เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 1 ตอนที่ 9 ฉันกลับตัวกลับใจแล้ว!
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 1 ตอนที่ 9 ฉันกลับตัวกลับใจแล้ว!
แม้จะไม่อยากก็ต้องอยาก วันนี้ท่าทางของตระกูลเซี่ยช่าง ‘อ่อนโยน’ ครั้นอยากจะเอะอะแค่ไหน แต่ก็ต้องควบคุมไว้ให้มีขอบเขต
จักรยาน 28 นิ้วทำเอาคนบ้านเซี่ยตะลึงงัน
ที่คนตระกูลเซี่ยรังแกหลิวเฟินและไม่สนความเป็นความตายของเซี่ยเสี่ยวหลาน เหตุเพราะไม่มีใครออกรับหน้าแทนพวกเธอ เมื่อก่อนหลิวหย่งก็ใส่ใจ ทว่าตัวเองดันยากจนเสียส่งเสียงก๊องๆ[1] ย่อมยืนหยัดช่วยยังไม่ไหว มาตอนนี้เขายินดีสนับสนุนเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดา ถือว่าต้องพอมีกำลังอยู่บ้าง เหล่าสตรีบ้านเซี่ยที่รับมือยากถึงได้ยอมถดถอย
แม่เฒ่าเซี่ยมิได้ตำหนิติเตียน เพราะในวันสองวันนี้เซี่ยต้าจวินก็จะกลับมาแล้ว
รอให้เซี่ยต้าจวินกลับมา ขี้คร้านหลิวเฟินจะต้องกลับมาอ้อนวอนเอง เซี่ยเสี่ยวหลานรักจะหนีไปไหนก็ไป อย่างไรเสียก็เป็นแค่หญิงสำส่อนที่หมิ่นเกียรติวงศ์ตระกูล หากหลิวเฟินจะไสหัวไปด้วยก็ยิ่งดี หญิงที่ให้กำเนิดลูกชายไม่ได้แบบนี้ ไว้ค่อยหาภรรยาใหม่ให้เซี่ยต้าจวินยังดีกว่า
ตระกูลเซี่ยไม่ถึงกับร่ำรวย แต่บ้านเซี่ยมีหงส์ฟ้าทอง ยังต้องกังวลเรื่องจะไม่มีคนตบแต่งกับเซี่ยต้าจวินหรือ?
หญิงชราเซี่ยวางแผนเสร็จสรรพ ไม่แลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะนำเสื้อผ้าเก่าย้ายไปไหน นางเห็นทั้งสามกำลังจะจากไป ปากก็บ่นอุบอิบ
ออกจากตระกูลเซี่ยแล้ว อยากกลับมาก็ยากหน่อยนะ!
หลิวหย่งผู้พิฆาตจากไป คนอื่นถึงกล้าโผล่ออกมา
คุณแม่ ยอมให้พวกหล่อนไปจริงหรือ?
อาสะใภ้สามพินิจ อย่างน้อยควรเรียกให้หลิวเฟินกลับมาทำงาน
หญิงชราเซี่ยชี้แจงความคิดของตนอย่างภูมิอกภูมิใจ สะใภ้สามหวังจินกุ้ยย่อมประจบประแจงเสียหน่อย
ถ้าอย่างนั้นต้องแต่งพี่สะใภ้รองคนใหม่ที่สู้งานหน่อยเถอะค่ะ!
