เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 2 ตอนที่ 44 กากน้ำมันไม่พอขาย!
กากน้ำมันจำนวน 300 ชั่ง ราคาเพียง 9 หยวนเท่านั้น
ธุรกิจที่ใช้ต้นทุนน้อยขนาดนี้ หากเซี่ยเสี่ยวหลานค้นพบได้ไวกว่านี้อีกสักหน่อย ก็คงไม่เริ่มจากการค้าไข่เก็งกำไรแล้ว
แต่ถ้าเธอไม่ขายไข่ไก่ จะสามารถทำธุรกิจเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่เขตอันชิ่งไปจนถึงเมืองซางตูได้อย่างไร จากนั้นจะได้ค้นพบธุรกิจที่มีกำไรดีแบบนี้ได้อย่างไร? ต้นทุนราว 10 หยวน สามารถทำกำไรได้ถึง 15 หยวน เพียงแต่การบรรทุกกากน้ำมัน 300 ชั่งแล้วขี่จักรยานกลับนั้นกินแรงทีเดียว โชคดีเหลือเกินที่จักรยาน 28 นิ้วในยุค 80 นั้นมีคุณภาพดี ไม่เช่นนั้นจักรยานของหลิวหย่งคันนี้ได้ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานใช้จนพังแน่
หากไม่มีเงินทุนและจักรยานที่หลิวหย่งอำนวยให้คอยช่วยเหลือ เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ยานพาหนะ ให้อาศัยแค่แรงของเธอแบกไข่ไก่และปลาไหลมาขายถึงเมืองซางตู? นั่นคงเป็นรูปแบบการหาเงินในความยากระดับนรก ตามความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลาน ถ้าหยิบยกของอย่างกากน้ำมันมาลองคำนวณกันแล้ว ระดับความยากคงไม่ถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่ต้องการอาศัยสิ่งนี้ทำเงิน แค่พวกเขาอาจจะไม่มีรถไว้บรรทุก
หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานซื้อกากน้ำมันได้ก็ดีใจมาก ในที่สุดไม่ต้องรถเปล่ากลับไป ใช้ประโยชน์จากการเดินทางขาไปขากลับสองรอบ
เมื่อมีธุรกิจระหว่างทางอย่างกากน้ำมันนี้ ทุกรอบขน 300 ชั่ง หนึ่งครั้งได้เงินกำไร 15 หยวน เว้นวันมาเมืองซางตูหนึ่งรอบ ในหนึ่งเดือนเธอจะสามารถหาเงินเพิ่มได้สักสองสามร้อยหยวน ธุรกิจปลาไหลขยับขยายจนได้ลูกค้าใหม่รายใหญ่เพิ่มอีก ต่อไปเวลาเธอเข้าเมืองก็ไม่ต้องนำไข่ไก่ไปด้วยอีกแล้ว จดจ่อกับแค่สองสิ่งนี้เท่านั้น หนึ่งเดือนเธอสามารถหาเงินได้เกือบ 600 หยวน ทำธุรกิจจนถึงเดือนพฤศจิกายน เงินทุนสำหรับไปรับเสื้อผ้าขายส่งที่หยางเฉิงก็เพียงพอแล้ว
ขอแค่มีต้นทุน ธุรกิจที่ทำได้ในปี 83 มีอยู่ถมเถไป
เวลาว่างค่อยทบทวนบทเรียน ปีหน้าเดือนกรกฎาคมก็ร่วมสอบเกาเข่าประจำปี 84 ได้พอดี นี่เป็นเป้าหมายระยะสั้นซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานได้ตั้งไว้ให้กับตนเอง
ความเร็วในการหาเงินยังช้าเกินไป ถ้าอยากตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก่อนปีหน้าในมือต้องมีเงินอยู่หนึ่งก้อน
เซี่ยเสี่ยวหลานบรรทุกสินค้าหนักถึง 300 ชั่ง พักระหว่างทางอยู่หลายครั้ง อาศัยแรงปรารถนาอยากจะขจัดความยากจนและสร้างความร่ำรวยในการประคับประคองให้เธอถีบจักรยานไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ แม้ว่าชาติที่แล้วเธอก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แต่ไม่รู้ว่าข้อสอบเกาเข่าในปี 84 จะยากมากแค่ไหน ความรู้เหล่านั้นที่เคยศึกษามาเธอยังจำได้เท่าไร เพื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง จำเป็นต้องก้มหน้าก้มตาทบทวนหนังสืออย่างหนักหลายเดือนแน่นอน ถึงตอนนั้นก็ต้องเอาธุรกิจในมือวางไว้ชั่วคราวก่อน จึงทำให้ไม่มีรายได้ เธอต้องมีเงินสะสมสักก้อนไว้คอยยังชีพเป็นเวลาครึ่งปี
ตอนนี้ยังมีอะไรที่ทำเงินได้อีกบ้าง?
