เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 19 เสี่ยวหลาน คนรักของเธอช่างหล่อเหลาเสียจริง!
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 19 เสี่ยวหลาน คนรักของเธอช่างหล่อเหลาเสียจริง!
เซี่ยเสี่ยวหลานทำได้เพียงแกล้งโง่
โจวเฉิงแสดงออกชัดเจนเกินไปแล้ว!
เมื่อวานส่งเธอกลับบ้าน ตอนเช้ามารอเธอตรงทางแยกโดยลำพัง ทั้งใส่ใจความเป็นไปในครอบครัวเธอ เรียก ‘คุณลุง’ แบบที่เธอทำ ถึงบอกว่าคนคนนี้ไม่เคร่งครัดมารยาทก็เถอะ แต่เขากลับเตือนคังเหว่ยให้เรียกลุงของเธอว่า ‘ลุงหลิว’ ตามมารยาทของคนนอกครอบครัวแทน เห็นได้ชัดเจนว่าโจวเฉิงแยกแยะในนอก [1] ได้
มีผู้ชายทำดีกับเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกมหัศจรรย์มาก
เมื่อชาติก่อนตอนยังสาววุ่นอยู่กับการทำมาหากินเป็นชีวิตจิตใจ ในสมองมีแต่เรื่องการงาน จะมีความคิดเรื่องความรักได้อย่างไรกัน? ทั้งรูปลักษณ์รวมถึงพื้นฐานครอบครัวล้วนไม่โดดเด่น และไม่มีชายหนุ่มตามจีบเธออย่างจริงจัง มีลูกค้าที่รู้จักคิดว่าเธอฉลาดเฉลียวดีจึงอยากได้เธอเป็นลูกสะใภ้ เธอเกรงใจจึงไปดูตัวเสีย ทว่าพอพบหน้ากัน ลูกชายเจ้าของโรงงานกลับเดินหันกลับทันที เขาไม่ชอบที่เธอไม่สวย อีกทั้งแข็งทื่อไม่สะดุดตา เมื่อหน้าที่การงานรุ่งเรืองขึ้นก็ได้ลองพัฒนาความสัมพันธ์ฉันชายหญิง มีหีบห่อสวยๆ อย่างการงานและเงินทองแล้ว ราคาเสนอของตัวเธอก็เพิ่มขึ้นมากทีเดียว ทว่าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมักคิดถึงผลประโยชน์มากกว่า ยังไม่ทันมีความคืบหน้าก็แนะนำให้เธอซื้อบ้านในเขตการศึกษา[2] จะให้เธอรีบมีลูก จะดูแลการเงินแทนเธอ มีแต่อะไรก็ไม่รู้ เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็รู้สึกห่างเหินกับความรู้สึกรักชอบอย่างคนหนุ่มสาวไปนานแล้ว
โจวเฉิงรูปงาม แค่พูดถึงเงื่อนไขเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกก็ดีเพียงพอแล้ว
ถูกชายหนุ่มเช่นนี้เอาใจใส่ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร มิใช่ว่าตอนนี้ผู้คนยังยึดถือจารีตประเพณีแบบเดิมอยู่หรือ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าโจวเฉิงนั้นใจถึงเสียเหลือเกิน!
กินข้าวเช้ากันกันก่อนเถอะนะ ตอนกลางวันผมเลี้ยงข้าวพวกคุณดีๆ สักมื้อ ขอบคุณความช่วยเหลือที่ทั้งสองมีต่อเสี่ยวหลาน
หลิวหย่งคิดเรื่องจะไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจจึงไม่สะดวกพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปด้วย แต่เขาก็กังวลว่าเหล่าอันธพาลยังเหลือพรรคพวกอยู่ โจวเฉิงบรรเทาความกลุ้มใจของเขาไปในทันที
ผมไปอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหลานขายไข่ไก่เอง ขายเสร็จแล้วก็เจอกันที่บ้านพัก
คังเหว่ยอุ้มเกี๊ยวส่วนของตนเอาไว้ เจ็บปวดจิตใจเหลือแสน รู้ดีว่าตัวเองโดนทิ้งอีกแล้ว
ลุงหลิว ให้ผมไปดูลาดเลาที่สถานีตำรวจด้วยอีกคนดีไหม? เมื่อวานผมก็อยู่ในเหตุการณ์ พวกเจ้าหน้าที่ยังจำผมได้
หลิวหย่งลังเลเล็กน้อย แล้วสัมภาระพวกคุณ?