สะใภ้ใหญ่จางชุ่ยกลับไม่เต็มใจนัก ลูกสาวเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เพราะมีความสามารถ อีกหน่อยต้องดูแลคนทั้งบ้าน แม้แต่ภรรยาใหม่ของเซี่ยต้าจวินก็ยังต้องโอบอุ้มไว้หรือ? สำนึกความเป็นคนตระกูลเซี่ยของจางชุ่ยนั้นต่ำเตี้ย แต่ไร้ข้อกังขาว่าเธอคือสะใภ้ที่หลักแหลมที่สุด หลิวเฟินเป็นวัวแก่ของบ้าน แม้ทำงานหนักแต่กลับไม่เป็นที่โปรดปราน หวังจินกุ้ยคือประทัดที่จุดก็ลุกไหม้ [2] แล้ว จะประจบประแจงยังให้ตรงจุดเสียหน่อยยังมิได้เลย
จางชุ่ยรวบรัดเบี่ยงเบนหัวเรื่องสนทนา
นี่ไม่รู้ว่าจื่ออวี้ถึงวิทยาลัยหรือยัง เด็กคนนี้นี่ไม่ส่งโทรเลขมาบอกกล่าวกันบ้าง
โทรเลขน่ะแพง จื่ออวี้ประหยัดหรือไม่มีเงินกันนะ ถ้าอย่างนั้นน่าจะให้เงินหลานไปเรียนเพิ่มขึ้นอีกหน่อย!
หว่างคิ้วของแม่เฒ่าเซี่ยยับย่นเสียจนบี้แมลงวันให้ตายได้
หวังจินกุ้ยแอบเบะปาก เอาเงินทั้งบ้านติดตัวไปขนาดนั้นยังไม่พอส่งโทรเลขอีกหรือ?
แม่เฒ่าเซี่ยคิดว่าเซี่ยจื่ออวี้เข้าเมืองหลวงเรียนมหาวิทยาลัยจะต้องเจอกับเรื่องขุ่นข้องหมองใจแน่ ในใจพลันรู้สึกไม่ดี จึงได้ตัดสินใจอีกเรื่องหนึ่ง สามพี่น้องไปซ่อมคันกั้นน้ำ ได้เงินค่าแรงมาก็รีบส่งให้จื่ออวี้เสีย!
จางชุ่ยทำเป็นประวิงปฏิเสธสองสามคำตามมารยาท ในเมื่อแม่เฒ่าเซี่ยยืนยันจะให้ จางชุ่ยก็ทำได้เพียงอิดออดยอมรับน้ำใจของคุณย่าแทนลูกสาว
นี่มันช่างแซ่เดียวกันคนละชะตากรรมจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานชนเสาขนาดนั้นยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล เงินทองของบ้านเซี่ยกลับใช้จ่ายให้ผู้พี่ของเธอเซี่ยจื่ออวี้ หากเซี่ยเสี่ยวหลานได้อยู่ฟังในเหตุการณ์ด้วยแล้ว เกรงว่าเธอต้องได้เปิดศึกกับหญิงชราเซี่ยสักยกหนึ่ง
คนตระกูลเซี่ยไม่รักใคร่เธอ แต่เธอก็มีคนคอยห่วงใยอยู่
อย่างน้อยมีหลิวหย่งคนหนึ่งที่ห่วงเธอ ที่แบบนี้จะไปอยู่ได้อย่างไร ทำไมเมื่อวานเสี่ยวหลานกับแม่ไม่มาหาลุงเล่า?
บ้านเซี่ยเลือดเย็นเหลือเกิน โทษเสี่ยวหลานจนเธอไม่เหลือทางเลือก แต่ไหนแต่ไรเสี่ยวหลานทนลำบากไม่เป็น จะย้ายออกมาอยู่บ้านเส็งเคร็งริมแม่น้ำได้อย่างไร? หลิวหย่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความชิงชังต่อตระกูลเซี่ยเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
รีบเก็บของเถอะ กลับบ้านกับฉันนี่แหละ!
หลิวเฟินลังเล ต้าจวินกลับมาจะทำอย่างไรเล่า?
หลิวหย่งยังคงผิดหวังที่เหล็กไม่กลายเป็นเหล็กกล้า
เธอปกป้องเซี่ยต้าจวินทุกประการเชียว ในฐานะพี่ชายฉันไม่มีความเห็น อย่างไรเสียเขาก็สามีเธอ! แต่นอกเหนือจากเป็นสามีเธอแล้ว เขาก็เป็นพ่อของเสี่ยวหลานด้วย เขาได้ทำหน้าที่พ่ออย่างสมควรแล้วหรือ? ขนาดฉันยังรู้เรื่องเสี่ยวหลาน เซี่ยต้าจวินหูหนวกไม่รับรู้หรืออย่างไร?