ธุรกิจยาสูบเธอทำได้เพียงเฝ้ามองด้วยความห่อเหี่ยว เนื่องจากร่วมวงเข้าไปไม่ได้
ถ้าเธอเป็นผู้ชายจะต้องถวายชีวิตให้กับธุรกิจของเถื่อนที่ดุเดือดเป็นแน่ ความเสี่ยงสูง แต่ค่าตอบแทนกลับมากจนน่าตกใจ ทำไม่กี่ครั้งก็สะสมทองคำถังแรกเอาไว้ได้แล้ว อย่างไรเสียเธอมิใช่เพียงแค่เป็นหญิงสาวอายุ 18 ปี ทว่ายังมีใบหน้าแบบจิ้งจอกสาวพราวเสน่ห์ หากไปทำการค้าของเถื่อนเข้า อย่าว่าแต่ความเสี่ยงของสินค้าเลย ตัวคนคงต้องเสียให้ผู้อื่นไปด้วย!
นึกถึงการค้าของเถื่อนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานคิดถึงโจวเฉิงขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
คนคนนั้นจากไปได้หลายวันแล้ว บอกว่ายังจะมาเขตอันชิ่งอีก ไม่รู้จริงหรือหลอก ต่อให้หลอกเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่โกรธอยู่ดี เดิมทีเป็นเพียงการพานพบกันโดยวาสนา โจวเฉิงมิได้ติดค้างอะไรต่อเธอ กลับเป็นเธอด้วยซ้ำที่ต้องขอบคุณ ‘บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้’ ของโจวเฉิงและคังเหว่ย
ไม่มีแรงกายและต้นทุนไปขยายหนทางธุรกิจใหม่ เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถทำได้แค่ดำเนินงานในขอบเขตของทรัพยากรที่มีอยู่ในตอนนี้
ไม่ต้องพูดถึงกากน้ำมันเลย 300 ชั่งทำเอาเธอเหนื่อยเกือบตาย นอกเสียจากเธอจะกลายเป็นสตรีเหล็กร่างกายกำยำได้ในเวลาสั้นๆ มิเช่นนั้นไม่มีทางบรรทุกกากน้ำมันจำนวนมากกว่านี้ให้เขยื้อนได้
อย่างนั้นก็เหลือแต่ปลาไหลแล้ว
บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองและภัตตาคารหวงเหอเป็นเพียงการเปิดโอกาสอย่างหนึ่ง เธอควรนำหนังหน้าหนาที่ถูกฝึกมาจากการเป็นพนักงานขายในชาติก่อนออกมา เพื่อเสาะหาลูกค้ารายใหญ่ใหม่ๆ ต่อไป
ตอนนี้สองวันขายได้แค่ 50 ชั่ง ถ้าเพิ่มปริมาณของสองวันถึง 100 ชั่งล่ะ?
หนึ่งเดือนจะมีรายได้มากขึ้นอีก 300 หยวน
ภาพรวมรายรับงอกเงยขึ้น 1/3 เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่า แม้เป้าหมายน้อยๆ นี้มีความยากอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เป็นจริงไม่ได้ เนื่องจากวันนี้ไม่เสียเวลาในเมืองซางตูนาน เมื่อกลับถึงบ้านจึงเป็นเวลาเพียงบ่ายสองโมง หลิวเฟินออกไปรับซื้อปลาไหลแล้ว ในบ้านจึงเหลืออยู่แค่หลี่เฟิ่งเหมย
เมื่อวานตอนเย็นทำอาหารเลี้ยงแขกจำนวนมาก เหล่าแขกเหรื่อแต่ละคนก็กินกันเก่ง จะไปเหลือได้ที่ไหนกัน?
หลี่เฟิ่งเหมยกำลังตุ๋นซุปปลาไนในโถดินบนเตา รอให้ลูกชายเลิกเรียนตอนบ่ายกลับบ้านมารับประทาน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว พบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาแล้ว
วันนี้ทำไมกลับไวเช่นนี้?
โชคดีจ้ะ สินค้าถูกคนจัดซื้อประจำภัตตาคารรับซื้อไปหมดแล้ว
หลี่เฟิ่งเหมยได้กลิ่นที่คุ้นเคย จึงเห็นว่าจักรยานเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้กลับมาแบบว่างเปล่า บรรทุกกากน้ำมันไว้เต็มตะกร้าทั้งสองใบ เธอทั้งตะลึงทั้งดีใจ หลานไปเอามาจากไหน?
