เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 2 ตอนที่ 55 อย่างนั้นก็สอบอีกรอบเถอะ
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 2 ตอนที่ 55 อย่างนั้นก็สอบอีกรอบเถอะ
เซี่ยนอีจงก็เครียดเช่นกัน
เรื่องแบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อย เหล่าวังและอาจารย์ฉีได้พบปะกับเซี่ยนเสี่ยวหลานแล้ว ไม่อยากปล่อยปะละเลยต้นกล้าต้นนี้ ทางโรงเรียนคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหัวรั้นเกินไปหน่อย เว้นค่าเล่าเรียนให้แล้วยังไม่พออีกหรือ? คนที่ยากจนกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเมื่อมาเรียนในเซี่ยนอีจงก็ได้รับการดูแลแบบนี้เหมือนกัน คนอื่นเขากัดหมั่นโถวเย็นชืดกินน้ำซุปไม่เสียเงินทุกมื้อยังสามารถยืนหยัดเล่าเรียนต่อไปได้ อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานจะทนลำบากไม่ได้เลยหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดอยู่ในใจ ความลำบากเช่นนี้เธอเคยลิ้มลองในชาติก่อนแล้ว ต้องลิ้มลองอีกสักรอบไปเพื่ออะไรกัน?
มิใช่ว่าเธอทนลำบากไม่ไหว เพียงแต่นี่เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ทำไมต้องบังคับตนเองให้อดทนด้วย หากเซี่ยนอีจงไม่เห็นด้วย เธอก็จะไปสมัครที่เซี่ยนเอ้อร์จง ผลเกาเข่าของเอ้อร์จงปีนี้ยิ่งด้อยกว่าเซี่ยนอีจงอีก ทั้งโรงเรียนมีผู้สอบติดระดับปริญญาตรีเพียงสองคนเท่านั้น
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยี่หระ
ก่อนหน้านี้ยังกังวลอยู่ลึกๆ เพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเธอยังจดจำความรู้ได้มากน้อยเท่าไร หลังจากจัดการทบทวนแบบเรียนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานจึงประเมินความสามารถของตนเองได้แม่นยำยิ่งขึ้น ใครก็ล้วนบอกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยในยุค 80 นั้นยาก ตั้งแต่ฟื้นฟูเกาเข่าเมื่อหลายปีก่อน นักเรียนไม่รู้ว่าจะเรียนอย่างไร อาจารย์ก็ไม่ทราบว่าควรสอนอย่างไร เหล่าอาจารย์อยู่ในช่วงกำลังปรับปรุงการออกข้อสอบเกาเข่า ประสบการณ์ล้วนค่อยๆ สะสมมาทีละน้อย
เกาเข่าที่เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าร่วมในชาติก่อนคือปี 95 ห่างจากปี 77 ซึ่งเป็นปีที่ฟื้นฟูเกาเข่าถึง 18 ปี อีกอย่างมหาวิทยาลัยยังไม่ขยายจำนวนในการรับเข้าเรียน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์หรือนักเรียนล้วนมีประสบการณ์ต่อ ‘เกาเข่า’ แบบที่คนในปี 83 ไม่มีทางเทียบได้ คุณค่าแท้จริงในวุฒิการศึกษาเมื่อก่อนของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต่ำต้อย เธอแค่เลือกสาขาวิชาหลักผิดไป แต่เธอมีสมองที่เรียนรู้ได้
‘ฟังบรรยายที่โรงเรียน’กับ ‘ทบทวนด้วยตนเอง’ เซี่ยเสี่ยวหลานชื่นชอบอย่างหลังมากกว่า
