้ำซุปกระดูกท่อนใหญ่
เนื้อที่ติดกระดูกเปื่อยลุ่ย น้ำซุปสีน้ำนม ไชเท้าเนื้อนิ่มนวลไม่เหลือส่วนที่แข็ง
ราดน้ำซุปลงบนข้าวสวย ขนาดเด็ก 6 ขวบอย่างเทาเทายังกินได้ชามโต นับประสาอะไรกับผู้ใหญ่ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งตาเพิ่มไข่เป็ดผัดอีกอย่าง หลิวหย่งกล่าวว่านี่คือทรัพย์สินสำหรับทำธุรกิจของเธอ จึงยอมกินไข่เป็ดที่เธอรับซื้อมาแค่ครั้งนี้เท่านั้น
ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าให้เงินทองโดยตรงนั้นไม่ค่อยเหมาะสม เธอจึงทำได้เพียงอุดหนุนกับข้าวเพิ่มเติมบนโต๊ะอาหารของลุงเท่านั้น ไม่อาจอยู่เปล่าไปเรื่อยๆ ได้
กุยช่ายอ่อนที่เพิ่งตัดมาผัดกับไข่เป็ดป่า กลิ่นของกุยช่ายจึงกลบกลิ่นคาวไข่เป็ดเอาไว้ได้
ทำตามวิธีที่เสี่ยวหลานบอก ตอนตีไข่ใส่น้ำส้มสายชูนิดหน่อย ผัดออกมาทั้งนุ่มทั้งเบา รสสัมผัสสู้ไข่ไก่ได้เลย
หลี่เฟิ่งเหมยชื่นชม เซี่ยเสี่ยวหลานก็ดีใจ
ใครๆ ล้วนบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไร้ประโยชน์ ไม่ขยันขันแข็ง อีกทั้งยังดูท่าทางอยู่ไม่ติดบ้าน [2] หลิวเฟินที่ไม่เคยทอดทิ้งลูกสาว ทุกวันนี้เธอมีความรับผิดชอบมากขึ้นแล้ว เธอจะไม่ยินดีปรีดาได้อย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานก็คิดว่ากับข้าวบ้านลุงนั้นไม่เลวเลย
แน่นอนว่าตอนเธออยู่ในยุคของตนได้เคยลิ้มลองอาหารหรูหรามากมาย ครุ่นคิดถึงคุณภาพชีวิตธรรมดาของชนบทในยุค 83 แล้ว มาตรฐานกับข้าวบ้านหลิวหย่งถือว่าอยู่ในระดับสูงทีเดียว สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับจำนวนเงินที่หลิวหย่งหามาได้ ประกอบกับหลิวหย่งเองเต็มใจและยินดีดูแลเซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดา
พอกินข้าวมื้อบ่ายเสร็จ หลิวหย่งก็ออกไปทำงานที่ไร่นาอีกรอบ
ในเวลานี้แม้แต่หลี่เฟิ่งเหมยยังไปทำงานที่นาด้วยกัน หลิวเฟินอยากไปด้วย ทว่าหลิวหย่งให้เธอถักตะกร้าอยู่บ้าน
โอกาสหาเงินของเสี่ยวหลานคือสองวันนี้ เธออย่าประวิงธุรกิจของลูกเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานนำจักรยานใหม่เอี่ยม 28 นิ้วออกมาฟื้นฟูทักษะการขี่ของตนเอง ชีวิตก่อนเธอไม่มีผู้ใหญ่ให้พึ่งพา ได้เรียนหนังสือเพราะมีคนจิตใจงามอุปถัมภ์ ก้าวเข้าสู่สังคมก็ฝ่าฟันด้วยมานะตนเอง ฤดูหนาวจัดเธอขี่จักรยานไปทำงานขาย หนทางหลายสิบกิโลถือว่าง่ายดายมาก ต่อมาหน้าที่การงานก้าวหน้าขึ้น ค่าใช้จ่ายเวลาออกไปทำงานต่างถิ่นเบิกได้เต็มจำนวน ทั้งยังมีรถประจำตำแหน่งให้เธอด้วย ตอนหลังเธอก็ซื้อรถเป็นของตัวเองอีก จักรยานรุ่นเก่าแบบนี้ เธอไม่ได้แตะมาเป็น 20 ปีแล้ว
แรกเริ่มไม่ชำนาญ สักพักก็คล่องแคล่วมากขึ้น
เทาเทามองอย่างกระตือรือร้น แต่ 6 ขวบนั้นเด็กเกินไป เซี่ยเสี่ยวหลานจึงนำเขานั่งบนที่ซ้อน ให้เด็กดื้อกอดเอวเธอไว้ เธอขี่รถโดยมีเด็กน้อยซ้อนท้ายโลดแล่นอยู่ในหมู่บ้าน ระหว่างทางก็ถูกหญิงคุ้นตาคนหนึ่งเรียกไว้
เสี่ยวหลาน ได้ยินลูกสาวคนโตฉันบอกว่าเธอรับซื้อไข่ไก่ ราคาเท่าไรหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานกระโดดลงจากรถมาสนทนา
อาสี่จ๊ะ ฉันรับซื้อไข่อยู่น่ะ เห็นว่าทุกคนกำลังยุ่งงานไร่นาเลยไม่ว่างนำไข่ไปขายในตัวเมือง อากาศร้อนมากไข่ก็เน่าเสียไว ฉันก็รับซื้อไว้ก่อนแล้วค่อยเอาไปขายในเมือง แน่นอนว่าฉันก็ต้องคิดกำไรกันบ้าง อาว่า 1 เหมา 2 เฟินต่อใบได้หรือไม่?
