เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 3 ฉันจะทวงความยุติธรรมให้เธอเอง
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 3 ฉันจะทวงความยุติธรรมให้เธอเอง
แม่ช่วยฉันถือหน่อย
เซี่ยเสี่ยวหลานเอาถุงใส่มันเทศยัดเข้าอ้อมอกของหลิวเฟิน ในขณะที่ผู้เป็นแม่น้ำตาไหลอาบแก้ม
เสี่ยวหลาน ลูกจะออกไปได้อย่างไร… พ่อลูกกลับมาแล้วจะทำอย่างไรเล่า…
หลิวเฟินจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมเรื่องราวมันมาถึงจุดนี้ได้ แม้ลูกสาวจะยังไม่โดนอะไรแต่ก็ถูกแบ่งแยกออกไปใช้ชีวิตคนเดียว ไล่เด็กสาวอายุสิบกว่าออกไปอยู่นอกบ้าน ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตอย่างไรกัน? เธอเองอยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับผิดไปเสีย แต่ก็กลัวว่าจะไปขัดเคืองลูกสาวเข้า
ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ไปอยู่ข้างนอกกับฉันสิ รอพ่อกลับมาค่อยว่ากัน ฉันทำอาหารไม่เป็นนะ อยู่คนเดียวมีหวังได้หิวตายก่อนแน่!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะปล่อยหลิวเฟินไว้คนเดียวอยู่แล้ว ถ้าหากเธอไปแล้วคนบ้านเซี่ยยังรังแกหลิวเฟินอย่างเอาเป็นเอาตายล่ะ? เธอคิดไว้แล้วว่าหลิวเฟินจะใจอ่อน แค่ต้องทำท่าทางยืนหยัดจริงจังสักหน่อยแล้วพาหลิวเฟินไปกับเธอให้ได้
คนบ้านเซี่ยไม่รั้งหลิวเฟินไว้ คาดว่าคงรอให้เซี่ยต้าจวินหรือบิดาของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาก่อนค่อยคิดบัญชีกับสองแม่ลูก ฝนตกหนักติดต่อกันมาสักพัก ทางตัวเมืองกังวลว่าน้ำหลากจะทำให้คันกั้นน้ำในหมู่บ้านรอบๆ พังทลาย ไม่ไกลจากที่นี่ได้เรียกรวมพลเหล่าชายฉกรรจ์ ผู้ชายตระกูลเซี่ยจึงออกไปซ่อมแซมคันกั้นน้ำกันหมด
แต่ไหนแต่ไรหลิวเฟินเป็นคนที่ไม่มีจุดยืนนัก แม้ยังงุนงงแต่ก็อุ้มถุงใส่มันเทศตามลูกสาวไป
เซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งพ้นประตูได้ก้าวเดียวก็หันกลับไปถ้วยเอากระเบื้องเคลือบที่บรรจุไข่ตุ๋นถือติดมือไปด้วย หลานชายตัวน้อยประจำบ้านเซี่ยที่เล็งไข่ตุ๋นจนน้ำลายสอเอาไว้ไม่คิดว่าจะโดนเซี่ยเสี่ยวหลานฉวยเอาไป จึงได้ร้องไห้โยเยไม่หยุด
คนทั้งบ้านได้แต่รุมด่าเซี่ยเสี่ยวหลาน ถึงกระนั้นก็ต้องโอ๋เด็กๆ ด้วยเสียจนวุ่นวาย
เมื่อโผล่พ้นจากบ้าน ไออากาศบริสุทธิ์ได้โชยมากระทบใบหน้าในทันที
ไม่มีหมอกควัน ไม่มีท้องฟ้าเจือมลพิษ พอย้อนจาก 30 ปีข้างหน้ามาตอนนี้ถึงได้รู้ว่าอากาศที่บริสุทธิ์มันล้ำค่ามากเพียงใด เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกตกตะลึงโดยพลัน
เมื่อกลางวันบ้านเซี่ยเอะอะกันไปยกใหญ่ ไม่รู้ว่าบ้านไหนแอบสอดหูมาฟังเรื่องคนอื่นบ้าง
เมื่อพบเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดา คนเหล่านั้นก็ไม่หลบซ่อนแถมยังชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปยังสองแม่ลูกอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าหลิวเฟินไม่ได้ถูกสนใจเท่าไร พวกเขานินทาเซี่ยเสี่ยวหลานเสียมากกว่า
โดนไล่ออกจากบ้านแล้วหรือ?
เหอะ สมน้ำหน้า พี่เขยก็ไม่เว้น!