เกรงว่ากากน้ำมันนี่จะมีมากถึงสามสี่ร้อยชั่งเลยทีเดียว
หมูสองตัวที่บ้านกินไม่หมดหรอกนะ!
หลี่เฟิ่งเหมยอยากบอกว่าสิ่งนี้ทิ้งไว้นานเกินไปจะไม่เหลือสารอาหาร แต่เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานจะโง่แค่ไหนก็คงไม่ซื้อกากน้ำมันจำนวนเยอะขนาดนี้มาเก็บไว้เฉยๆ ต้องเป็นเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานจะใช้พวกมันหาเงินเป็นแน่
หลี่เฟิ่งเหมยรีบร้อนกลืนหัวข้อสนทนากลับลงไป เกือบกัดโดนลิ้นเข้าแล้ว
นี่หลานจะขายกากน้ำมันหรือ?
กากน้ำมันถูกบีบอัดจนเป็นทรงกลมแบน แต่ละอันมีน้ำหนักสักสองชั่ง ทำการหมักในโรงงานสกัดน้ำมันเรียบร้อยแล้ว
หลานไม่อยากกลับมารถเปล่าจ้ะ เลยรับกากน้ำมันกลับมาลองขายดูเสียหน่อย ไม่ใช่ป้าเคยบอกว่าหาซื้อกากน้ำมันไม่ได้หรือ? เอาถุงมาใส่ไว้หน่อยสิ ต่อไปบ้านเราก็ไม่ขาดของแบบนี้แล้ว
หลี่เฟิ่งเหมยส่ายศีรษะพัลวัน
ส่วนนี้หลานเอาไว้ทำเงิน ไม่ใช่เก็บมาแบบไร้ต้นทุนเสียหน่อย ป้าไม่เอา
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดเป็นจริงเป็นจัง ป้าอย่าบอกว่าจะให้เงินเด็ดขาดนะ สิ่งนี้ราคาถูกกว่ามันเทศเสียอีก ราคาแค่ 3 เฟินต่อชั่ง รอให้ฉันคุ้นเคยกับโรงงานสกัดน้ำมันทางนั้นแล้ว คาดว่าชั่งละ 2 เฟินก็ยังซื้อมาได้
หลี่เฟิ่งเหมยคำนวณ นั่นมิใช่ว่าขายต่อแล้วก็จะได้กำไรถึง 5 เฟินหรือ?
เธอยังไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจจะเพิ่มปริมาณการขายของปลาไหล หากอ้างอิงแค่ขนาดธุรกิจเท่าที่เธอรู้ หนึ่งเดือนหลานคนนี้จะสามารถหาเงินได้มากถึงหลายร้อยหยวน
ไม่ต้องรอเวลาถึงหนึ่งปี เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงสามารถสร้างบ้านอิฐที่ดูดีมีหน้าตาสักสองสามหลังในชนบทได้แล้ว
นี่เป็นเด็กสาวไม่เอาถ่านตามปากคนตระกูลเซี่ยที่ไหนกัน! เห็นกันอยู่ว่าคือตุ๊กตาทองที่รู้จักหาเงิน ถ้าหลิวหย่งไม่เคยแพร่งพรายความนัยแก่หลี่เฟิ่งเหมยว่าเขายังมีเงินอีกก้อนหนึ่งรวมอยู่ในธุรกิจของคนอื่น ป้าสะใภ้อย่างหลี่เฟิ่งเหมยอาจจะอิจฉาจนตาร้อนก็เป็นได้
ทว่าลองกลับความคิดอีกทีหนึ่ง พอเดือนพฤศจิกายนก็ทำธุรกิจปลาไหลไม่ได้แล้ว หลี่เฟิ่งเหมยจึงไม่ได้มีใจริษยาแต่อย่างใด
เธอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะนำกากน้ำมันส่งขายในหมู่บ้านข้างนอก เธอตบต้นขาไปฉาดหนึ่ง นั่นไม่สู้ขายให้คนในหมู่บ้านเราก่อน ของแบบนี้ก็เหมือนเกลือนั่นแหละ บ้านคนที่เลี้ยงหมูล้วนต้องการกันทั้งนั้น
หลี่เฟิ่งเหมยวิ่งออกไปตะโกนอยู่หนึ่งรอบ ก็มีคนไม่น้อยมาซื้อกากน้ำมันจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดราคาให้พวกเขา 7 เฟินต่อหนึ่งชั่ง ราคาถูกกว่าที่คนเหล่านี้เคยซื้อเมื่อก่อน พวกเขาจะไม่พึงพอใจได้อย่างไรเล่า?
