เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 2 ตอนที่ 31 หาลูกค้าเจ้าอื่น
ครั้งก่อนโจวเฉิงขี่จักรยานพาเธอมา เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เลยว่าที่แท้การขี่จักรยานมาถึงเมืองซางตูนั้นเหนื่อยถึงเพียงนี้!
ตั้งแต่เธอมายังปี 83 สภาวะเหนื่อยล้าจากการทำงานได้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เมื่อวานไม่ได้เข้าเมือง เธอจึงขี่จักรยานวุ่นไปทั่วยี่สิบกว่าหมู่บ้าน รับซื้อปลาไหล 50 กว่าชั่ง งานของเซี่ยเสี่ยวหลานในวันนี้ก็คือต้องขายปลาไหลและและไข่ไก่ที่นำติดเข้าเมืองไปด้วยหลายร้อยใบให้ได้ ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ยุ่งมากที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว นับวันคนยินดีขายไข่ไก่ให้เซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งน้อยลง ถ้ายึดหมู่บ้านชีจิ่งเป็นศูนย์กลาง หมู่บ้านในรัศมีหลายสิบลี้ราวกับถูกเซี่ยเสี่ยวหลานนำตาข่ายล้อมไว้พร้อมไปรับซื้อไข่ครั้งแล้วครั้งเล่า เหล่าชาวบ้านจะเก็บไข่จึงต้องใช้เวลาเช่นกัน
ขายไข่ไก่หลายร้อยใบส่วนนี้หมดแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานก็อยากเปลี่ยนใจไปค้าปลาไหลเก็งกำไรแทนพอดี ของแบบนี้เติบโตดีแล้ว รออยู่ในนาข้าวและคูน้ำลำคลองให้ไปจับขึ้นมาเท่านั้น เซี่ยเสี่ยวหลานลองคิดดู ขายปลาไหลถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตะกร้าไม้ไผ่ที่บรรจุของเต็มเข้าเมืองแต่กลับโล่งเวลากลับมานั้นไม่คุ้มค่าพอหรือเปล่า? เธอสามารถนำของบางอย่างจากเมืองซางตูกลับไปขายที่ชนบทได้บ้างไหม?
แต่กำลังในการซื้อของชาวชนบทในตอนนี้ย่ำแย่อย่างแท้จริง นอกจากของใช้จำเป็นพวกน้ำมัน เกลือ เครื่องปรุงแล้ว คนชนบทหวังว่าจะกำเงินทุกเฟินไว้ในมือให้แน่น ถ้าไม่ต้องจ่ายเงินก็จะไม่จ่าย… นี่ไม่ถูกต้องเอาเสียเลย แม้แต่น้ำมันก็ไม่ซื้อ มีบางคนถึงขั้นทั้งปีใช้เงินซื้อแค่เกลือเท่านั้น ไม่กินซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูและน้ำมันก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่กินเกลือร่างกายจะไม่มีกำลัง!
เธอควรใส่ของอะไรกลับไปถึงจะล้วงเงินในมือของคนชนบทออกมาได้กันนะ?
การตลาดในอนาคตล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเงินของสตรีและเด็กเล็กทำกำไรดีที่สุด ทว่าตอนนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่แต่งตัว ส่วนเด็กๆ ก็เลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นไปทั่ว คงเพราะการวางแผนครอบครัวเพิ่งริเริ่มดำเนินการ ครอบครัวใครไม่มีลูกหลายคนกันบ้าง? ลูกคนเดียวถึงจะสามารถเลี้ยงดูแบบล้ำค่าได้ ลูกหลายคนแค่กินอิ่มก็ไม่เลวแล้ว มีเงินสำรองมากมายใช้จ่ายกับเด็กๆ ได้ที่ไหนกัน ดังนั้นที่เทาเทาแบกกระเป๋าหนังสือใหม่ไปเข้าเรียนจึงจูงใจให้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นอิจฉาตาร้อน เพราะครอบครัวของพวกเขาเสียดายเงินที่ใช้ซื้อกระเป๋าหนังสือที่ราคาแพงขนาดนั้นนั่นเอง
ไม่ต้องคิดถึงเสื้อผ้าของเด็กเล็กเลย เสื้อผ้าที่เด็กโตเคยใส่ก็ส่งต่อให้เด็กน้อยใส่บ้าง เสื้อผ้าหนึ่งชุดส่งต่อกันได้หลายปีราวกับมรดกตกทอดของครอบครัว จนกระทั่งเก่าซอมซ่อจนไม่สามารถใส่ได้แล้วค่อยหมดภาระของมัน
เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดตั้งนาน ความคิดก็ยังไม่เป็นรูปร่าง ขี่จักรยานไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านขายบะหมี่ปลาไหลร้านแรกแล้ว
คุณคะ วันนี้ยังต้องการปลาไหลไหม?
