เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 15 ถูกอันธพาลจับตามองเข้าแล้ว!
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 15 ถูกอันธพาลจับตามองเข้าแล้ว!
เมื่อได้ที่พึ่งพิงอย่างลุงแท้ๆ ของตนแล้ว ชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานกับมารดาจึงสุขสบายมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะฤดูเก็บเกี่ยวที่มาถึง ในชนบททุกครัวเรือนล้วนเร่งรีบเก็บเกี่ยวผลผลิต งานในไร่นาของตระกูลเซี่ยนั้นทำอย่างไรก็ไม่หมด ถึงขั้นไม่ว่างมาสร้างความลำบากให้กับเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาที่หมู่บ้านชีจิ่งเลยทีเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าตัวเมืองไปขายไข่ไก่ ไม่ทันสองวันธุรกิจก็ราบรื่นมั่นคงแล้ว เธอพูดจาฉะฉานตรงไปตรงมา อีกทั้งยังมีหน้าตาสวยระดับนางงาม เธอทำธุรกิจอย่างมีหลักการ ทว่าภายในขอบเขตของหลักการยังเอื้อเฟื้ออยู่มาก คนงานของโรงงานเครื่องจักรการเกษตรและโรงงานเนื้อสัตว์รับรู้กันโดยทั่วว่าวันสองวันมานี้นอกโรงงานมีไซซีขายไข่ไก่ปรากฏตัวขึ้น ไข่ไก่ที่ขายสดใหม่ยิ่งนัก
แรกเริ่มเทียวไปเทียวมาเข้าเขตอันชิ่งทุกวัน ไม่พ้น 2 วันเธอก็ขายไข่ได้เกือบ 2,000 ใบแล้ว แม้การขี่จักรยานเดินทางระหว่างในหมู่บ้านกับตัวเมืองช่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ทว่าความเหนื่อยล้าของเธอกลับออกดอกออกผลงดงามยิ่ง โดยเฉลี่ยทุกวันหาเงินได้ประมาณ 10 หยวน เพราะเงินต้นทุนที่น้อยแถมไม่มีเครือข่ายคนช่วยเหลือ ความคิดหาเงินให้เต็มท้อง [1] ของเซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้เพียงค่อยเป็นค่อยไป ต่อให้ทุกวันหาเงินได้เล็กน้อยเธอก็ไม่รังเกียจรังงอน ส่วนหลิวเฟินนั้นพออกพอใจเป็นอย่างมาก
ตกกลางคืนเซี่ยเสี่ยวหลานก็กลับถึงบ้าน สองแม่ลูกนับเงินรายได้ของทั้งวัน เงินในกระเป๋าผ้าถูกเทลงบนโต๊ะ ส่วนใหญ่เป็นเงินหนึ่งเหมา หนึ่งหยวน ห้าเหมาบ้างกระจัดกระจายกัน… น้อยที่สุดคือเงินเฟิน เซี่ยเสี่ยวหลานสาบานได้เลยว่าธนบัตรเงิน ‘เฟิน’ ที่เธอเคยพบเจอเมื่อชาติก่อนเอามารวมกันทั้งหมดยังไม่เยอะเท่าที่ได้มาในช่วงนี้เลย!
หลิวเฟินจัดการเงินทั้งหมดเรียบร้อย ได้แต่คิดว่าเหมือนกับฝันไป
ในเมื่อเงินมันหาง่ายเช่นนี้ คนอื่นเขาจะไม่รู้กันหรือ?
คำถามของหลิวเฟินถือว่าดี นี่แสดงให้เห็นว่าเธอเริ่มคิดวิเคราะห์บ้างแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงหัวเราะ รู้ว่าหาเงินได้ แต่ธุรกิจแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้นะ
ในยุค 80 นี้มีโอกาสอยู่ทุกหนแห่ง ทว่าทุกคนก็มิได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน โอกาสมาถึงแล้วก็จริง แต่ต้องมีความกล้า และต้องมีโชคด้วย! ธุรกิจแบบที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำย่อมมีคนในหมู่บ้านชีจิ่งเห็นแล้วอิจฉาตาร้อน อย่างแรกเพราะผลผลิตในไร่นายังต้องรอคนเก็บเกี่ยว พวกเขาส่งใครไปทำไม่ได้ อย่างที่สองต่อให้มีแรงคนเพียงพอจะทำ แต่ต้องมีความกล้าหาญระดับตีหม้อจมเรือ [2] เช่นเซี่ยเสี่ยวหลาน ทำธุรกิจมีได้มีเสีย การขายไข่ไก่เก็งกำไรนี้ไม่เพียงเหนื่อยยากเท่านั้น ความเสี่ยงก็มากโข ไข่ไก่ขายไม่ออกแล้วจะทำเช่นไร? ไข่ไก่ตกพื้นเสียหายระหว่างทางหมดแล้วจะทำเช่นไร? ต้นทุนเกือบร้อยหยวน หากไม่ระมัดระวังจะขาดทุนย่อยยับได้
แต่ถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะขาดทุนจริงก็ยังเริ่มใหม่ได้อีก เธอเคยเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ แค่ความล้มเหลวเท่านี้มันทำอะไรเธอไม่ได้หรอก
แต่สำหรับคนชนบทในปี 83 แล้ว เงินที่เสียไปเกือบร้อยหยวนนั้นคือจำนวนเงินที่ต้องใช้เวลาเก็บหอมรอมริบมากถึงครึ่งปี เสียแล้วเสียเลย หากสถานะทางการเงินไม่คล่องนักจะทนขาดทุนได้กี่รอบเชียว?