สตรีผู้นี้สามีแซ่เฉิน เป็นสะใภ้ลำดับที่สี่ ทุกคนจึงเรียกเธอว่าอาเฉินสี่
อาเฉินสี่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว ฉันได้ยินมาว่าขายในตัวเมืองได้ถึง 1 เหมา 5 เฟินต่อใบเลยนะ…
เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะร่าเริงพลางอธิบาย ราคาไข่ไก่ในเมืองมันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ฉันพูดตรงๆ เลยนะ บางครั้งก็ 1 เหมา 5 เฟิน บางครั้งมันก็ถูกกว่านี้นิดหน่อย ถ้าฉันขายไม่ออกหรือแตกเสียหายระหว่างทางขึ้นมา ฉันซื้อมาเยอะมากย่อมต้องรับความเสี่ยงน่ะจ้ะ
ยิ้มแย้มเสียหน่อยอีกฝ่ายก็ไม่ขุ่นเคืองแล้ว ทำธุรกิจจะทะเล่อทะล่าวิ่งไปทิศทางที่ทำให้ขาดทุนได้อย่างไร? ระหว่างทางต้องมีเสียหายบ้าง อีกอย่างหมู่บ้านชีจิ่งห่างจากตัวเมืองตั้งไกล ปกติเดินทางรอบเดียวไม่มีปัญหา แต่ไปๆ มาๆ ช่วงเก็บเกี่ยวก็เสียเวลาทำงานสักครึ่งวันได้ พอคำนวณแล้วจะเหลือเวลาเอาไข่ไปขายที่ไหนกัน!
ขายให้เธอแล้วกัน ฉันกลับไปเอาไข่ที่บ้านสักครู่นะ
บ้านใครจะไม่เลี้ยงไก่เพื่อฟักไข่สักตัวสองตัวเล่า ในเมื่อเงินใช้จ่ายจิปาถะล้วนพึ่งค่าไข่ไก่ ฤดูร้อนมีหญ้ากับแมลงจำนวนมาก พวกแม่ไก่กินอ้วนท้วนดี แค่ครึ่งเดือนไก่สองตัวออกไข่ได้มากกว่า 20 ใบ อาเฉินสี่นำไข่ไก่ยี่สิบกว่าใบมาให้เซี่ยเสี่ยวหลาน ส่วนเงินก็จ่ายตรงนี้เลย ต่อมาเรื่องที่เธอขายไข่ให้เซี่ยเสี่ยวหลานแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ธุรกิจไข่ไก่ของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงริเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
หลิวเฟินเองก็จำเป็นต้องเพิ่มความเร็วในการสานตะกร้าด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันในการรับซื้อไข่ไก่ของหมู่บ้านชีจิ่ง ขนาดหมู่บ้านถัดไปเองก็ยังมาส่งไข่ถึงบ้านหลิว
เงินต้นทุนของเธอมีแค่เจ็ดสิบกว่าหยวนเท่านั้น รับซื้อไข่ไก่มาเกือบ 400 ใบ ไข่เป็ดป่าอีกราว 200 ใบ อย่างไรเสียก็ต้องเหลือเงินหมุนติดตัวไว้บ้าง เซี่ยเสี่ยวหลานเลยไม่รับซื้อชั่วคราว
หลิวเฟินไม่เคยพบเคยเห็นไข่ไก่และไข่เป็ดสุมรวมกันจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
ตะกร้าไม้ไผ่ใบโตเต็มไปด้วยไข่ ดูแล้วน่าทึ่งไม่เบา
หลิวเฟินกังวลอย่างที่สุด กลัวว่าไข่ไก่จะขายไม่ได้ ถึงเวลานั้นคนทั้งบ้านก็กินให้หมดไม่ไหวหรอก อีกอย่างตอนนี้มีบ้านไหนฟุ่มเฟือยถึงขนาดจ่ายเงินหลายสิบหยวนซื้อไข่ไก่กินกัน? มันมีมูลค่าพอกับค่าแรงเดือนกว่าๆ ของคนงานในเมืองเลยนะ!