เธอพยายามพูดจาให้เป็นการเป็นงานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนเหลือจะทน ทักทายแค่หนึ่งที เถ้าแก่ร้านบะหมี่ปลาไหลยังไม่ทันได้ออกมา ทว่าลูกค้าในร้านก็มองมาที่เธอกันหมดแล้ว
วัยรุ่นพื้นฐานร่างกายดีฟื้นฟูรวดเร็ว บาดแผลบนหน้าผากของเซี่ยเสี่ยวหลานตกสะเก็ดหลุดไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงร่องรอยสีชมพูอ่อน แม้เธอมิได้แต่งตัวแต่งหน้า ทว่าแค่จัดการดูแลตัวเองให้สะอาดเกลี้ยงเกลา เธอก็ถือว่างดงามอย่างหาได้ยากแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานรออยู่ที่เดิมชั่วครู่ คนเดินออกมากลับไม่ใช่เถ้าแก่ซื้อปลาไหลเมื่อวันนั้น
เป็นหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง น้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก
ไม่ซื้อปลาไหล ร้านเรามีคนส่งของระยะยาวให้ เธอไม่ต้องมาอีกแล้ว!
แต่…
ฉันพูดแล้วทำไมสหายหญิงคนนี้ถึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องกันนะ? ไม่เอาปลาไหล ร้านพวกเราไม่รับปลาไหลที่เธอเป็นคนส่ง!
น้ำเสียงของสตรีวัยกลางคนช่างร้ายกาจ ลูกค้าที่กินบะหมี่อยู่ในร้านอดไม่ได้ที่จะช่วยเจรจา
ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ พูดกันดีๆ ก็ได้น่า
เธอพูดจากระด้างเสียจริง ทำผู้หญิงคนนี้กลัวหมดแล้ว!
น้ำส้มสายชู [1] ในบ้านสาดออกมาแล้ว!
หญิงวัยกลางคนไม่ได้ถกเถียงอะไรกับลูกค้า ในห้องครัวส่งเสียงโครมครามออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานพอเข้าใจสถานการณ์แล้ว หญิงผู้นี้น่าจะเป็นเถ้าแก่เนี้ย วันนั้นที่มาขายปลาไหลก็แค่รู้สึกว่าเถ้าแก่จริงใจมาก เธอทั้งนึกไม่ถึงและไม่เข้าใจว่าเถ้าแก่เนี้ยเกิดหึงหวงได้อย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานถูกกล่าวหาเสียย่ำแย่ แต่ถ้าทะเลาะกับเถ้าแก่เนี้ยคนนั้น ภายภาคหน้าเธอจะยังทำธุรกิจแถวนี้ได้อยู่อีกหรือ?
ช่างโชคร้ายจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
ขนาดเซี่ยเสี่ยวหลานมีความยับยั้งชั่งใจ สีหน้าก็ยังเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก
ขณะกำลังจะเข็นรถจักรยานจากไป เถ้าแก้บะหมี่ปลาไหลได้โผล่ออกมา ขอโทษจริงๆ นะ เธอดูก็รู้ว่าเมียฉันไม่สนเหตุผลน่ะ… เช่นนั้นร้านฉันคงไม่กล้าซื้อปลาไหลจากเธออีกแล้ว แต่ว่าฉันมีญาติคนหนึ่งดูแลการจัดซื้ออยู่ที่บ้านพักรับรองคณะกรรมการพรรคประจำเมือง เขาชื่อหูหย่งไฉ ถ้าเธอยินดีไปลองดูก็บอกว่าหูจู้เหลียงแนะนำมานะ
เถ้าแก่หูรู้สึกละอายใจมาก เท่ากับว่าภรรยาของเขาทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ถ้าเจอคนอัธยาศัยไม่ดีพอต้องมีตีโพยตีพายในร้านกันแล้ว ยากนักที่จะเจอคนไม่หยุมหยิมอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรข่มเหงผู้อื่นเกินควร
บ้านพักรับรองคณะกรรมการพรรคประจำเมือง?
