เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 ดูแล้วไม่เหมาะสม?
เอื๊อก
ชายหนุ่มกระเดือกสั่นถึงกับกลืนน้ำลาย
กลิ่นบะหมี่มันหอมเกินไปหรือเปล่า?
หรือเป็นเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานสวยเกินห้ามใจต่างหาก!
ในเมืองเล็กกระจ้อยเช่นนี้ มีสาวงามไร้แรงต้านทานอยู่ด้วยหรือ?
ผิวขาวใสจนแสบตา นัยน์ตาอุดมด้วยประกายวาววับ คางเรียว เห็นอยู่ว่าเธอสวมเสื้อแสนมิดชิดสีน้ำเงิน แต่เมื่อสะดุดกับหน้าอกนูนของเธอเข้านั้น ก็กลายเป็นดูไม่เหมาะสมในบัดดล บนหน้าผากยังมีผ้าพันแผลที่ปรากฏรอยเลือดจางๆ ยิ่งทำให้คนพบเจอรักใคร่เอ็นดูเหลือทน
เธอกินบะหมี่คำน้อย ผู้คนก็หวังว่าจะกลายร่างเป็นบะหมี่ในชาม วันนี้ขณะที่แม่ลูกเดินรอบตัวเมือง ไปถึงไหนล้วนมีสายตาตะลึงงันส่งมาเช่นนี้ หลิวเฟินนึกว่าคนอื่นจ้องมองเพราะสองแม่ลูกแต่งกายซอมซ่อ แท้จริงแล้วกำลังมองเซี่ยเสี่ยวหลานต่างหาก
น้าหญิงเจ้าของแผงบะหมี่เคาะชามหนักๆ ไปหนึ่งที จึงพาจิตใจของชายหนุ่มกลับมาได้
กินบะหมี่ไหมจ๊ะ?
ชายหนุ่มรู้สึกเขินอาย จากนั้นจึงนำปิ่นโตส่งให้เจ้าของแผง ดูว่าเข้าสิ อยู่ตั้งไกลโขยังโดนบะหมี่หอมๆ พามาถึงที่นี่ เอาสองชามเลย ใส่ปิ่นโตกลับ!
สำเนียงปักกิ่งเจื้อยแจ้ว ที่แท้ก็เป็นคนต่างถิ่นนี่เอง
เซี่ยเสี่ยวหลานย่นคิ้ว วันนี้มีคนลอบชะเง้อชะแง้ลอบมองเธออยู่ แต่ไม่มีใครจะกล้ามองอย่างเปิดเผยเท่าคนต่างถิ่นผู้นี้
เธอยังคงไม่ชินกับหน้าปัจจุบันของตัวเองนัก
พอคิดว่าตัวเองอยู่กับใบหน้าขี้ริ้วขี้เหร่มาเป็นสิบปีก็ทำเอาลืมไปพักหนึ่งว่าตอนนี้เธอดูดีมากเพียงใด แค่ซื้อกลอนอย่างเดียวคงไม่ปลอดภัยมากพอ กินบะหมี่หมดเมื่อไรเธอจะไปซื้อกรรไกรด้วย
น้ำซุปกระดูกเดือดพล่านอยู่บนเตา เส้นบะหมี่ถูกรีดจนทั้งบางทั้งเล็ก ผ่านไปครู่เดียวบะหมี่สองชามที่หนุ่มต่างถิ่นสั่งก็ทำเสร็จ เขาจ่ายเงินแล้วยังทำใจจากไปไม่ได้ เดินหนึ่งก้าวต้องหันมามองสามหน
หลิวเฟินรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงเร่งความเร็วในการกินบะหมี่เสีย
บะหมี่ 3 เหมาปริมาณอย่างกับมหาสมุทร หลิวเฟินดื่มน้ำซุปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว เวลานี้ท้องเธอช่างหิวโหยราว เธอกินได้รวดเร็วกับแหวกท้องกิน ปกติสตรีผู้นี้กินหมั่นโถวหนึ่งชั่งต่อมื้อก็ถือว่าสบายมาก
เซี่ยเสี่ยวหลานพามารดาไปเลือกซื้อกรรไกร
ที่นั่งคนขับมีบุรุษอยู่ผู้หนึ่ง ทรงผมเกรียน ใบหน้าเคร่งขรึม จะใช้มาตรฐานความงามของยุคไหนมองก็เรียกว่าหล่อเหลาคมคายนัก
ดูตัวเองเข้าสิ!
สหายผู้ลงรถไปซื้อบะหมี่ไม่สำราญนัก พี่เฉิงจื่อ ผมแค่ไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน รับรองว่าถ้าพี่เจอเข้าล่ะก็ต้องขาอ่อนเปลี้ยจนเดินไม่ไหวแน่
ถนนหนทางในเมืองหลวงมีสาวน้อยสาวใหญ่มากเท่าไรกัน?