พรุ่งนี้ฉันเอาไข่ไก่ 200 ใบกับไข่เป็ดป่า 100 ใบเข้าเมืองไปก่อน
หากในเขตอันชิ่งไม่มีโรงงานใหญ่ถึงสองแห่ง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางกล้ารับซื้อไข่จำนวนมากขนาดนี้
คนงานของโรงงานทั้งสองแห่งมีจำนวนมากกว่าพันคน ไข่ไก่ 300 ใบขายหมดได้ง่ายดายแน่ เบื้องต้นคือเธอสามารถหาลู่ทางที่เหมาะสมได้ พึ่งพากำลังซื้อค้าปลีกที่ต่ำมาตลอด เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดจนเจอช่องทางการขายที่ดียิ่งขึ้น แม้ราคาตลาดของไข่ไก่จะแค่ 1 เหมา 2 เฟินต่อใบ ทว่าสินค้าขาดแคลนอย่างหนัก แผนกจัดซื้อของบางหน่วยงานไม่ได้สามารถซื้อไข่ในราคาถูกได้ วิถีทางที่ได้จากตรงนี้คู่ควรให้ลองสักตั้ง
ดึกดื่นค่ำมืดแล้ว แม้แต่หลี่เฟิ่งเหมยก็ยังมาช่วยสานตะกร้า ทั้งสับฟางแห้งให้เป็นชิ้นเล็ก รวมถึงช่วยยัดรำข้าวเข้าในร่อง ทั้งหมดทั้งมวลเพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงระหว่างการขนส่ง
เทาเทาตื่นเต้นจนไม่เข้านอน เฝ้ารอคอยให้เซี่ยเสี่ยวหลานพาเขาเข้าเมือง
พอคาดเดาได้ว่าคงทำให้เด็กน้อยผิดหวัง เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาออกเดินทางตั้งแต่ตี 5 แล้ว
ไปสองคนถึงมีความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ใครใช้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานสวยเกินไปกัน หลิวเฟินไม่วางใจ หลิวหย่งเองก็เช่นกัน
การขี่จักรยานช่วยย่นระยะเวลาเข้าเมืองได้มาก เมื่อถึงสถานที่ที่ขายไข่เป็ดเมื่อคราก่อนฟ้าก็สว่างพอดี วันนี้ตลาดเล็กๆ นอกโรงงานเครื่องจักการเกษตรอ้างว้างอย่างยิ่งยวด เหล่าชาวบ้านล้วนวุ่นอยู่กับงานเกษตร ไม่มีเวลามาในเมืองเพื่อซื้อของแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งจอดรถเสร็จก็ถูกลูกค้าเก่าจำได้เข้าแล้ว
รูปลักษณ์เธอสะดุดตา ทำงานคล่องแคล่ว คนที่ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเธอสักครั้งย่อมไม่มีวันลืมได้
โอ้ เธอมาขายไข่อีกแล้วหรือ?
น้าจ๊ะ วันนี้ซื้อไข่อีกไหม มีไข่ไก่จ้ะ!
ไข่เป็ดที่ซื้อเมื่อสองวันก่อนยังกินไม่หมดเลยนะ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมปล่อยลูกค้าผู้มีศักยภาพไป ไข่เป็ดเอาไปทำไข่เยี่ยวม้ากับไข่เค็มอร่อยดีนะ แต่ถ้าจะตุ๋นต้มหรือผัด เป็นไข่ไก่จะดีกว่านะจ๊ะ
เธอเปิดตะกร้าแบกหลังออก ไข่ไก่แต่ละใบเรียงรายอยู่ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับกำลังบอกว่ามากินฉันสิ น้าหญิงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ จริงๆ เธอนำไข่เป็ดป่าที่ซื้อคราวก่อนทำไข่เค็มไปแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ซื้อไข่ไก่ไปอีกสักหน่อย?