สามารถขับรถทางไกลได้ในช่วงนี้ ของที่นำมาด้วยจึงไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ทำเงิน หลิวหย่งไม่รู้ว่าทั้งสองคนจัดการกันเอง เป็นเจ้าของหรือเป็นคนขับรถทำธุระแทน แต่ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน คนและรถก็ไม่อาจแยกจากกันได้ ต่อให้พักรถที่บ้านพักก็เถอะ อย่างไรเสียทุกคนต้องผลัดกันนอนบนรถอยู่ดี
ตอนกลางคืนแค่เฝ้ากันพวกหนูสกปรก ตอนกลางวันก็ไม่มีปัญหาแล้ว กระบะด้านหลังมีลูกกรงลงกลอนไว้ด้วย
หลิวหย่งเมียงมองรถตงเฟิงที่จอดไว้ในลานของบ้านพัก ด้านหลังรถมีเส้นเหล็กเสริมคอนกรีตหนาเท่าข้อมือเด็กทารกเชื่อมผนึกปิดตายไว้ ด้านท้ายแขวนไว้ด้วยกลอนอันใหญ่… สองคนนี้ทำอะไรกันนะ ขนของอะไรถึงต้องป้องกันเสียเหนียวแน่นถึงเพียงนี้?
เขาระแวงขึ้นมาในบัดดล
โจวเฉิงไม่ได้อธิบาย เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรีบคลี่คลายความอึดอัดนี้
ฉันไปขายไข่เองดีกว่า นอกโรงงานคนพลุกพล่าน วันนี้ไม่มีทางไปที่เปลี่ยวอีกแล้ว กลางวันแสกๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้? ขอบคุณความหวังดีของพี่โจว…
โจวเฉิงไม่พูดอะไร เขายังคงมองเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่อย่างนั้น
แววตานั่นมองจนเซี่ยเสี่ยวหลานจะละลายหายไปแล้ว
อยู่ดีๆ คังเหว่ยก็พูดอย่างจริงจัง ลุงหลิว ผมว่าเรื่องนี้ควรจะสืบให้ละเอียดสักหน่อย เมื่อวานพวกอันธพาลนั่น…
คังเหว่ยกึ่งดึงกึ่งลากหลิวหย่งจากไป
ลานหน้าที่พักเหลือเพียงเซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิง
ไปเถอะ ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด จะคลาดกับคนมาซื้ออาหารได้
เขาเข็นรถจักรยานของเซี่ยเสี่ยวหลานนำหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำได้แค่เดินตามไป ตอนแรกทั้งสองคนต่างไม่พูดอะไร เดินจนไปถึงแผงลอยที่เซี่ยเสี่ยวหลานมักไปกินบะหมี่นั่น น้าหวงเจ้าของแผงรู้จักกับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว เห็นว่าวันนี้เป็นโจวเฉิงที่เข็นจักรยานของเธอ น้าหวงจึงอยากจะแซวเสียหน่อย แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิดไป
เธอทักทายเซี่ยเสี่ยวหลานมาแต่ไกล
เช้านี้ยังเหมือนเดิม?
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหัวปฏิเสธ น้าจ๊ะ ตอนเช้าฉันกินมาแล้วน่ะ
โจวเฉิงนำจักรยานจอดไว้ เดินมาตั้งไกลขนาดนั้น กินแล้วก็หิวอีกได้ กินอีกหน่อยเถอะ รบกวนทำบะหมี่สองชามทีครับ เพิ่มไข่ทั้งสองชาม!
เขาเกรงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะปฏิเสธ จึงได้พูดอีกประโยค กินแล้วก็กินเป็นเพื่อนฉันอีกหน่อยนะ ฉันตื่นตั้งแต่ตี 5 ไปรอเธอระหว่างทาง แค่เกี๊ยวอาจจะไม่อยู่ท้อง… อย่าใส่ใจเลย ฉันไม่ได้หมายความว่าเธอเอามาน้อยเกินไปนะ หมายถึงตัวฉันเองที่ท้องยุ้งพุงกระสอบต่างหาก
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินดังนั้นก็หน้าแดง ถ้าเธอไม่ตะกละกินเกี๊ยวเหล่านั้น โจวเฉิงคงได้กินมากพอ
ทั้งสองคนนั่งลง น้าหวงยังช่วยนำเกี๊ยวไปอุ่นให้ด้วย จากนั้นยกมาพร้อมกับบะหมี่
โจวเฉิงคีบเกี๊ยวหนึ่งตัวเข้าปาก รสชาติเผ็ดเปรี้ยวเรียกน้ำย่อย เขาพยักหน้าโดยอัตโนมัติ
ฝีมือเธอไม่เลวเลยนะ เกี๊ยวอร่อยมาก
ทางเหนือนิยมกินเกี๊ยวผักกาดดอง มีรสชาติแตกต่างกับไส้ที่ใช้ไชเท้าดองทำ แต่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นคนทำเกี๊ยวไส้หมูกับผักดองนี้ โจวเฉิงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ปล่อยอีกครึ่งหนึ่งให้คังเหว่ย
ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นสีแดงบางๆ แม่ฉันเป็นคนรีดแป้งน่ะ ฉันทำแป้งไม่ค่อยเก่ง
อ๋อ
โจวเฉิงยังไม่ทันพูดอะไร ดันมีบางสิ่งดลใจให้เซี่ยเสี่ยวหลานแทรกอีกประโยค
แต่ไส้น่ะฉันปรุงเองนะ
โจวเฉิงยังคงไม่พูด ทว่าเพิ่มความเร็วในการคีบเกี๊ยวมากขึ้น
อันที่จริงเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่อิ่ม ถึงเวลานี้ความอยากอาหารของทุกคนล้วนมีมาก ในท้องไม่มีสารอาหาร งานที่ทำก็ต้องใช้แรงกาย เกี๊ยวที่เธอกินมาจากบ้านนั้นไม่พอยาไส้เอาเสียเลย
บะหมี่ชามโตที่มีทั้งน้ำซุปและบะหมี่ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานกินจนเกลี้ยง
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะกินไม่ช้า ทว่าท่าทางของเธอกลับดูนวยนาดนุ่มนวล โจวเฉิงรู้สึกเจริญตาเจริญใจยิ่งนัก
จนกระทั่งเซี่ยเสี่ยวหลานวางตะเกียบแล้ว โจวเฉิงถึงจัดการกวาดเกี๊ยวและบะหมี่กินจะหมดชาม
เซี่ยเสี่ยวหลานจะออกเงิน แต่ครั้งนี้โจวเฉิงแย่งจ่ายเสียก่อน
น้าหวงพอจะดูออก เลยรับเงินจากโจวเฉิงเท่านั้น
เสี่ยวหลาน คนรักเธอนี่หล่อเอาการนะ ดีต่อเธอด้วย
เขาไม่ใช่…
ขอบคุณคุณน้าที่ดูแลเสี่ยวหลานนะครับ ฝีมือคุณน้าดีจริงๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องได้เปิดร้านบะหมี่ใหญ่โตแน่
น้าหวงฉีกยิ้มยิงฟันเสียจนไม่เห็นลูกตา ได้ฟังคำพูดเป็นมงคลตั้งแต่เช้าแบบนี้ใครมันจะไม่สบายอกสบายใจกันเล่า? ชายหนุ่มไม่เพียงแต่หล่อเหลา ยังช่างเจรจาอีกด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานนี่ตาถึงทีเดียว!