แต่เขาก็ไม่เคยเห็นผู้ใดสวยหยาดเยิ้มไปกว่าคนที่เพิ่งพบเจอเมื่อครู่
โฉมหน้ามิได้เป็นแบบโก้เก๋คมบาดใจ แต่เป็นแบบอ่อนหวานกระชดกระช้อย ดูแล้วไม่ภูมิฐาน กระนั้นใบหน้าแบบนี้มักมัดเกี่ยวใจชายได้มากที่สุด
พวกเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ พานายถ่อไปมา ระหว่างนี้นายเรียนรู้ได้เท่าไรก็เท่านั้น หากไม่ได้ นายอยากไปไหนก็ไป หรือจะอยู่เมืองนี้เพื่อลามี่หรือ?
ลามี่แปลว่าเกี้ยวสาวในภาษาถิ่นปักกิ่ง พี่เฉิงจื่อคนนี้แผ่รังสีร้ายกาจ ท่าทางไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มผู้ลงรถซื้อบะหมี่จึงไม่กล้าพูดมากอีก ทั้งสองซดบะหมี่หมดก็ได้ออกรถไป
สองขาเร็วสู้สี่ล้อไม่ได้ ผ่านไปสองถนนก็พบกับเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาพอดิบพอดี
พี่เฉิงจื่อ ดูนั่นเร็ว!
ชายหนุ่มข้างคนขับโวยวายเสียเกินควร เมื่อพี่เฉิงจื่อเบนสายตาก็เห็นแผ่นหลังของใครคนหนึ่ง เสื้อสีน้ำเงินที่มีรอยปะตัวโคร่งยิ่งขับเน้นทรวดทรงองค์เอวของเธอให้ชัดเจน ผิวขาวหลังใบหูที่โผล่พ้นผมออกมาขาวจนไม่น่าเชื่อ… สวยอะไรกัน มิใช่ว่าผู้หญิงก็มีสองตาหนึ่งปากเหมือนกันหมดหรือไง? น่าเบื่อจริง
ชายหนุ่มเสียดายเอามากๆ
นี่แหละนะ นายกับหล่อนไม่มีวาสนาต่อกันน่ะ~
พี่เฉิงจื่อไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะเดี๋ยวรถก็จะออกจากเขตอันชิ่งแล้ว ไปเมืองฮู่ [1] ต้องใช้เวลาถึงสองวัน นั่งรถทางไกลเหนื่อยล้ามากแล้ว ยังต้องกลัวว่าจะถูกจี้ปล้นอีก มีเวลามาชื่นชมสาวงามที่ไหนกัน
สายตาไม่ซื่อของคนต่างถิ่นทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานฉุกคิดได้ เธอจึงไปซื้อกรรไกรอันใหญ่อีกเล่ม
ที่บ้านไม่มีหม้อและเธอก็ซื้อไม่ไหว เลยซื้อถ้วยกระเบื้องเคลือบอีกใบไปเข้าคู่กับของเดิม ของเล็กน้อยแบบนี้สามารถหุงหาอาหารแทนหม้อ ใส่ของ ดื่มน้ำ รวมถึงอีกสารพัดประโยชน์ได้ คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เธอไม่ลืมซื้อตะเกียบอีกสองคู่ เงินที่ได้มาเก้าหยวนสองเหมาเลยเหลืออยู่แค่หกหยวน เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่กล้าใช้เงินส่วนนี้อีก ไข่เป็ดป่าไม่ได้หาง่ายๆ อย่างไรเสียรังเป็ดที่หมู่บ้านต้าเหอถูกยกเค้าจนเกลี้ยงแล้ว ถ้าจะหาไข่เป็ดไปขายแลกเงินก็ต้องไปหมู่บ้านอื่น สองแม่ลูกเก็บไข่ไปขายขนาดนี้ยังได้แค่เงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะเริ่มธุรกิจขายไข่ไก่ หากมีต้นทุนสัก 20 หยวนในมือแล้วก็คงไม่ต้องไปพลิกดงต้นอ้ออีก
หมู่บ้านต้าเหอห่างจากตัวเมืองสองชั่วโมง ถ้าเช่นนั้นยังมีหมู่บ้านที่ไกลกว่านี้ไหม?