เซี่ยเสี่ยวหลานนำเงินเก็บรวบรวมไว้ ธุรกิขไข่ไก่นี่อีกสักวันสองวันก็ไม่เหมาะจะทำแล้ว ฉันวานให้ลุงช่วยจับปลาไหลเอาไว้นี่? ฉันอยากเข้ามณฑลไปลองดูบ้าง
ในท้องนาของบ้านหลิวสามารถจับปลาหมู ปลาไน และปลาไหลจำนวนหลายสิบชั่งได้สบายๆ แถบหมู่บ้านไม่เคยขาดแคลนพวกมันเลย
ปลาหมูหากปรุงไม่ดีก็มีกลิ่นสาบดินโคลน
ปลาไนที่ถูกเลี้ยงในท้องนานั้นภายหลังถูกยกย่องอย่างเลิศเลอ ทว่าตอนนี้ใครเขาจะกินกัน?
เปลืองน้ำมันในการปรุง หนามเยอะ เนื้อน้อย… พวกมันไม่อาจเข้าร่วมเป็นหนึ่งใน ‘สี่ยอดมัจฉา [3] ’ ด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าของแบบนี้ไม่ได้รับความนิยมแค่ไหน อีกอย่างสิ่งของที่คนนิยมและมีจำนวนเยอะมักถูกเปรียบเปรยเป็น ปลาไนในน้ำ [4] ลองจินตนาการดูว่ามีปลาไนปริมาณมากเท่าใดกัน!
แต่ปลาไหลนั้นแตกต่าง มันบำรุงร่างกายได้ดี ไม่ว่าเมื่อไรก็ขายได้ราคา
ขนาดราคาปัจจุบันยังเกือบเท่าเนื้อหมูแล้ว ทว่าที่เขตอันชิ่งเองก็ขายไม่ค่อยดี เว้นเสียแต่นำไปขายในมณฑล
ปลาไนปลาหมูขายได้ถูก เซี่ยเสี่ยวหลานจึงขี้เกียจจะเสียเวลา เธอไหว้วานให้หลิวหย่งบอกคนในหมู่บ้านชีจิ่งว่า นอกจากรับซื้อไข่ไก่แล้วเธอยังรับซื้อปลาไหลด้วย ทว่าตอนนี้ทุกคนยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวพืชผล ลำพังปลาไหลที่เด็กๆ จับมาขาย มีแค่ไม่กี่ชั่งเท่านั้น จำนวนรวมไม่พอทำธุรกิจ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รีบร้อน เพราะปลาไหลยังจับได้ถึงเดือนตุลาคม
หากผู้คนไม่ชอบปลาไนและปลาหมู เซี่ยเสี่ยวหลานก็มีวิธีรับประทาน
ฝีมือการทำครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานธรรมดา แต่เธอมีความรู้ไม่น้อย เนื่องจากต้องรับรองลูกค้า ยังมีอาหารเหนือใต้ชนิดไหนที่เธอไม่เคยลองอีก?
