เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 65 จางจี้คือธุรกิจของใคร
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 3 ตอนที่ 65 จางจี้คือธุรกิจของใคร
เป็นเซี่ยหงเซี๋ยจริงๆ ด้วย
ไม่ว่าน้ำเสียงหรือท่าทาง ล้วนยังคงน่ารำคาญดั่งในความทรงจำของเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานฟาดลงบนหลังมือเธอไปหนึ่งที เซี่ยหงเซี๋ยสัมผัสถึงความเจ็บแสบ จึงคลายมือในทันที
เธอกล้าตีฉันหรือ?!
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งรอยยิ้มเยือกเย็นให้ เธอเป็นโอรสสวรรค์ไม่ได้หรอก ฉันกับตระกูลเซี่ยไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว ถ้าเธอไม่เกรงใจฉัน ฉันจะสนว่าเธอเป็นใครหรือ?
เซี่ยหงเซี๋ยโดนเธอตอกกลับเสียจนเหมือนกับเป็นใบ้
แต่ไหนแต่ไรเวลาอยู่บ้าน เซี่ยเสี่ยวหลานก็กระหายอยากเป็นผู้โดดเด่น ที่ผ่านมาตอบโต้กับเซี่ยหงเซี๋ยอย่างสมน้ำสมเนื้อ ทั้งสองคนมักฟาดฟันเสียจนเทียบเทียมกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม หลังจากผ่านการเสแสร้งชนผนัง ราวกับยิ่งไร้ความหวาดหวั่นใด
เซี่ยหงเซี๋ยหดคอ พอคิดให้ดีก็นึกได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นมีชนักติดหลังอยู่ เธอประเมินเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยสายตา
เธอก็ปากคอเราะร้ายไปเถอะ เซี่ยเสี่ยวหลาน ตอนนี้คู่หมายของเธอรับรู้อดีตของเธอหรือยังเล่า?
คู่หมาย?
เซี่ยหงเซี๋ยน่าจะเห็นเฉินชิ่งแล้ว และเข้าใจผิดว่าเฉินชิ่งคือคู่หมายที่เธอค้นพบ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อธิบาย เธอคิดว่าไม่ว่าใครหรือคนใดของตระกูลเซี่ยล้วนไม่ควรค่าพอให้เธอเสียเวลาอธิบาย และเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่กลัวเซี่ยหงเซี๋ยจะปากเปราะด้วย… ชื่อเสียง? ชื่อเสียงของเธอได้เน่าเฟะมากพอแล้ว เซี่ยนอีจงมิใช่อาศัยชื่อเสียงก็สามารถเข้าเรียนระหว่างภาคเรียนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งไม่ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนทุกวี่วันด้วยซ้ำ เธอจึงไม่กังวลว่าคนอื่นจะมองเธออย่างไร
สิ่งที่เซี่ยนอีจงต้องการคือคะแนน ต้องการให้เธอเพิ่มจำนวนผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี
ทำชื่อเสียงแทนโรงเรียนในปีหน้าได้
ชื่อเสียงของนักเรียน?
ชื่อเสียงของนักเรียนไม่กระเทือนต่อคะแนนเกาเข่าเสียหน่อย
ในสายตาของหญิงชนบทบางกลุ่มที่ยึดถือการออกเรือนคือมติสุดท้ายที่จะตัดสินสตรีว่าจะชีวิตดีหรือไม่ ชื่อเสียงนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ถ้ากระโดดออกจากวงนั้นแล้วเบิกตามองทั่วโลก สำหรับความสำเร็จและความล้มเหลวของชีวิตแล้ว
ชื่อเสียงไม่ได้สลักสำคัญเลยแม้แต่น้อย
ไม่อาจกระทบต่อการที่เซี่ยเสี่ยวหลานจะหาเงิน และยิ่งไม่อาจกระเทือนเธอจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่สำเร็จ
แววตาที่เธอมองเซี่ยหงเซี๋ยปะปนความเหยียดหยาม เสวนากับสาวบ้านนอกเช่นนี้มากอีกกี่ประโยคยิ่งเป็นการสิ้นเปลืองเวลาของเธอ
เรื่องของฉันเธอไม่ต้องกังวลดีกว่า ได้ยินมาว่าเธอทำงานเล็กๆ น้อยๆ อยู่ที่ร้านจ้างจี้อาหารว่าง? จางจี้… น่าสนใจนี่ ฉันและคนตระกูลเซี่ยล้วนไม่อยากเกี่ยวข้องกัน หากยังต้องการรักษาหน้าตาอยู่ ก็อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน ไม่ว่าอนาคตเซี่ยจื่ออวี้จะพาตระกูลเซี่ยโบยบินขึ้นฟ้าได้หรือไม่ ฉันไม่มีทางขออานิสงส์จากตระกูลเซี่ยแน่ ถ้าจะมารบกวนฉัน เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันร้ายกาจด้วยแล้วกัน!