ถึงขนาดไปเกลือกกลั้วบนกองหญ้ากับพวกเสเพลหมู่บ้านข้างๆ ทำเอาตระกูลเซี่ยขายหน้าจริงๆ
แซ่เดียวกันแท้ๆ พี่สาวน่ะเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว ดูมันเหลวไหลสิ
เซี่ยต้าจวินกลับมาเมื่อไรล่ะก็โดนเฆี่ยนจนตายแน่
เฆี่ยนน่ะเคยแล้ว ด่าก็ด่าแล้ว มันดันรั้นไม่แก้ตัวเอง ดูมันเดินสิ ก้นบิดไปมาเชียว
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะฟาดพวกแม่บ้านปากยื่นปากยาวเสียจริง เธอดูเหมือนกำลังเดินบิดก้นหรือ เป็นเพราะเธอหิวและอ่อนแรงมากต่างหาก! เหล่าแม่บ้านจอมสะเออะได้ทำลายความอภิรมย์จากอากาศบริสุทธิ์จนหมดสิ้น เซี่ยเสี่ยวหลานมองไปรอบตัว ทิวทัศน์ของไร่นาที่งดงาม? นั่นเป็นสิ่งที่เมื่อความสุขทางวัตถุถูกเติมเต็มแล้วถึงจะมีอารมณ์มาชื่นชมหรอก
ในปี 83 นั้น ชนบทได้รับการยกย่องความน่าพิสมัยผ่านบทประพันธ์จากเหล่าบัณฑิตสาย ‘วรรณกรรมท้องถิ่น’
ดูจากภาพรวมแล้ว ในหมู่บ้านมีบ้านดินหลายหลัง บ้านที่ก่อด้วยอิฐนั้นน้อยมาก บ้านส่วนใหญ่เป็นทรงเตี้ย ผนังอิฐผนังดินถูกโบกด้วยปูนขาวและมีคำขวัญของเมื่อ 10 ปีก่อนที่เขียนด้วยสีแดงแปะไว้
ที่นี่ไม่อยู่เหนือไม่อยู่ใต้ เป็นมณฑลที่อยู่ติดฝั่งทะเลในดินแดนมาตุภูมิ สายลมฤดูใบไม้ผลิของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน [1] พัดมาไม่ถึงที่นี่ จึงเป็นเพียงหมู่บ้านต้าเหอที่ไกลปืนเที่ยง
ถ้าอยากจะหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมนี้ก็จำต้องเรียนหนังสืออย่างเดียว
เส้นทางชีวิตที่พี่สาวของเซี่ยเสี่ยวหลานเลือกนั้นถูกครรลอง เซี่ยจื่ออวี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวของหมู่บ้านต้าเหอในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่ยุคสร้างชาติ[2]มาจนถึงยุคฟื้นฟูเกาเข่า[3] ลองจินตนาการดูก็รู้ได้เลย หากเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดเปลี่ยนวิถีชีวิต พอเซี่ยจื่ออวี้เข้าเรียนแล้วเส้นทางของทั้งคู่ก็คงต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ต่อให้เสียเปรียบเซี่ยจื่ออวี้แล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ?
คนหนึ่งคือนักศึกษาสาวในยุค 80 ผู้มีอนาคตสดใส ไม่แปลกใจว่าคนทั้งบ้านพร้อมใจกันมองเธอเป็นหงส์ฟ้าทอง อีกคนหนึ่งชื่อเสียงป่นปี้ ทักษะใดๆ ไม่มี อีกหน่อยคงได้แค่แต่งงานกับพ่อม่ายหรือกลายเป็นสาวทึนทึก ช่วยอะไรพี่ป้าน้าอาที่บ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ
ความแตกต่างของฟ้ากับดิน
พอเข้าใจได้ว่าที่ตระกูลเซี่ยเย่อหยิ่งเห็นแต่ตัวเองนั้น… ก็นับว่าเป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์แหละนะ
เพื่อผลประโยชน์ของครอบครัวแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันเคียงข้างเซี่ยจื่ออวี้ ส่วน ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ นั้นครุ่นคิดให้ตายก็ไม่เข้าใจ ชายหญิงไปมาหาสู่กันจนเกือบกลายเป็นคนพิเศษ เป็นตัวเธอเองด้วยซ้ำที่สนับสนุนให้ฝ่ายชายสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เธอยังไปก้มหัวขอยืมหนังสือจากเซี่ยจื่ออวี้มาให้ฝ่ายชายเรียน รวมถึงไปส่งเขาเข้าสอบคัดเลือกในตัวเมืองอีกด้วย
สอบเสร็จแล้วก็ไม่เกิดอะไรผิดวิสัย แล้วทำไมพอจดหมายตอบรับเข้าเรียนมาถึง เขาจึงได้กลายเป็นคู่หมายของเซี่ยจื่ออวี้อย่างเปิดเผยเล่า?
เพราะเธอไม่คู่ควรกับหวังเจี้ยนหัว?
การเลือกผู้เป็นพี่คิดดูแล้วก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม นักศึกษาคบกับนักศึกษา ราวกับสวรรค์สรรสร้างมาให้คู่กัน
แต่ทำไมตอนพวกเธอจะจากไปนั้นต้องหันมาเหยียบย่ำ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คนนี้ด้วย?
