เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 4 แซ่เดียวกันแต่คนละชะตากรรม!
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 4 แซ่เดียวกันแต่คนละชะตากรรม!
เซี่ยต้าจวินบิดาของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นเป็นพวกโง่เง่าที่มักลงไม้ลงมือกระทำแต่มักจะไม่พูดมาก
ไม่ว่าจะชิงน้ำในคลองหรือแย่งที่นาทำกิน เซี่ยต้าจวินผู้มีร่างกายกำยำก็ทำได้หมด เขาคือหัวหอกหัวแรงที่พร้อมทำเพื่อตระกูลเซี่ย
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าเซี่ยต้าจวินหัวโตเสียเปล่าแต่กลับไร้สมอง เอาแต่สนใจคนทั้งตระกูลทว่าครอบครัวตัวเองกลับเพิกเฉย เหมือนกับท่อนไม้ซักผ้าดีๆ นี่เอง ในสามพี่น้องตระกูลเซี่ยนั้น เซี่ยต้าจวินเป็นลูกชายคนรอง เขาคือลูกชายคนเดียวในสามคนที่ไม่ได้ให้กำเนิดหลานชาย นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ และมักเอาความรู้สึกไม่พอใจมาลงที่หลิวเฟิน โดยดุด่าว่าเธอไปจนถึงลงมือทำร้ายเมื่อเมาเหล้า
ในสายตาของเขา ลูกสาวเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้เป็นเพียงแค่ของชดเชย [1] เท่านั้น
แต่จะโทษที่เซี่ยต้าจวินไร้ความหวังว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ ‘ของดีน่ากักตุน’ อย่างเดียวไม่ได้ เพราะสุนทรียภาพในแต่ละยุคสมัยมันมีขอบเขตของมันอยู่ เซี่ยเสี่ยวหลานรูปร่างหน้าตาสะสวยก็จริง กระนั้นรูปโฉมของเธอดึงดูดได้เพียงเหล่าชายหนุ่ม ทว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่บ้านของหนุ่มๆ เหล่านั้นกลับไม่ชอบท่าทางของเซี่ยเสี่ยวหลาน แค่เห็นก็รู้ว่านี่คือหญิงมากชู้ ได้มาเป็นสะใภ้คงอยู่กันไม่เป็นสุข
ในทางกลับกัน เซี่ยจื่ออวี้ผู้พี่ของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นเจ้าของใบหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มตาโต มองแล้วช่างสุขุมเอื้อเฟื้อ ดังนั้นใครจะกล้าเถียงว่านี่ไม่ใช่รูปลักษณ์ของหญิงสาวแสนประเสริฐกัน?
เซี่ยเสี่ยวหลานนั้นจัดว่าไร้ความสามารถ เซี่ยจื่ออวี้ตอนเด็กเองก็ไม่ได้ฉลาดเป็นพิเศษ แต่เมื่อเรียนจบมัธยมต้นกลับมีแววขึ้นมา ผลการเรียนของเธอดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปีนี้สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่งได้ ตระกูลเซี่ยเลี้ยงนกหงส์ฟ้ามากับมือ เซี่ยต้าจวินจึงรังเกียจลูกสาวแท้ๆ แต่ดันรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้เสียอย่างนั้น