หลิวหย่งโกรธเสียจนทำอะไรไม่ถูก
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบส่ายหัวให้ลุงของเธอ ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องพูดแล้ว
หลิวเฟินมีระบบความคิดเคยชินที่สะสมมาหลายปี แค่ย้ายออกมากับเซี่ยเสี่ยวหลานได้ก็ถือว่ากล้าหาญชาญชัยมากแล้ว
ลุง ฉันอยากทำธุรกิจสักหน่อย ลุงว่าพอจะได้ไหม?
เซี่ยเสี่ยวหลานเก็บสัมภาระพลางแจกแจงแผนขายไข่ไก่เก็งกำไรของตนให้กับหลิวหย่งฟัง เธอคิดว่าลุงเธอนั้นเป็นผู้ที่มีหูตากว้างไกลหายาก พูดจากระทำสิ่งใดได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ไม่มีท่าทางโง่เขลาอวดรู้
เมื่อฟังจนจบหลิวหย่งยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นในทันที เขาควักต้าเฉียนเหมิน [3] ห่อใหญ่ออกมาจากกระเป๋า จุดบุหรี่ให้ตัวเองหนึ่งมวน
หลิวหย่งสูบได้ครึ่งมวนถึงได้กล่าว ลุงว่ากันตามตรงนะ หลานอยากหาเงินถือเป็นเรื่องดี แสดงว่าหลานฉลาดและมีเหตุผล แต่ธุรกิจนี้น่ะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ขัดสิ่งที่หลิวหย่งพูด ชาติก่อนเธอสามารถปีนขึ้นสู่ตำแหน่งระดับผู้บริหารระดับสูงได้นั้น นอกจากเพราะมีปณิธานอันแน่วแน่แล้ว ก็เพราะว่าเธอไม่เคยทะนงว่าตนฉลาดเฉลียว
ยุค 80 นี้มันล้าหลังพอตัว แต่อย่างไรเสียต้องมีคนปราดเปรื่องอยู่แน่
หากเซี่ยเสี่ยวหลานด่วนตัดสินว่าคนเหล่านี้หัวทึบ ไม่ช้าก็เร็วเธอได้หกคะเมน [4] แน่
ลุงว่าต่อเลย ฉันฟังอยู่
เมื่อเห็นว่าภาวะอารมณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานมีการพัฒนาขึ้นมาก หลิวหย่งจึงได้หัวเราะ ถ้าลุงพูดอะไรไม่ถูกก็อย่าเพิ่งโกรธกันนะ ลุงแค่แนะนำน่ะ ธุรกิจนี้งานหนักกำไรน้อย เผลอๆ อาจเกิดเรื่องเข้าใจผิดได้ เราเปลี่ยนไปทำธุรกิจที่ใช้เงินน้อยกว่านี้หน่อยดีไหม?
ชาวสวนเข้าเมืองขายไข่ไก่เล็กๆ น้อยๆ ใช้ตะกร้าหิ้วเอาก็ได้แล้ว
หากจะส่งไข่ไก่มากกว่า 100 ใบเข้าเมืองไปขายในคราเดียว ระบบขนส่งขลุกขลักมาก การรับซื้อไข่เองก็เป็นเรื่องที่ไม่สะดวกเท่าไร
ไข่ไก่แตกง่ายเก็บรักษายาก ถ้าไข่ที่ส่งเข้าเมืองไม่ได้ขายหมดในชั่วอึดใจเล่า?
ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาของเซี่ยเสี่ยวหลานที่ดูเรียกร้องความสนใจคนนัก หลิวหย่งไม่วางใจให้เธอไปตรงนั้นทีตรงโน้นทีเพื่อรับซื้อไข่ไก่ งานแบบนี้ต้องทำตั้งแต่รุ่งสางยันดึกดื่น ได้แค่ค่าเหนื่อยเท่านั้น เหมาะกับผู้ชายทำมากกว่า ไม่เหมาะสำหรับสาวรุ่นอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่สวยจรุงจิตเช่นนี้
ปัญหาเหล่านี้เซี่ยเสี่ยวหลานได้พิจารณาไว้แล้ว
หลังจากที่ยินดีปรีดาในตอนแรก เธอเริ่มตระหนักถึงข้อดีข้อด้อยของใบหน้านี้แล้ว
บ้านประตูหญ้า [5] มากสาวงามย่อมเลี้ยงดูปูเสื่อไม่ไหว สมัยศักดินานั้นสาวงามจากครอบครัวแร้นแค้นจะเสนอตัวรับใช้ชนชั้นสูง ส่วนหญิงสาวจากครอบครัวมีอันจะกินมักหลบซ่อนตัว ไปไหนมาไหนต้องมีพิธีรีตอง ถึงจะรับประกันความปลอดภัยได้
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีฐานะดังข้างต้น ทำได้เพียงซื้อกรรไกรไว้ป้องกันตัวสักเล่ม
สิ่งที่หลิวหย่งพูดล้วนเป็นข้อเท็จจริง เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มอย่างขมขื่น
ฉันมีทุนน้อย ทำได้แค่พึ่งธุรกิจไข่ไก่เลี้ยงชีพตัวฉันกับแม่ไปก่อน ฉันพาแม่ออกจากบ้านเซี่ยมาไม่ใช่เพื่อให้หวาดหวั่นเรื่องปากท้อง ลูกสาวคนอื่นเป็นหงส์ฟ้าทอง แม่ฉันก็คงมีแต่ลูกเวรลูกกรรมล่ะมั้ง [6] ? สักวันฉันจะต้องทำให้แม่มีชีวิตดีๆ ลุง เมื่อก่อนฉันมันโง่งมนัก ทำให้เสียใจอยู่เรื่อย!
ชายชาตรีอย่างหลิวหย่งยังรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา หลิวเฟินจะกลั้นอยู่ได้เยี่ยงไร
มารดาร้องไห้โฮพลางปฏิเสธ
ใครบอกว่าเป็นลูกเวรลูกกรรมกัน? แม่จะเป็นอย่างไรก็ช่าง ที่สำคัญคือลูกจะต้องอยู่ดีกินดีต่างหากเล่า!
สามคนร่วมสายเลือดแทบจะร้องห่มร้องไห้ด้วยกันแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานใช้โอกาสนี้แถลงไขความในใจให้คนใกล้ชิดรับรู้ เธอจะ ‘กลับตัวกลับใจ’ เป็นคนใหม่แล้ว
หลิวหย่งเห็นหลานสาวเจตนาซื่อตรง จึงไม่ยั้งเธออีก
หลานจะทำธุรกิจนี้ก็ต้องใช้เงินทุนสักกี่สิบหยวนทีเดียว ถ้าขาดเงินเท่าไร เดี๋ยวลุงเติมให้เอง!
เซี่ยเสี่ยวหลานยังขาดเงินทุนอีกเท่าไรหรือ?
เธอมีในกระเป๋าแค่ 6 หยวน ประธานเซี่ยเผยให้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ
เชิงอรรถ
[1] 穷的叮当响 ยากจนเสียดังก๊องๆ หมายถึง จนมาก มีที่มาจากคนจนไม่มีแม้แต่เงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เวลาเคาะถ้วยชามที่ว่างเปล่าจะส่งเสียงก๊องๆ
[2] 一点就燃的炮仗 ประทัดที่จุดก็ลุกไหม้ เปรียบเปรยถึงคนที่มีอารมณ์วู่วาม พลุ่งพล่านได้ง่าย
[3] 大前门 ต้าเฉียนเหมิน คือ ชื่อทางการค้าของบุหรี่จีน
[4] 跌跟头 หกคะเมน เปรียบเปรยว่าได้รับความพ่ายแพ้ล้มเหลว
[5] 蓬门 บ้านประตูหญ้า หมายถึง จนมาก มีที่มาจากแร้นแค้นเสียจนต้องนำหญ้าชนิดหนึ่งมามุงประตูแทน
[6] ลูกเวรลูกกรรม หมายถึง ลูกที่มักทำให้พ่อแม่เสียใจหรือลำบาก