เพียงระลึกความรู้ที่เคยร่ำเรียนก็ย่อมได้แล้ว วิชาสายวิทยาศาสตร์ของเธอนั้นดีมาตลอด วิชาที่สูญเสียคะแนนร้ายแรงอย่างภาษาจีนและรัฐศาสตร์ซึ่งต้องพึ่งการท่องจำทั้งหมด อาจไม่ถึงขั้นติดมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี่ยงโด่งดัง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อมั่นว่าสอบปริญญาตรีชั้นนำสักแห่งย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่แน่
เธอมีความมั่นใจ ทัศนคติจึงแน่วแน่ตามไปด้วย
ทางโรงเรียนไม่มีวิธีอื่นแล้ว เลยให้เธอสอบอีกหนึ่งครั้ง ในการสอบครั้งนี้มิใช่อาจารย์ใหม่ผู้มักไม่ได้รับความเคารพเท่าที่ควรมาคุมประพฤติขณะสอบอีกแล้ว และไม่ให้ข้อสอบทั้งหมดแก่เซี่ยเสี่ยวหลานในคราวเดียว แต่เป็นการสอบแยกทีละวิชา สอบเสร็จหนึ่งวิชาก็มีอาจารย์ประจำวิชามาคอยตรวจให้คะแนนในทันที
วิชาภาษาจีนเป็นข้อสอบชุดแรก เธอยังคงมีท่าทางแบบเดิม
ขณะสอบคณิตศาสตร์ อาจารย์ก็ตรวจข้อสอบวิชาภาษาจีนของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
สอบได้ 66 คะแนน
อาจารย์ฉีเคืองขุ่นไม่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานช่างทำได้เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง ได้คะแนนมากกว่าครั้งก่อนแค่หนึ่งคะแนน! แต่อาจารย์ฉีปวดลูกตาเหลือเกิน พวกคำถามที่เขียนจากความทรงจำง่ายๆ เหล่านั้นคือส่วนทำคะแนนที่ล้ำค่า เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเว้นว่างทิ้งไว้ทั้งหมด… ไม่ได้การ เซี่ยเสี่ยวหลานต้องมาเรียนที่เซี่ยนอีจง ต้นกล้าคุณภาพผู้นี้ห้ามโดนคะแนนวิชาภาษาจีนถ่วงรั้งไว้ ตนจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานแก่เซี่ยนเสี่ยวหลานให้ได้!
อาจารย์ฉีตั้งปณิธานกับตัวเอง
คณิตศาสตร์ได้ 92 คะแนน สามารถกำจัดผู้เข้าสอบได้จำนวนมากแล้ว มากกว่าครั้งก่อน 3 คะแนน
ตรงนี้ไม่ควรเสียคะแนนเลย… ทำไมคำถามยากทำได้ ที่ง่ายๆ กลับผิดเล่า?
อาจารย์วิชาคณิตศาสตร์เกือบเอาหน้ามุดลงข้อสอบ
นักเรียนคนนี้ยังมีพื้นที่ให้พัฒนา! ยังมีเวลาอีกตั้งสิบกว่าเดือน บางทีเธออาจสอบคณิตศาสตร์ได้ถึง 100 คะแนนขึ้นไป ในเซี่ยนอีจงเอง คะแนนเดี่ยววิชาคณิตศาสตร์สูงแบบนี้ถือว่าคือผู้เชี่ยวชาญที่หาคนเปรียบได้ยาก
ไม่ต้องกล่าวถึงภาษาอังกฤษ ตรวจเสร็จอย่างรวดเร็ว
100 คะแนน
อาจารย์ภาษาอังกฤษใบหน้าขึ้นสีแดง ในใจนั้นตื่นเต้นมาก เมื่อครั้งเพิ่งฟื้นฟูเกาเข่า วิชาภาษาอังกฤษไม่ถูกรวมเข้าในคะแนนเกาเข่า จนถึงปีที่แล้ว ภาษาอังกฤษยึดอัตราส่วนร้อยละ 30 คำนวณเข้าคะแนนรวม ทว่ากระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับเกาเข่าให้ทราบโดยทั่วกันทั้งประเทศแล้ว เกาเข่าในปี 84 วิชาภาษาอังกฤษจะใช้ระบบหนึ่งร้อยคะแนนคำนวณรวมเข้ากับคะแนนเกาเข่า ไม่ว่าสายศิลป์หรือสายวิทย์ มันเป็นวิชาบังคับสอบ ผู้สอบทั่วประเทศคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร… ผู้สอบในเมืองใหญ่ยังดีหน่อย สำหรับผู้เข้าสอบในท้องถิ่นแล้ว ตัวอักษรทั้งหมด 26 ตัวและตัวอักษร 26 ตัวนี้ยังประสมกันเป็นคำเดี่ยวภาษาอังกฤษจำนวนนับไม่ถ้วนที่พวกเขาได้รู้จัก ช่างไม่เป็นมิตรใดๆ กับผู้เข้าสอบเอาเสียเลย!