ที่ชายฉกรรจ์บ้านเซี่ยไปซ่อมคันกันน้ำก็เพื่อจะหาค่าครองชีพให้เซี่ยจื่ออวี้ ตัวเธอนำเงินที่คนในครอบครัวร่วมกันลงขันจำนวน 500 กว่าหยวนเข้าปักกิ่งไปด้วย คนทั้งบ้านกลัวว่าเธอไปอยู่ที่โน่นแล้วค่าใช้จ่ายจะเยอะมาก จึงทำงานเหมือนวัวเหมือนควายเพื่อจะเลี้ยงดูปูเสื่อนักศึกษาคนนี้
ส่วนชีวิตเซี่ยเสี่ยวหลานอเนจอนาถนัก ขนาดเอาหัวโขกเสายังไม่ได้ไปโรงพยาบาล แค่เรียกหมอยาจากอนามัยมาทำแผลส่งๆ ไปเท่านั้น
แซ่เดียวกันแต่คนละชะตากรรมจริงๆ
ประธานเซี่ยคิดถึงเจ้าของร่างเดิมนี้แล้วอยากถอนหายใจตลอดเวลา
พี่สาวปัญญาดีจริยธรรมเลิศผู้นั้นเจ้าเล่ห์เอาเรื่อง คนชนบทพวกนั้นไม่เข้าใจไม่เท่าไร แต่ประธานเซี่ยรู้ดีว่าในยุคนี้เรียนมหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเล่าเรียน นอกจากนี้รัฐบาลยังมีเงินอุดหนุนให้กับนักศึกษาทุกเดือนอีกด้วย แน่นอนว่าเงินส่วนนี้แก้ปัญญาหาค่าใช้จ่ายจิปาถะได้อยู่แล้ว การนำเงิน 500 หยวนเข้าเมืองไปเรียนหนังสือในปี 83 คือสวัสดิการของคนประเภทไป๋ฟู่เหม่ย [2] ชัดๆ
เซี่ยจื่ออวี้จะมีความสุขกับสวัสดิการของไป๋ฟู่เหม่ยอย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีปัญหาหรอก
แต่เมื่อเห็นคนตระกูลเซี่ยก็พบว่าไม่มีใครจะผ่ายผอมไปกว่าหลิวเฟินแล้ว เอาไปลงหม้อยังคั้นน้ำมันออกมาได้ไม่ถึงสองหยด หากพูดถึงแค่แม่ของเซี่ยจื่ออวี้ แม้สวมเสื้อผ้ามีรอยซ่อมปะชุน แต่สีหน้าดูมีเลือดฝาดสุขภาพดี ไม่เหมือนหลิวเฟินที่มือผอมแห้งราวกับกิ่งไม้และเต็มไปด้วยบาดแผล
คนที่ถูกกดหัวมากที่สุดคงไม่พ้นเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว
แม้เซี่ยต้าจวินจะยอมทรหดอดทนเป็นวัวเป็นควาย แต่ตัวแทนหลิวเฟินอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานน่ะไม่ยอมหรอก
พ่อกลับมาแล้วก็รอดูว่าเขาจะเลือกอย่างไร เลือกหลานสาวหรือลูกสาวอย่างฉัน
เรื่องที่เซี่ยเสี่ยวหลานชนเสานั้นไม่รู้ว่าเซี่ยต้าจวินได้ยินข่าวหรือยัง คนคนนี้ทำงานเสร็จ เดี๋ยวก็กลับมา เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจจะให้โอกาสพ่อบังเกิดเกล้าของร่างนี้อีกสักครั้ง
หลิวเฟินได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยดี กลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมีปัญหากับพ่อ
พ่อต้องรักลูกอยู่แล้วสิ พี่สาวลูกน่ะ…
เซี่ยเสี่ยวหลานหัวเราะ หลิวเฟินพูดไปพูดมาก็ไม่มีความมั่นใจ
ในสังคมชนบท กรณีคนรักหลานชายมากกว่าลูกสาวมักมีอยู่บ่อยครั้ง แต่รักหลานสาวมากกว่าลูกสาวนี่หลิวเฟินก็ไม่เคยเจอ เซี่ยต้าจวินไม่ชอบเสี่ยวหลานจริงๆ เพราะตอนที่หลิวเฟินให้กำเนิดเสี่ยวหลานนั้นได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจมีลูกได้อีก เซี่ยต้าจวินเลยเอาเรื่องนี้มาโทษลูกสาวของตน