โจวเฉิงไม่ปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้พูดอีก สองคนจ่ายเงินแล้วจากไป แต่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกอารมณ์เสียไม่เบา
โจวเฉิงผู้นี้ช่างร้ายกาจ อีกทั้งเอาความคิดตนเป็นที่ตั้ง ประธานเซี่ยไม่ชอบที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ ไม่เคารพความประสงค์ของเธอเสียเลย พวกคลั่งผู้ชายเป็นใหญ่!
โจวเฉิงเห็นว่าเธอมีใบหน้าขุ่นเคือง ไม่สบอารมณ์ ทว่าดูแล้วกลับไม่มีความน่าเกรงขาม เวลาโกรธกลับมีเสน่ห์อื่นซุกซ่อนอยู่ ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าโจวเฉิงไม่ได้อยากทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานอารมณ์เสีย เขาข่มความร้อนรนในใจเอาไว้แล้วอธิบายเป็นจริงเป็นจัง
ช่วงนี้กำลังปราบปรามอยู่ คุณน้าจะเข้าใจผิดมันก็ช่วยไม่ได้ ฉันกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วยังกล้าไปโน่นไปนี่กันสองคน ต่อไปที่จะโดนหน่วยรักษาความปลอดภัยอันชิ่งจับกุมก็คงเป็นฉันแทนน่ะสิ
สีหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยคลายอารมณ์ลง
อาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเกิดเรื่องนั้นของเธอขึ้น วันนี้การรักษาความปลอดภัยในเมืองจึงดูเข้มงวดมากขึ้น
ความผิดฐานทำตัวเป็นอันธพาลนั้นมิใช่ล้อเล่น หนุ่มสาววัยรุ่นอยู่ในที่สาธารณะก็ห้ามใกล้กันเกินไป
แต่พอถึงด้านนอกโรงงานเครื่องจักรการเกษตร เหล่าน้าหญิงที่มาซื้ออาหารก็พากันเข้ามาถามไถ่อย่างประหลาดใจ
เธอคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานใช่ไหม?
พ่อหนุ่มมาครั้งแรก เธอควรมาเป็นเพื่อนคนรักใช่ไหม ดูสิเธอสวยออกขนาดนั้น คนชั่วต้องคิดอะไรแน่
พ่อหนุ่มเป็นคนที่ไหนหรือ?
ไข่ไก่ขายหมดได้เร็วก็จริง แต่มันกลายเป็นเรื่องซุบซิบเกินไปแล้ว โจวเฉิงไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนรักของเธอ แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน พอคนถามเขาเข้า ก็ตอบอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ทันไรพวกน้าๆ ที่มาซื้อไข่ไก่ล้วนรู้กันโดยถ้วยหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานคบหาอยู่กับคนรักจากปักกิ่ง ขับรถบรรทุก อีกทั้งมีทะเบียนบ้านอยู่ในปักกิ่งด้วย!
ลูกค้าที่คุ้นเคยคนหนึ่งดึงเธอไปอีกทาง
ตายจริง คุณสมบัติแบบนี้ก็เยี่ยมยอดไปเลยน่ะสิ! ฉันบอกแล้วเด็กแบบเธอทั้งหัวไวทั้งสะสวย ยังคิดจะแนะนำเธอให้หลานชายฉันอยู่เลย ตอนนี้หมดหวังเสียแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานจะอธิบายอย่างไรดี?
เธอรู้สึกว่าตนเองติดกับเข้าเสียแล้ว!
เชิงอรรถ
[1] 分清里外 แยกแยะในนอก หมายถึง รู้จักปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมกับคนในและคนนอก คนในคือคนที่ใกล้ตัว มีความสนิทสนม คนนอกคือคนที่รู้จักกันทั่วๆ ไป
[2] 学区房 บ้านในเขตการศึกษา คือ อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งใกล้กับเขตสถานศึกษา เนื่องจากอยู่ใกล้สถานศึกษาที่ผู้คนคิดว่า ‘มีคุณภาพดี’ ผู้ปกครองสะดวกในการดูแลบุตรหลาน ที่อยู่อาศัยในเขตการศึกษาจึงมักจะราคาสูงกว่าทั่วไปถึง 10-15%