มีบางคนหน้าด้านหน้าทน
เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ความรู้สึกดีๆ ต่อทุกคนในตระกูลเซี่ย ที่เธอยังไม่ตอบโต้กลับอย่างสาสมแทนเจ้าของร่างเดิม เป็นเพราะตอนนี้มือยังไม่ว่างพอต่างหาก
ถ้าคนตระกูลเซี่ยดึงดันจะเอาตัวเองปะทะกับเธอให้ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ใช่พระแม่ผู้เมตตาเสียด้วย ต้องจัดการคนพวกนี้อย่างเด็ดขาดแน่
เซี่ยหงเซี๋ยใช้แรงงานเล็กน้อยจริง ทว่าเธอจะยอมรับได้อย่างไร
ร้านจางจี้อาหารว่างเป็นการบริหารธุรกิจอิสระ งานใช้แรงงานในร้านยิ่งไม่มีหน้ามีตาเลยแม้แต่น้อย แต่เซี่ยหงเซี๋ยไม่ยินยอมอับอายต่อหน้าศัตรูเก่า เลยชูคอปฏิเสธ ก็ร้านของตระกูลจางน่ะสิ! เธออิจฉาที่พี่จื่ออวี้สอบติดมหาวิทยาลัย ได้มีคนรัก ขนาดครอบครัวอาของพี่จื่ออวี้ยังหาเงินได้มากมาย… ฮ่าๆ เธอกลับโดนเฉดออกจากบ้าน ตอนนี้อยากเริ่มหาคู่หมายสักคนอีกครั้ง เปรียบเทียบกับพี่จื่ออวี้ต่อไปหรือ?
ร้านของตระกูลจางตามที่คาดไว้
ถ้าไม่มีสายสัมพันธ์ฉันญาติสนิท ใครจะจ้างคนเกียจคร้านอย่างเซี่ยหงเซี๋ยไว้ช่วยงานกัน!
เซี่ยหงเซี๋ยบอกว่าร้านเป็นของครอบครัวอาจื่ออวี้ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับนึกถึงภายใต้การตบตาอย่างเรียบง่ายของป้าสะใภ้ใหญ่จางชุ่ยนั่น มือคู่หนึ่งของป้าสะใภ้ใหญ่ไม่มีเนื้อด้านอะไรนัก
คงไม่ใช่คนที่ใช้แรงงานหนัก
จางชุ่ยคอยดูแลเซี่ยจื่ออวี้เล่าเรียนในตัวเมือง?
บางทีร้านนี้คงเป็นของจางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิง
และครอบครัวอาจื่ออวี้คงเป็นคนที่ทำงานแทนมากกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานได้รับข้อมูลที่ตนเองต้องการแล้ว ขี้คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับเซี่ยหงเซี๋ยปัญญานิ่มคนนี้อีก จำคำพูดฉันไว้ให้ดี เธออย่ามาวุ่นวายกับฉัน จะได้อยู่อย่างสงบสุขชั่วคราวกันทั้งสองฝ่าย!
ดวงตาที่ใครเห็นเป็นต้องรักใคร่เอ็นดูคู่นั้นของเซี่ยเสี่ยวหลาน กลับมีแววพิฆาตวูบวาบผ่านไปเช่นกัน
เธอเคยเป็นผู้บริหาร ถึงไม่แสดงอารมณ์แต่ก็แผ่รังสีน่าเกรงขามออกมาได้ เซี่ยหงเซี๋ยเป็นเพียงหญิงสาวชนบทอายุ 17 ปีคนหนึ่ง เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานขึงขังขึ้นมา ย่อมหวาดหวั่นจนต้านทานไม่ไหว
แก แก…
เซี่ยหงเซี๋ยยืนที่เดิมพลางร้อง ‘แก’ อยู่นานสองนาน ตาเขม็งมองเซี่ยเสี่ยวหลานเดินจากไป
ผ่านไปสักพักเธอถึงเรียกสติกลับคืน ตามหาสมองของตนเองกลับมา
เธอตั้งใจจับโอกาสนี้ข่มขู่เซี่ยเสี่ยวหลาน ให้เซี่ยเสี่ยวหลานช่วยเธอแทรกซึมตัวเข้าไปข้างในเซี่ยนอีจง ในเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถพบคู่หมายในเซี่ยนอีจงได้ แล้วทำไมเซี่ยหงเซี๋ยอย่างเธอถึงทำไม่ได้?