เพราะต้องการรู้ว่าข่าวลือร้ายแรงที่เกือบคร่าชีวิตคนนั้นแพร่ไปทั่วได้อย่างไร ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ จึงไปหาหวังเจี้ยนหัวเพื่อถามถึงเรื่องราวที่แท้จริง ทว่าดันพบกับเซี่ยจื่ออวี้ในห้องของหวังเจี้ยนหัว เซี่ยจื่ออวี้ช่างมีเหตุผลกว่า ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ มากนัก เธอพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ หันหลังกลับได้แล้ว
ระหว่างทางกลับบ้านเธอได้พบกับหนุ่มเสเพลหมู่บ้านข้างๆ คนคนนี้เคยตามตอแย ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ มาก่อน คราวนี้เขาอุกอาจมาฉีกแขนเสื้อเธอจนหลุดลุ่ย หวังเจี้ยนหัวและเซี่ยจื่ออวี้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน หวังเจี้ยนหัวราวกับผิดหวังในตัว ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เป็นที่สุด เขาไม่แม้แต่จะรอเธออธิบายที่มาที่ไป อีกทั้งยังจูงมือเซี่ยจื่ออวี้จากไปทั้งอย่างนั้น
หรือว่าคนเสเพลหมู่บ้านถัดไปนั้นจะเป็นคนปล่อยข่าวลือ? ปีนี้มันปีปราบปราม[4]เสียด้วย ถ้าอย่างนั้นก็วิสามัญพวกเลวทรามนั่นด้วยลูกปืนได้แล้วสิ!
ไม่เป็นไร ในเมื่อเธอได้เกิดในร่างใหม่โดยใช้ชื่อแซ่เดิมแล้ว เรื่องราวที่ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ยังไม่เข้าใจ เธอจะทำให้มันแจ่มแจ้งเอง และจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าของร่างเดิมนี้ด้วย
ริมแม่น้ำนั้นปรากฏบ้านเก่าซอมซ่อขึ้นในสายตา
รั้วไผ่หงิกงอ ประตูไม่มีกลอนสักอัน ผนังและหลังคาเต็มไปด้วยรู หลิวเฟินที่อุ้มมันเทศไว้กับอกรู้สึกหมดสิ้นหนทางนัก
ที่นี่ใช้หลบลมฝนไม่รอดด้วยซ้ำ
เสี่ยวหลาน ฟังแม่นะ…
เซี่ยเสี่ยวหลานกุมศีรษะตัวเองไว้ แม่ ฉันเจ็บแผลอีกแล้ว!
เธอเรียกมารดาได้คล่องปากมากขึ้นแล้ว หลิวเฟินจึงเบนความสนใจจากสิ่งที่กำลังจะพูดทันที แผลลูกมันปริหรือ? ให้แม่ดูหน่อย
ประตูไร้กลอน ในบ้านรกรุงรัง เตียงนอนก็เหลือแต่โครง หลิวเฟินบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานรีบกินไข่ตุ๋นเสีย ไข่ตุ๋นที่เย็นชืดแล้วเริ่มมีกลิ่นคาว เซี่ยเสี่ยวหลานเองไม่อยากเห็นแก่ตัวกินคนเดียว จึงกินไปแค่ครึ่งพร้อมบอกว่าตัวเองอิ่มแล้ว
ที่เหลือแม่กินเถอะ เหลือเอาไว้พรุ่งนี้ก็เน่าเสียไปเปล่าๆ
หลิวเฟินถือถ้วยเคลือบเอาไว้ ความรู้สึกต่างๆ ปะปนกันไป ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก่อนเลย หลังจากลูกสาวเอาหัวชนเสาไปทีก็ดูท่าจะเข้าใจความรู้สึกคนที่รักใคร่ห่วงใยเธอมากขึ้น
อีกสองวันพ่อของลูกก็กลับมาแล้ว
การกล่าวถึงสามีตนเองขึ้นมาทำให้หลิวเฟินห่อไหล่อย่างเสียไม่ได้ เธอรู้สึกหวาดกลัวเข้ากระดูก
เชิงอรรถ
[1] 改革开放 การปฏิรูปเศรษฐกิจจีนในปี 1978 โดยปรับระบบเศรษฐกิจให้กลายเป็น ‘สังคมนิยมแบบจีน’ โดยโอนกรรมสิทธิ์การทำเกษตรกรรมคืนให้ประชาชน มีการเปิดประเทศค้าขายกับต่างชาติ
[2] 建国 ยุคสร้างชาติ ในที่นี้คือนับตั้งแต่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1949
[3] 高考 เกาเข่า คือ ระบบการสอบมหาวิทยาลัยที่ใช้อย่างเป็นทางการในประเทศจีน
[4] 严打1983 แคมเปญปราบปรามอาชญากรรมในปี 1983 โดยมีการใช้ความเด็ดขาดในการปราบปรามอาชญากรรมทั่วประเทศจีน