กากน้ำมันจำนวน 300 ชั่ง เกือบขายในหมู่บ้านชีจิ่งไม่พอด้วยซ้ำ ยังมีอีกสองบ้านกำชับกับเซี่ยเสี่ยวหลานว่าถ้าเอาสินค้ามาอีก ต้องเหลือไว้ให้พวกเขาด้วย
ขายให้คนในหมู่บ้าน กากน้ำมัน 300 ชั่งทำกำไรน้อยไป 3 หยวน แต่การได้การเสียบนโลกนี้มิใช่ยึดเงินมาคิดคำนวณเท่านั้น คนหมู่บ้านชีจิ่งพึงพอใจมาก เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็พึงพอใจไปด้วย ไม่กระเทือนเงินต้นทุนแม้แต่น้อย ได้ทั้งเงินและมิตรภาพดีๆ ต่อกัน
ตายแล้ว ลืมเหลือไว้ให้ที่บ้านนิดหน่อย
เซี่ยเสี่ยวหลานยุ่งจนมึนงง หลี่เฟิ่งเหมยจึงไม่ปฏิเสธแล้ว เมื่อสักครู่เธอช่วยชั่งกากน้ำมัน มือทั้งสองข้างมันแผลบไปหมด น้ำล้างมือก็ทำใจเททิ้งไม่ลง จึงยกไปสาดไว้ในรางอาหารของหมู
อีกสองวันหลานก็เอากากน้ำมันกลับมาอีก ไม่ต้องรีบเร่งไป
วุ่นวายกับธุรกิจจนเสร็จสิ้น เซี่ยเสี่ยวหลานตักน้ำมาหนึ่งอ่าง เช็ดล้างจักรยานของตนให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ตะกร้าที่ใส่กากน้ำมันก็จับล้างผึ่งแดดไว้ จากนั้นถึงจัดการทำความสะอาดตัวเธอเอง ตอนอาบน้ำขาทั้งสองข้างสั่นเทิ้ม รู้ได้ว่าใช้แรงมากเกินไป หาเงินทองมันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน กากน้ำมันตั้ง 300 ชั่ง แถมยังขี่จากเมืองซางตูกลับหมู่บ้านชีจิ่งอีกต่างหาก
ชาติก่อนได้เป็นถึงผู้บริหาร เมื่ออายุมากขึ้นระบบเผาผลาญก็ช้าลง จึงไม่กล้ารับประทานอะไรหลายรอบ ทั้งยังต้องหาเวลาว่างออกกำลังกายรักษารูปร่าง ทว่าจำนวนกิจกรรมและอายุของเธอในตอนนี้ทำให้กินเท่าไรก็ไม่อ้วนจริงๆ ข้อดีของการกลับมาเป็นวัยรุ่นอีกครั้งก็คือเต็มไปด้วยปณิธานแรงกล้าและกำลังวังชานั่นเอง!
หลิวเฟินออกไปจนหนึ่งทุ่มถึงได้กลับมา
เมื่อเจอเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอยังดูประหม่าอยู่ทีเดียว ไม่รู้ว่าเกิดอะไร คนขายปลาไหลถึงขายให้เธอเยอะเป็นพิเศษ เธอรับซื้อปลาไหลได้ 80 กว่าชั่ง
ธุรกิจของลูกนี่ถือว่ามีชื่อเสียงไปทั่วแล้ว จะมีคนอยากขายปลาไหลตามบ้างหรือไม่?
ความกังวลของหลิวเฟินไม่เกินความจำเป็น
เซี่ยเสี่ยวหลานยินดีมากที่มารดาเข้าใจคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองแล้ว
พวกเขาขายในเขตอันชิ่งไม่ออกหรอก มีแต่ต้องส่งเข้าเมืองซางตู ตลาดในเมืองซางตูใหญ่โตออกขนาดนั้น คนตามกระแสสักหนึ่งสองคนทำอันตรายผลกำไรของฉันไม่ได้หรอก
เซี่ยเสี่ยวหลานวางแผนไม่เดินเส้นทางค้าปลีกแล้ว หลังจากจู่โจมคนจัดซื้อของบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองและภัตตาคารหวงเหอได้ ย่อมเท่ากับว่าหน่วยงานใหญ่คล้ายๆ กันในเมืองซางตูก็กำลังโบกมือเรียกเธออยู่ลิบๆ นั่นเอง
รับซื้อปลาไหลมากหน่อยก็ไม่ต้องกลัว ขอแค่ทุกวันไม่เกิน 100 ชั่ง ฉันมีความมั่นใจว่าขายได้แน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังโม้กับมารดาของตน พอดีกันที่เฉินชิ่งเรียกเธออยู่ด้านนอก
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเดินออกไป พี่เฉินชิ่ง ทำไมวันนี้พี่ถึงกลับมาอีกแล้วเล่า?