เสียเวลา 3 ชั่วโมงเข้าเมืองไปขายไข่ไก่ 10 ใบในราคา 1 หยวน 5 เหมา ไปกลับใช้เวลา 6 ชั่วโมง ถ้าเธอรับซื้อไข่ในราคา 1 เหมา 2 เฟินต่อใบ ปกติใครๆ ก็ยินดีจะเสียเวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงเพื่อได้เพิ่มอีก 3 เหมา ไม่นานจากตอนนี้จะเข้าสู่ช่วงฟาดข้าวแล้ว เด็กรุ่นๆ ต้องลงไร่นาไปช่วยงานกันหมด ไร้ซึ่งคนว่างเข้าเมืองไปขายไข่อย่างแน่นอน ชาวไร่ชาวนาต้องวุ่นอยู่ครึ่งเดือน ไข่ไก่ที่เก็บไว้ไม่ได้ขายเจออากาศร้อนเข้าไปก็เน่าเสีย เซี่ยเสี่ยวหลานจะเจาะจงใช้เวลานี้หาเงินจากส่วนต่างของราคา
ไข่ไก่หนึ่งฟองหาได้แค่สักสองสามเฟิน หนึ่งวันขาย 100 ใบก็สักสองสามหยวน
หักวันฝนตกไม่เข้าเมืองออกไปแล้ว อย่างไรเสียหนึ่งเดือนก็ต้องได้มากกว่า 70 หยวนแน่ ฟังดูเหมือนไม่มาก? ชาติก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานมีลูกค้าอายุมากคนหนึ่งเล่าให้เธอฟัง ตอนยุค 80 นั้นทำงานให้กับบ้านพักรับรองแขก รับเงินเดือนมากถึง 36 หยวน ในปี 83 นี้ คนที่มีเงินคือพวกที่ริเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่เนิ่นๆ แต่พวกเขามักมีลับลมคมในมาก ไม่ปล่อยให้คนนอกรับรู้ว่าตนมีมรดกตกทอดมากน้อยเพียงใด คนที่รับเงินเดือนสูงแบบเปิดเผยของยุคมิใช่ข้าราชการหรือพนักงานสถาบันรัฐ เนื่องจากสภาวะ ‘แขวนสมอง [2]’ ที่รุนแรง เงินเดือนของเหล่าปัญญาชนต่ำกว่าผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ทำงานในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและถ่านหิน คนงานที่ได้ค่าแรงหนึ่งถึงสองร้อยหยวนต่อเดือนนั้นมีไม่น้อย ในขณะเดียวกัน ครูโรงเรียนมัธยมกลับได้เพียงไม่กี่สิบหยวนต่อเดือนเท่านั้น!
พวกรายได้ต่ำก็ไม่พ้นเกษตรกรแล้ว
หากเซี่ยเสี่ยวหลานหาเงินได้ 70 หยวนต่อเดือนจริง เกรงว่าตระกูลเซี่ยรู้แล้วจะยินยอมพร้อมใจกันเชิญเธอกลับไปบูชาแทนพระโพธิสัตว์!
ในมือไร้เงินทุน เครือข่ายที่จะใช้ประโยชน์ได้ก็ไม่มี เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าก้าวแรกของการร่ำรวยมันลำบาก ดังนั้นค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
และแล้ว หลังจากเดินเท้าหอบสัมภาระมาสองชั่วโมง สองแม่ลูกก็ถึงหมู่บ้านต้าเหอ
กลับถึงบ้านแล้วนำสิ่งของเก็บเข้าบ้านซอมซ่อเป็นอย่างแรก พอมีกลอนเหล็กสักอันความรู้สึกปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นมาก จากนั้นได้นำไฟฉายไปคืนตาเฒ่าหวังที่คอกวัว เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกคันยิบๆ ตรงบาดแผลบนหน้าผาก หลิวเฟินบอกให้เธอไปโรงอนามัยเพื่อทำแผลใหม่เสีย เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็คิดว่านี่เป็นเรื่องสำคัญ ไปโน่นมานี่เหงื่อโทรมกาย เธอกลัวว่าแผลจะติดเชื้อเอาได้
ทำแผลไม่แพงนัก โดยหลักๆ คือทำความสะอาด
คุณหมอก็มีจรรยาบรรณไม่เหมือนเหล่าแม่บ้านปากยื่นปากยาว หมอได้ตรวจบาดแผลให้เธออย่างละเอียด
ไม่ต้องกังวลนะ แผลฟื้นฟูใช้ได้ ดูแล้วไม่น่าทิ้งแผลเป็นหรอก
เซี่ยเสี่ยวหลานสบายใจไปหนึ่งเปราะ รบกวนหมอแล้วค่ะ
แม่ลูกออกมาจากโรงอนามัย หลิวเฟินดึงแขนเสื้อของเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้
นั่นใช่ลุงของลูกหรือเปล่า?
บ้านตระกูลเซี่ยอยู่หัวหมู่บ้าน ชายร่างเล็กผู้หนึ่งกำลังทะเลาะกับหญิงชราเซี่ย
พวกแกตระกูลเซี่ยมันใจจืดใจดำ เล่นงานน้องสาวกับหลานสาวฉันจนตาย ถ้ายังไม่ส่งพวกเขาคืนให้ฉัน ฉันจะทุบพวกแกตระกูลเซี่ยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
เชิงอรรถ
[1] 沪市 เมืองฮู่ หมายถึง เซี่ยงไฮ้
[2] 脑体倒挂 แขวนสมอง หมายถึง ปรากฏการณ์ที่ค่าแรงของแรงงานฝีมือต่ำกว่าแรงงานไร้ฝีมือ