ปลาหมูและปลาไนที่หลิวหย่งจับกลับบ้านมาก่อนหน้านี้ได้คายเอาโคลนทรายออกมาหมดแล้ว หยดน้ำมันพืชลงหม้อสักหน่อย จากนั้นจี่ปลาไนสองด้านจนสุกเป็นสีเหลืองทอง เติมน้ำแล้วตุ๋นด้วยไฟเบา เนื้อปลาจะเปื่อยผสมผสานเข้ากับน้ำซุป แค่ต้องใช้เวลามากหน่อยเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจให้คนทั้งบ้านกินน้ำซุป คนที่เธอดูแลเป็นพิเศษคือหลิวเฟินกับเทาเทา หลิวเฟินซูปผอมราวกับผู้ลี้ภัยในทวีปแอฟริกา ส่วนเทาเทานั้นถ้าไม่เสริมแคลเซียมให้มากพอ อีกหน่อยความสูงจะได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมตามตระกูลหลิวไปเสีย
ใช้ซอสพริกย่างปลาหมู เพิ่มด้วยเต้าหู้เล็กน้อย พอนำไปตั้งเตาก็ใส่ต้นกระเทียมเข้าไปด้วย
กับข้าวมื้อนี้ของบ้านหลิวนั้นจัดเตรียมได้เป็นอย่างดี ป้าสะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยจึงพอใจในฝีมือของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นที่สุด
สองวันนี้หลิวเฟินมิได้เข้าเมืองไปเป็นเพื่อนเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ในเมื่อสองแม่ลูกอาศัยอยู่บ้านหลิว คงไม่อาจปล่อยให้หลิวหย่งและภรรยาไปไร่นาเก็บเกี่ยวผลผลิตกันเองเพียงสองคน หลิวเฟินเองก็ไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ลูกเข้าเมืองคนเดียว ต้องระวังหน่อยนะ
ก่อนที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะออกเดินทาง หลิวเฟินก็กำลังจะไปเกี่ยวข้าวเช่นกัน ฉวยขณะที่แดดยังไม่ออก เก็บเกี่ยวข้าวกลับมา และยังต้องนวดให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง ตอนนี้ยังไม่มีเครื่องจักร ทำได้เพียงพึ่งแรงกายคน
ฉันรู้แล้วน่า แม่! อย่าทำงานจนเหนื่อยเกินไปนะ
เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานเข้าเมือง ไม่กี่วันมานี้เธอเติมส่วนแบ่งการตลาดไข่ไก่ของโรงงานทั้งสองแห่งจนเกือบเต็มแล้ว ไม่มีทางที่จะมีคนซื้อไข่ไก่จำนวนมากทุกๆ วัน เธอขนไข่ไก่ 400 กว่าใบต่อครั้ง หนึ่งวันไปกลับในเขตอันชิ่งสองรอบ วันนี้ตอนที่เธอมาขายไข่รอบสอง ถึงจะเฝ้าอยู่นอกโรงงานเครื่องจักรอยู่นานสองนาน แต่ยังคงเหลือไข่ไก่ร้อยกว่าใบ
เซี่ยเสี่ยวหลานเลยอยากเปลี่ยนที่ขายสักหน่อย
ปกติเธอไม่ใช้ทางลัด แต่วันนี้ใช้เวลาขายไข่อยู่นาน เธอจึงขี่จักรยานเลาะเข้าไปในตรอกตรอกหนึ่ง
แต่เธอนั้นไม่รู้เลย ขณะที่ตนขายไข่ในเมืองอยู่ไม่กี่วัน ชื่อเสียง ‘ไซซีขายไข่ไก่’ ของเธอได้แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว หน้าสะสวย อีกทั้งมีเงินสดที่ได้จากการขายไข่ติดตัวทุกวัน มีคนวางแผนลงมือกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานเพลิดเพลินกับความสำเร็จจนลืมตัวไปหน่อย อย่างไรเสียเธอเก็บกรรไกรติดตัวไว้ตั้งหลายวัน ยังไม่เคยเจอกับพวกอันพาลด้วยซ้ำ
อีกฝั่งของตรอกนี้ก็คือถนนใหญ่ เธอออกแรงถีบจักรยาน ทว่าตะกร้าไม้ไผ่ที่ผูกติดกับรถกลับถูกคนจับไว้
น้องสาว ทำไมต้องตกใจขนาดนี้เล่า พวกเราแค่จะซื้อไข่ไก่!
รถถูกหยุดไว้อย่างสายฟ้าแลบ ดีที่เธอไม่ล้มลงไป ทว่าตะกร้าไม้ไผ่ตกกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง เซี่ยเสี่ยวหลานเจ็บปวดใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าไข่ไก่แตกไปเท่าไรแล้ว!
มีคนก้าวโผล่มาตรงหน้าเธออย่างว่องไว ขวางทางออกของเธอเอาไว้
ชายอีกสองคนคว้าจักรยานของเธอขึ้นมา เซี่ยเสี่ยวหลานลุกยืนขึ้นแล้วกำกรรไกรเล่มโตไว้ในมือโดยใช้แขนเสื้อปิดปังมัน
สถานการณ์ไม่สู้ดี ชายหนุ่มท่าทางหยาบคายสามคนใช้สายตากลัดมันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวมิดชิดเพื่อกันความร้อนของแสงแดดอยู่เห็นๆ แต่กลับทำสายตาลามกราวกับเธอไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นเดียว… เกรงว่าวันนี้จะใจดีไม่ได้แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานมิได้สับสนงงงวยดั่งหญิงสาวทั่วไป เธอไม่พูดพร่ำทำเพลง พออ้าปากได้ก็ร้องเรียกเสียงดัง
ช่วยด้วย! มีอันธพาลจะลวนลามผู้หญิง! ช่วยด้วย พวกเขากักตัวฉันไว้ในตรอก!