เซี่ยเสี่ยวหลานดูออกว่าเธอใจสั่นเข้าให้แล้ว
ฉันขายไข่ไก่ 1 เหมา 5 เฟินต่อใบ น้าเป็นลูกค้าประจำ ฉันคิดให้ 1 เหมา 4 เฟินแล้วกัน ส่วนไข่เป็ดป่ายังขายราคาเดียวกับสองวันที่แล้วจ้ะ
ในร้านค้าของรัฐ ไข่ไก่ราคา 1 หยวน 2 เหมา ต่อหนึ่งชั่ง ดูจากขนาดของไข่ไก่แล้ว หนึ่งชั่งก็ได้ 8-10 ใบ นับว่าถูกกว่าที่เซี่ยเสี่ยวหลานขาย ทว่าต้องมีสินค้าเพียงพอถึงจะซื้อได้ ไข่ที่มีราคาควบคุมนี่ซื้อยากเสียจริง
น้าหญิงนางนี้มิอาจต่อต้านคำพูดเชิญชวนของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ ในที่สุดก็ซื้อไข่ไป 10 ใบ
เฝ้ารอจนเหล่าคนงานพากันขี่จักรยานเข้างานแล้ว การค้าขายของเซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้ดีขึ้น เธอเพียงยืนตรงนั้นอย่างใจกว้าง ใช้ใบหน้านี้หลอกล่อคนมามาดูสักหน่อย เมื่อดูแล้วเธอก็จะถามพวกเขาว่า ซื้อไข่ไหมจ๊ะ? ไม่อยากใส่ใจพวกชาวบ้านที่มาขายของสักนิด เอาแต่ทำลับๆ ล่อๆ ลูบๆ คลำๆ ของอย่างกับขโมยขโจร
ใช้ประโยชน์ช่วงเวลาที่คนงานในโรงงานเครื่องจักรเข้างาน ตอนนั้นไข่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำมาด้วยก็ขายได้พอประมาณแล้ว
แม่ดูสิ อันที่จริงก็ปลอดภัยอยู่นะ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าเมืองเอง
ต้องเหลือคนไว้รับซื้อไข่ไก่ที่บ้านสักคน คงไม่ดีหากจะรบกวนป้าสะใภ้ของเซี่ยเสี่ยวหลานตลอด เพราะคนเขามีงานมีการของตนเอง ไข่ไก่จากบ้านใกล้เรือนเคียงหมู่บ้านชีจิ่งก็รับซื้อจนหมดแล้ว ยังต้องไปที่อื่นอีก ทั้งสองคนเข้าตัวเมืองมาด้วยกัน ทำให้เสียแรงงานไปอีกหนึ่ง
หลิวเฟินพูดจาไม่ฉะฉาน คำพูดที่เซี่ยเสี่ยวหลานเชื้อเชิญให้คนซื้อของนั้นเธอก็พูดไม่ออก คนที่จะเข้าเมืองจึงต้องเป็นเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว
ผ่าน 9 โมงเช้าไปแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานถึงขายไข่หมด เธอเตรียมตัวว่าพรุ่งนี้จะเปลี่ยนไปขายที่นอกโรงงานเนื้อสัตว์ เธอเก็บเงินเหมาเป็นฟ่อนโดยไม่ได้นับ แต่ถ้ายึดตามราคาที่เธอขายแล้ววันนี้ต้องได้เงินจำนวนหนึ่งอยู่ทีเดียว แม้ว่าจะระวังมากเท่าใด แต่เธอทับไข่ไก่แตกไปจำนวนหนึ่ง ความเสียหายเหล่านี้มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลไล่เข้ามาแล้ว ธุรกิจขายไข่ไก่เก็งกำไรของเซี่ยเสี่ยวหลานก็เปิดตัวได้อย่างโชติช่วงชัชวาล
มีคนเรียกเธอว่า ‘ไซซีขายไข่’ ในขณะที่ได้รับชื่อเสียงเช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ถูกคนไม่หวังดีเล็งเป้าไว้เสียแล้ว
เชิงอรรถ
[1] 西施 ไซซี หนึ่งใน ‘สี่ยอดพธู’ หรือสี่ยอดสาวงามแห่งแผ่นดินจีน ประกอบด้วย ไซซี หวังเจาจวิน เตียวเสี้ยน และหยางกุ้ยเฟย โดยไซซีได้รับฉายาว่า ‘มัจฉาจมวารี’ หรือก็คือความงามของนางทำให้ปลาจมลงใต้น้ำ
[2] 不安于室 อยู่ไม่ติดบ้าน หมายถึง ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่ยังไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น