หน่วยงานทางการต่อรองด้วยไม่ง่ายนัก ทว่าหากสำเร็จเข้าจริงๆ ก็ถือเป็นพันธมิตรในระยะยาว
ขอบคุณมากค่ะ เถ้าแก่หู!
เซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวขอบคุณ หูจู้เหลียงไม่กล้าอยู่นาน ภรรยาของเขาบันดาลโทสะอยู่ในร้านอีกแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานมิได้ไปบ้านพักรับรองคณะกรรมการพรรคประจำเมืองในทันที
ไม่ใช่เธอไม่เชื่อคำแนะนำของเถ้าแก่หู แต่เป็นเพราะพอลองสอบถามดูแล้ว บ้านพักรับรองชื่อเสียงเรียงนามหรูหรามีระดับนั่น แท้จริงไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตเมืองด้วยซ้ำ กลับตั้งอยู่ชานเมืองทางตะวันตกที่ห่างไกล มีแต่ผีสางที่รู้ว่าผู้นำของเมืองซางตูคิดอย่างไรถึงได้สร้างบ้านพักรับรองไว้ไกลถึงขนาดนั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงไปขายของในตลาดสินค้าเกษตรเหมือนครั้งก่อน วันนี้เธอมาค่อนข้างเร็ว ผู้คนในตลาดสินค้าเกษตรจึงยังพลุกพล่านเลยทีเดียว
จ่ายเงินค่าบำรุงแยกแผงเรียบร้อย พอเซี่ยเสี่ยวหลานนำป้ายเรียกลูกค้าออกมาตั้งก็มีคนมาเลือกซื้อกัน เธอมีรูปลักษณ์ที่เห็นผ่านตาแค่ครั้งเดียวก็ไม่ลืม อีกทั้งมีคนซื้ออาหารหลายคนที่ยังจำเธอได้ บางคนถามว่าทำไมคนรักของเธอถึงไม่มาด้วยกัน เซี่ยเสี่ยวหลานตอบคำถามเหล่านี้ด้วยการยิ้มน้อยๆ เพียงเท่านั้น
ปลาไหลถูกลงหน่อยแล้วหรือ?
หนึ่งชั่ง เอาแค่หนึ่งชั่ง เธอชั่งให้พอดีเป๊ะเลยนะ!
ธุรกิจเริ่มต้นขึ้นแล้ว คนซื้ออาหารเข้าห้อมล้อมเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้ โต้ตอบสนทนากันไปมา บ้างก็จะชั่งของ บ้างก็เรียกเก็บเงินหาเงินทอน มีทั้งซื้อไข่ไก่และซื้อปลาไหล หากตอบสนองได้ช้าเพียงเล็กน้อยต้องสับสนแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานยุ่งวุ่นวายอยู่สองชั่วโมงเต็มๆ จนเสื้อผ้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ หลังจากนั้นเธอถึงได้มีเวลาว่างพักผ่อน
ลูกค้าล้วนเป็นคนที่ซื้อกลับบ้านเพื่อไปรับประทานเอง ลูกค้าที่ซื้อในจำนวนเยอะมีน้อย ซื้อแยกซื้อปลีกกันไป ตอนนี้ยังเหลือไข่ไก่อยู่ร้อยกว่าใบและมีปลาไหลอีกยี่สิบกว่าชั่ง
ของที่ขายในตลาดสินค้าเกษตรมีมากมาย ทั้งแปลกตาทั้งหลากหลายชนิด ทว่าขายได้ดี ถ้ามิใช่ของใช้ในชีวิตประจำวันของผู้คน ก็เป็นพวกสินค้าหายาก อย่างปลาไหลที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำมาจากชนบท ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานนำพวกผักใบเขียวมา แม้ราคาชั่งละไม่กี่เฟินก็จริง แต่กลับกินแรงและคนไม่นิยมซื้อ อีกทั้งไม่มีการแข่งขันใดๆ
ยืนหยัดอยู่ในตลาดสินค้าเกษตรอีกสักพัก ไข่ไก่และปลาไหลของเซี่ยเสี่ยวหลานก็เหลืออย่างละนิดอย่างละหน่อยทั้งคู่