เซี่ยเสี่ยวหลานกรีดร้องเสียงแหลม ทำเอาอันธพาลทั้งสามถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ
ชายคนหนึ่งรีบพุ่งไปปิดปากเซี่ยเสี่ยวหลานโดยพลัน เธอใช้กรรไกรแทงเขาไปอย่างรุนแรง ชายผู้นั้นเจ็บปวดจนหน้าตาเหยเก
นังนี่! คิดว่าพวกเราไม่เคยแอบฟังเรื่องของแกหรือ? พวกแกสองคนรีบจับมันไว้สิ นังนี่ยังกล้าเอากรรไกรแทงฉัน!
เซี่ยเสี่ยวหลานหลังพิงผนัง เหวี่ยงกรรไกรในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย ปากยังคงส่งเสียงเซ็งแซ่ไม่หยุด อย่างไรก็ไม่ยอมให้คนเข้าใกล้ตนได้ เธอได้แต่ตะโกน ‘อันธพาลจะลวนลามผู้หญิง’ และ ‘ช่วยด้วย’ อีกทั้งนำจักรยานมาบังตัวเธอไว้ จึงไม่มีใครเข้าถึงตัวเธอได้ชั่วครู่
หนึ่งในอันธพาลหมดความอดทน ดึงจักรยานออกให้พ้นทาง
เซี่ยเสี่ยวหลานตะโกนพลางยิ้มเยือกเย็น มีคนคว้าข้อมือเธอไว้ เธอจึงเล็งลูกตาของอีกฝ่ายแล้วกระทุ้งไปที
ชายคนนั้นรีบถอย เปลือกตาถูกคมกรรไกรบาดเข้า เขาทนความเจ็บปวดกระชากหางเปียของเซี่ยเสี่ยวหลาน จับเธอไถลงกับพื้นตรงหน้า ชายอีกคนใช้โอกาสนี้ทำลายกรรไกรของเซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งเสีย
นังชั่ว! ยังมาทำตัวเป็นหญิงบริสุทธิ์อยู่ได้ ใครเขาจะไม่รู้ว่าแกคือรองเท้าเยินๆ กัน? เซี่ยเสี่ยวหลานแห่งหมู่บ้านต้าเหอใช่ไหมเล่า!
เชิงอรรถ
[1] 一肚子 เต็มท้อง หมายถึง มีจำนวนมาก
[2] 破釜沉舟 ตีหม้อจมเรือ เปรียบเปรยว่า ไม่เหลือหนทางอื่นให้ไปต่อแล้ว มีแต่ต้องยืนหยัดสู้ต่อจนได้ชัยชนะหรือตัดสินใจทำต่อไปอย่างถึงที่สุดโดยไม่สนใจสิ่งใดแล้ว
[3] 四大家鱼 สี่ยอดมัจฉา ประกอบด้วย ปลาคาร์ฟดำ ปลาเฉาหรือปลากินหญ้า ปลาลิ่น และปลาซ่ง มีที่มาจากก่อนสมัยราชวงศ์ถัง เดิมทีปลาตะเพียนเป็นปลาที่นิยมเลี้ยง ทว่าราชวงศ์ถังใช้สกุล หลี่ (李) ซึ่งออกเสียงเหมือนกับคำว่าปลาตะเพียน (鲤) จึงห้ามเลี้ยง จับ หรือค้าขาย ชาวประมงจึงหันไปเลี้ยงปลาทั้งสี่ชนิดข้างต้น และกลายเป็นปลาที่นิยมในครัวเรือน
[4] 过江之鲫 ปลาไนในน้ำ มีที่มาจากสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออกนั้นได้ก่อตั้งที่เจียงหนาน (ทิศใต้แม่น้ำฉางเจียงหรือแยงซีเกียง) ผู้คนจากทางเหนือพากันย้ายมาที่เจียงหนาน คนสมัยนั้นจึงมีคำพูดว่า คนข้ามแม่น้ำฉางเจียงมีมากกว่าปลาไน แสดงให้เห็นว่า ปลาไนซึ่งเลี้ยงกันเป็นที่แพร่หลายและมีจำนวนมากนั้นก็ยังน้อยกว่าคนที่ย้ายมายังเจียงหนาน ถูกนำมาใช้เปรียบเปรยกับสิ่งที่กำลังนิยมมีจำนวนเยอะ ต่อมามีความหมายว่าเยอะมากและไม่เป็นระเบียบ