ภาษาจีน คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ รวมกันแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานสอบได้ 258 คะแนน
เหลือวิชารัฐศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมีและชีววิทยา ตอนนี้เสี่ยวหลานทำไปได้ 258 คะแนนจากคะแนนเต็ม 310 คะแนน หักลบจากคะแนนเต็ม 660 คะแนนเท่ากับมีข้อสอบที่ยังไม่ได้ทำ ให้เสี่ยวหลานได้เก็บคะแนนอีก 350 คะแนน แต่อีกแค่ 100 คะแนนเธอก็จะสอบผ่านเกณฑ์ของปีก่อนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานสอบสี่วิชารวมกันจะไม่ถึง 100 คะแนนเชียวหรือ? ไม่ว่าคำนวณอย่างไร เธอก็สามารถสอบผ่านเกณฑ์รับเข้าเรียนต้าจงจวนของปีที่แล้วที่ตั้งไว้ 350 คะแนนได้สบายๆ
ช่วงเช้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดกันสามวิชา อาจารย์คุมสอบปล่อยให้เธอได้พักผ่อนสักนิด เธอจึงตั้งใจจะไปเลี้ยงอาหารเฉินชิ่ง
เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนรอเฉินชิ่งออกมา ทว่าแค่การยืนรอก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเลยทีเดียว
สวยเกินไปแล้วจริงๆ
โตมาจนป่านนี้ เคยเจอหญิงสาวที่งดงามสะสวยเช่นนี้ที่ไหนกัน?
พอกริ่งเลิกเรียนดัง รอบกายเซี่ยเสี่ยวหลานถึงขนาดกลายเป็นพื้นที่อ้างว้างไร้การครอบครอง เหล่านักเรียนแอบเมียงมองเธอ ทว่ากลับไม่กล้าเข้าใกล้เธอ ราวกับการพูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานในโรงเรียนเป็นการกระทำความผิดอะไรสักอย่าง
พี่เฉินชิ่ง!
เฉินชิ่งเดินอืดอาดตามกลุ่มคนไปข้างหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของฝูงชน
ความนิยมในตัวเฉินชิ่งถือว่าไม่เลว มีเพื่อนนักเรียนหญิงชอบพอเขาอยู่บ้าง นักเรียนชายมองเฉินชิ่งด้วยสายตาอิจฉา ทว่าในสายตาที่นักเรียนหญิงมองเซี่ยเสี่ยวหลานกลับเจือความไม่เป็นมิตร
เฉินชิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้แล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานผ่านการทดสอบของโรงเรียน พอคิดว่าตั้งแต่วันนี้ไปก็จะได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เฉินชิ่งจึงรู้สึกเบิกบานใจ
เสี่ยวหลาน วันนี้เธอพอทำข้อสอบได้ไหม?
ไม่ต่างกับคราวก่อนมากน่ะ พี่เฉินชิ่ง ฉันเลี้ยงข้าวพี่เอง!
ทั้งสองไปโรงอาหารด้วยกัน ทิ้งไว้เพียงเสียงกระซิบกระซาบ
นั่นใครน่ะ?
คู่หมายของเฉินชิ่ง?
ไอ้นี่ ไม่ใช่หรอกน่า…
เฉินชิ่งจะสอบมหาวิทยาลัย จะมีคู่หมายได้อย่างไร? พวกเธออย่าพูดไร้สาระนะ!
นักเรียนหญิงไม่ยอมแพ้ เซี่ยเสี่ยวออกปากเรียกว่า ‘พี่ชาย’ เป็นไปได้ไหมว่าคือน้องสาวที่บ้านน่ะ!