สองแม่ลูกจมอยู่กับความเงียบ
เซี่ยเสี่ยวหลานเมียงมองบ้านผุๆ หลังนี้
ฉันไปเก็บฟืนสักหน่อย เดี๋ยวกลับมานะ
เธออยากไปสำรวจรอบหมู่บ้านต้าเหอด้วยเลยพิจารณารอบๆ ไว้ว่ามีตรงไหนให้ทำมาหากินบ้าง กระเป๋าเงินแบนแบบนี้ย่อมไม่มีศักยภาพมากพอ แผนการดีแค่ไหนก็สำเร็จลุล่วงได้ยาก
หมู่บ้านต้าเหอยากจนแร้นแค้นมาก
แน่นอน ทั้งประเทศในปี 83 ไม่มีหมู่บ้านที่ไม่ยากจน
ปัญหาความยากจนข้นแค้นเป็นปัญหาหยั่งรากฝังลึกที่หลงเหลือจากสภาพภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ขณะเดียวกันก็เป็นข้อจำกัดของยุคสมัย แค่ขุดหาอาหารจากผืนดินมาเลี้ยงปากท้องได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
แสงอาทิตย์ยามเย็นเคลื่อนคล้อยไปทางทิศตะวันตก ที่ริมแม่น้ำมีกลุ่มหญิงชาวบ้านกำลังซักผ้า
ชาวบ้านต้าเหอรู้กันดีว่ามีแม่น้ำไหลผ่านใกล้หมู่บ้าน พูดถึงทรัพยากร ว่ากันตามเหตุผลแล้วปลาในแม่น้ำไม่มีเจ้าของ หากจับไปขายก็หาเงินได้ คนในหมู่บ้านนั้นมิใช่ว่าไม่กล้าเอาปลาเข้าไปขายในเมือง ปลาเหล่านั้นเกิดเองตามธรรมชาติ แม่น้ำสายนี้ก็ถือว่าเป็นของหมู่บ้าน ปลาจึงกลายเป็นทรัพย์สินส่วนรวม จะจับขึ้นมาบรรเทาความหิวย่อมได้ แต่จับไปขายเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างแน่นอน
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วการแอบจับปลาไปขายไม่ก่อให้เกิดความกดดันใดๆ สมบัติพัสถานหนึ่งเดียวในตอนนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินก็คือมันเทศจำนวน 20 ชั่งเหล่านั้น คนหิวจะตายแล้วจะให้มาสนใจคุณธรรมกับความพิถีพิถันอะไรอีก?
สองฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยต้นอ้อก้านอวบสูงชะลูดที่มีดอกสีขาว ถ้าเป็นเดือนพฤษภาคม เซี่ยเสี่ยวหลานอาจจะเก็บใบอ้อเอาไปขายให้คนในเมืองใช้ห่อบ๊ะจ่าง แต่ตอนนี้เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างมันผ่านไปแล้ว ใบอ้อไม่ใช่ของที่คนหมู่มากต้องการเท่าไร เก็บมาขายก็ไม่คุ้มค่าเหนื่อย
เอามาทอเสื่อหรือถักกระบุงขาย?
ในความทรงจำเจ้าของร่าง มีชาวบ้านที่มีฝีมือทำของแบบนี้ไม่น้อย เมื่อมีเวลาว่างจากงานเกษตร ทุกครัวเรือนจะมาถักทอพวกเสื่อหรือตะกร้าสะพายหลังกัน ขายของแบบนี้ในหมู่บ้านคงได้ไม่เท่าไร จะเอาไปขายในเมืองก็ขาดคนซื้อ ช่วงนี้คนไม่ค่อยสนใจสินค้าทำมือท้องถิ่น ของที่คนในเมืองต้องการคือสินค้าปศุสัตว์จำพวกเนื้อ ไข่ นม เทือกนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานเหม่อมองสายน้ำจนใจลอย เธออุตส่าห์นั่งแท่นผู้บริหารกิจการแล้ว จะมาอดตายในปี 83 เช่นนี้หรือ? ถ้าจะปลดแอกจากบ้านเซี่ย เธอต้องตระเตรียมความสามารถในการเลี้ยงชีพตัวเองกับหลิวเฟิน ก่อนที่จะกินมันเทศ 20 ชั่งหมดนั้นเธอจะหาเงินสำหรับก้าวแรกให้ได้