ขายปลีกทุกวันเช่นนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เซี่ยเสี่ยวหลานยังอยากหาลูกค้าที่สามารถซื้อในปริมาณมากได้ เธอระลึกถึงคำพูดของเถ้าแก่หู ตระเตรียมตัวไปดูที่บ้านพักรับรองคณะกรรมการพรรคประจำเมืองเสียหน่อย คนดูแลเรื่องการจัดซื้อประจำบ้านพักหนึ่งคน ทางบ้านพักคงซื้อของได้จำนวนไม่เท่าไร แต่หากได้รู้จักผู้ร่วมอาชีพจัดซื้อคนอื่นๆ ที่เป็นมิตรกันของอีกฝ่ายนี่สิ ยุค 80 เป็นช่วงเวลาที่ความเห็นอกเห็นใจของผู้คนเข้มข้น ถ้าเธอสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับญาติเถ้าแก่หูอย่างหูหย่งไฉได้สำเร็จ ที่จะเปิดได้อาจไม่ใช่แค่ตลาดเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมพร้อมใช้วิธีกระสุนเคลือบน้ำตาล [2] ซึ่งเรียนรู้จากการทำงานขายในยุคอนาคต เตรียมติดสินบนหูหย่งไฉ
มอบของขวัญนั้นมีจุดที่ต้องใส่ใจอยู่ หากส่งของขวัญให้กับบุรุษ ให้บุหรี่และสุราจะไม่มีวันเกิดความผิดพลาด ในหมู่สุรามีชื่อเสียงที่สุดต้องเป็นเหมาไถ [3] หรืออู่เหลียงเยี่ย [4] ไม่ต้องพูดถึงราคา สุราพิเศษสองชนิดนี้ล้วนแบ่งสรรให้กับหน่วยงานของรัฐ เซี่ยเสี่ยวหลานถือเงินไปก็จับไม่ได้แม้แต่ขวดสุรา มีราคาแต่ไร้อุปสงค์ [5] ซื้อไม่ได้!
หากกล่าวถึงบุหรี่ โรงงานยาสูบของซางตูผลิตหวงจินเยี่ย ซั่นฮัว และไฉ่เตี๋ย ‘หวงจินเยี่ย’ คือบุหรี่ระดับสองที่นักสูบชนชั้นกลางถึงธรรมดาสามัญนิยมสูบกัน ‘ซั่นฮัว’ คือบุหรี่ระดับหนึ่ง (พิเศษ) ที่ใช้เฉพาะเหล่าหัวหน้าแต่ละระดับและหัวหน้าการประชุม ‘ไฉ่เตี๋ย’ ก็อยู่ระหว่างกลางของบุหรี่สองชนิดนี้ แม้เป็นบุหรี่ระดับหนึ่ง ราคาอยู่ที่ 0.35 หยวนต่อหนึ่งซอง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าหากได้นำมามอบให้ญาติของเถ้าแก่หูก็คงไม่เลวนัก ทว่าเธอถูกความเป็นจริงตีเข้าหน้าในบัดดล เมื่อคนได้ยินว่าเธอจะซื้อ ‘ไฉ่เตี๋ย’ หนึ่งคอตตอน ก็ใช้สายตาเหมือนเห็นคนโง่มองมาที่เธอ
หนึ่งคอตตอน [6] ? ไม่มีหรอก! ถ้าคุณจะซื้อสองซองขึ้นไป ก็เอาใบส่งของออกมา!
เชิงอรรถ
[1] 陈醋 น้ำส้มสายชู หมายถึง หึงหวง มาจาก 吃醋(กินน้ำส้มสายชู)
[2] 糖衣炮弹 กระสุนเคลือบน้ำตาล หมายถึง วิธีในการล่อลวงผู้อื่นให้ร่วมทำสิ่งไม่ดี
[3] 茅台 เหมาไถ คือ เหล้าขาวชนิดหนึ่งที่มีชื่อเสียงจากกุ้ยโจว หมักจากข้าวฟ่าง ข้าวสาลี มีรสจัดเพราะปริมาณแอลกอฮอลล์สูง
[4] 五粮液 อู่เหลียงเยี่ย คือ เหล้าขาวชนิดหนึ่ง หมักจากธัญพืชห้าชนิด ได้แก่ ข้าวฟ่าง ข้าว ข้าวเหนียว ข้าวสาลี และข้าวโพด มีกลิ่นหอม
[5] 有价无市 มีราคาแต่ไร้อุปสงค์ หมายถึง สินค้าที่มีราคาสูง เนื่องจากราคาที่สูงมากทำให้คนไม่นิยมซื้อ ขอบเขตของผู้ซื้อจำกัดในวงแคบ จึงขายได้ไม่ค่อยเยอะ
[6] คอตตอน หมายถึง บุหรี่ 1 แพ็ค ซึ่งในหนึ่งแพ็คนั้นจะมีกล่อง/ซองบุหรี่ประมาณ 10 กล่อง/ซอง