เหล่านักเรียนชายกลับคิดว่าถ้ามีคู่หมายสวยขนาดนั้น ยังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่ออะไรอีก ครอบครัวเฉินชิ่งก็เป็นคนชนบท จะหมั้นหมายในอายุเท่านี้ก็ไม่แปลกประหลาด การปรากฏตัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนกับโยนหินลงบนผิวน้ำที่นิ่งสนิท นำมาซึ่งระลอกคลื่นกระทบกันไปเรื่อยๆ
นักเรียนเหล่านี้ยังไม่รู้ เซี่ยเสี่ยวหลานมิได้เป็นเพียงสาวงามผู้ปรากฏตัวให้ใครต่อใครต้องประทับใจเท่านั้น เธอยังถูกกำหนดให้เปล่งประกายในอันชิ่งเซี่ยนอีจง และเก่งกาจเสียจนผู้เข้าสอบร่วมปีต้องเกิดบาดแผลทางจิตใจ!
โรงอาหารของอันชิ่งเซี่ยนอีจงต้องใช้ตั๋วอาหาร
ใช้เงินซื้อตั๋วอาหารได้ หรือขนธัญพืชมาแลกตั๋วอาหารทุกเดือนก็ได้ โรงอาหารที่เปิดขายอาหารกลางวันกำลังยุ่งวุ่นวาย คงไม่มีเวลาแลกตั๋วอาหารให้แน่ มีเงินยังซื้อข้าวไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะเลี้ยงอาหารเฉินชิ่ง หันมาอีกทีกลายเป็นเฉินชิ่งเลี้ยงเธอมื้อที่สองแทน
ฐานะทางบ้านเฉินชิ่งไม่เลวร้าย เขาจึงไม่จุกจิกกับตั๋วอาหารเล็กน้อยแค่นี้
เฉินชิ่งดีใจแทนเซี่ยเสี่ยวหลาน
ตอนบ่ายก็ตั้งใจสอบนะ
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ เฉินชิ่งคนนี้ช่างนิสัยดีจริงๆ แม้จะหน้าแดงบ่อยครั้ง แต่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความหวังดีของอีกฝ่าย
ครอบครัวเฉินชิ่งช่วยเหลือตนเองมามาก มารดาของเธอหย่าได้อย่างราบรื่น แม่ลูกได้ย้ายทะเบียนบ้าน ล้วนเป็นปู่ของเฉินชิ่งที่ช่วยจัดการให้ทั้งนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานจดจำน้ำใจเหล่านี้ไว้กับตัวเอง
พี่เฉินชิ่ง ปีหน้าพี่ต้องสอบติดแน่นอน
คะแนนปีกลายของเฉินชิ่งนั้นไม่ต่ำ เกิน 400 คะแนนเช่นกัน แต่เป็นเพราะไม่ได้กรอกแบบแสดงความจำนงให้ดีถึงหลุดอันดับ อย่างไรเสียการเรียนซ้ำอีกหนึ่งปีก็ไม่ใช่เรื่องแย่ หากปีที่แล้วเฉินชิ่งถูกรับเข้าเรียนดั่งใจหวัง ก็จะได้เรียนวิทยาลัยเฉพาะทาง ปีนี้มุมานะอีกสักครั้ง สอบเข้าเรียนปริญญาตรีย่อมดีที่สุด
ปริญญาตรีกับวิชาชีพเฉพาะทางแตกต่างกันแน่นอน
ไม่เพียงแต่จบการศึกษาแล้วได้เงินเดือนตามตำแหน่งซึ่งส่วนต่างห่างกันเป็นเงินไม่กี่หยวน
ทว่ายิ่งเวลาผ่านไป ความเหลื่อมล้ำระหว่างปริญญาตรีและวิชาชีพเฉพาะทางจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เมื่อกล่าวถึงเกาเข่าของปีหน้า เฉินชิ่งก็ดูกระวนกระวายเล็กน้อย
ภาษาอังกฤษฉันไม่ดี ไม่รู้ว่าปีหน้าจะสอบออกมาเป็นอย่างไร
พี่กังวลเรื่องนี้หรือ? ไม่เป็นไร ภาษาอังกฤษฉันพอไหว ถ้าพี่ต้องการความช่วยเหลือไม่ต้องลังเลที่จะถามฉันเลยนะ!
เสี่ยวหลาน…
เฉินชิ่งซาบซึ้งไปทั้งหัวใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานได้เพียงแต่คิด พี่ชายประเดี๋ยวประด๋าวก็หน้าแดงง่ายดายเหลือเกิน แล้วพวกเราจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันได้อย่างไรเล่า!