อยู่ในชนบทต่อไปคงไม่ไหว เธอต้องไปหาโอกาสในตัวเมืองแล้ว
การหมุนเวียนสินค้าถึงจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ คนในหมู่บ้านใช้ชีวิตแบบไม่สนกำไร นอกจากสินค้าอุตสาหกรรมอย่างไม้ขีด สบู่ ปุ๋ยเคมีแล้ว ชาวบ้านในปี 83 ก็พึ่งพาตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ในตอนนั้นเองพวกผู้หญิงที่อยู่ริมแม่น้ำได้ชี้มาทางเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังคิดการใหญ่หาเลี้ยงชีพไปพลาง เก็บกิ่งไม้แห้งริมน้ำไปพลาง ไม่มีเวลามาใส่ใจพวกผู้หญิงปากยื่นปากยาว เธอไม่ต้องการสิ้นเปลืองแรงกายไปเถียงกับใคร จึงเดินหลบมาอีกไม่กี่ก้าวถึงกลุ่มกอต้นอ้อข้างคอกวัว ตรงนี้กลิ่นเหม็นไปถึงสวรรค์ ชาวบ้านที่มาตัดต้นอ้อไม่ค่อยอยากมากันเท่าไร
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินลึกเข้าไปอีกสองสามก้าว เป็ดป่าสองตัวโผล่ออกมาจากดงต้นอ้อ
พวกมันทำท่าตีปีกทั้งยังร้องเสียงดังราวกับกำลังยั่วให้เซี่ยเสี่ยวหลานตามจับพวกมัน เซี่ยเสี่ยวหลานดวงตาลุกวาว เธอจะโดนเป็ดสองตัวนี้หลอกเอาได้อย่างไร นี่มันกลยุทธ์ปล่อยข่าวโจมตีทางตะวันออก [3] ชัดๆ !
เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อเธอดูในกอต้นอ้ออย่างละเอียดแล้วก็พบกับรังที่หลบอยู่อย่างมิดชิด
รังเป็ดบนหญ้าอ่อนนุ่มมีไข่เป็ดสีเขียวอยู่กองหนึ่ง ประธานเซี่ยผู้เซ็นสัญญามาเป็นสิบล้านรอบยิ้มแหยๆ ให้กับไข่เป็ดป่าในรังนั่น จากนั้นจึงหยิบขึ้นมาส่องแสงทีละใบ ล้วนไม่มีไข่ใหม่ที่จะฟักเป็นตัวได้เลย
ใช่แล้ว อาศัยใกล้ภูเขา หากินกับภูเขา อยู่ใกล้น้ำก็ต้องใช้ประโยชน์จากน้ำ และเธอจะต้องสามารถเอาชีวิตรอดในปี 83 ให้ได้ เธอข่มความพลุ่งพล่านที่อยากกวาดกอต้นอ้อเอาไว้ หอบไข่เป็ด 12 ใบกับฟืนอีกจำนวนหนึ่งกลับบ้านผุๆ ของตน
แม่ เราเผามันกินกันดีไหม?
ท้องอิ่มแล้ว ถึงจะมีแรงกายแรงใจทำงานต่อไป
เชิงอรรถ
[1] 赔钱货 ของชดเชย เป็นคำเปรียบเทียบเรียกลูกสาว (ความหมายเจือความดูถูก) เนื่องจากลูกสาวโตขึ้นต้องแต่งงานเข้าบ้านสามี และบ้านเจ้าสาวยังต้องเสียเงินค่าเครื่องใช้สำหรับแต่งงานด้วย
[2] 白富美 ไป๋ฟู่เหม่ย คำแสลงทางอินเตอร์เน็ต ใช้เรียกผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ประกอบด้วย ผิวขาวรูปร่างดี รวย และสวย
[3] 声东击西 กลยุทธ์ปล่อยข่าวโจมตีทางตะวันออกแต่โจมตีจริงทางตะวันตก หมายถึง หลอกล่อให้อีกฝ่ายสับสน ในที่นี้เปรียบเทียบว่า เป็ดป่าตีปีกร้องเรียกให้เซี่ยเสี่ยวหลานออกห่างจากรัง