เซี่ยหงเซี๋ยรู้ดีว่าตนไม่มีหน้าตาที่ดึงดูดใจคนเท่าเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เธอก็เป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องคนหนึ่ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน—เซี่ยหงเซี๋ยยืนขบริมฝีปากแน่นอยู่ที่เดิม สายตาของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นช่างเลือกไม่เบา ก่อนหน้านี้ถูกใจว่าที่พี่เขยหวังเจี้ยนหัว ตอนนี้คนที่ชอบพอก็ไม่แย่กว่าหวังเจี้ยนหัวนัก ผิวคล้ำไปเสียหน่อย ผู้ชายผิวดีหรือไม่จะมีปัญหาอะไร ใบหน้าได้รูปสมส่วนดี เซี่ยหงเซี๋ยพยายามหวนนึกถึงลักษณะของเฉินชิ่ง
เธอจะเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยเสี่ยวหลานต่อหน้าชายผู้นั้นให้ได้!
อีกฝ่ายถูกเซี่ยเสี่ยวหลานล่อลวงแล้ว ถ้ารู้ความจริงต้องรู้สึกขอบคุณเธอเป็นแน่ พอเวลาค่อยๆ ผันผ่านไป มิใช่เธอและนักเรียนชายคนนั้นก็ได้ไปมาหาสู่กันหรือ?
นักเรียนชายถูกเซี่ยเสี่ยวหลานหลอกลวง ตนเองใช้โอกาสปลอบโยนเขา… แค่นึกว่าความรู้สึกระหว่างทั้งสองจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแล้ว เซี่ยหงเซี๋ยอดเผยรอยยิ้มโง่เง่าออกมาไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกประหลาดสงสัยลูกพี่ลูกน้องที่ได้มาโดยไม่ได้ขออย่างเซี่ยจื่ออวี้ขึ้นมา
แม้คนสอบติดมหาวิทยาลัยในหมู่บ้านต้าเหอแบบนี้จะพบได้ยากมาก แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่จินตนาการออกได้ ถ้า ‘จางจี้’ เป็นร้านที่เซี่ยจื่ออวี้เปิด เรื่องราวย่อมสมควรให้คนได้วิเคราะห์ตรึกตรองอยู่ไม่น้อย ดูปริมาณลูกค้าที่หลั่งไหลเข้าร้านนั่น ร้านอาหารว่างแบบนี้ หากหักต้นทุนต่างๆ ออกไป ไม่ว่าอย่างไรหนึ่งเดือนก็ต้องทำเงินได้สี่ถึงห้าร้อยหยวนหรือมากกว่านั้น
เดือนๆ หนึ่งบิดามารดาของเซี่ยจื่ออวี้สามารถทำเงินเท่ากับรายได้ต่อหนึ่งปีของครอบครัวชนบท หนึ่งปีหลายพันหยวน เซี่ยจื่ออวี้เรียนมหาวิทยาลัยจะใช้หมดที่ไหนกัน?
ทว่าคนบ้านใหญ่นี้ล้วนเจ้าเล่ห์เพทุบายกันเหลือเกิน ในมือมีเงินทองอยู่ชัดๆ กลับขูดรีดเงินเก็บของคนในตระกูลเซี่ย
โง่งมที่สุดก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของเจ้าของร่างเดิม ถึงขั้นควักเงินครอบครัวถวายให้ผู้อื่นไปง่ายๆ
เมื่อไม่แยกครอบครัว ใครจะไม่แอบซุกซ่อนเงินทองกัน?
เซี่ยฉางเจิงและเซี่ยหงปิงลงขันเงินได้เพียงหนึ่งร้อยกว่าหยวนจริงหรือ?
ต่อให้จางจี้จะไม่ใช้เงินทุนของจางชุ่ยและเซี่ยฉางเจิงทั้งหมด แต่สองคนต้องเป็นหนึ่งในเถ้าแก่แน่นอน
มาตรฐานการริเริ่มธุรกิจเช่นร้านอาหารว่างนี้ไม่ยุ่งยาก ทว่าถ้าจะลงมือจริงจัง ก็ไม่มีทางทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ คนชนบทออกมาค้าขายเล็กน้อย ไม่ว่าเป็นตระกูลเซี่ยหรือบ้านแม่ของจางชุ่ย ล้วนไม่มีต้นทุนเพียงพอจะเปิดร้านใหญ่เป็นแบบนี้ได้ในทันที… ต้องผ่านเวลาช่วงหนึ่งไปเพื่อพัฒนาความมั่นคง อย่างนั้นดั้งเดิมแล้วเป็นความคิดของใครกัน? แม้เป็นเซี่ยเสี่ยวหลานเอง ตอนเกิดใหม่แรกๆ ก็ไม่ได้ต้องการเปิดร้านอาหารว่าง จนกระทั่งเธอขายไข่ไก่เก็งกำไร ลูกค้ากลุ่มหลักคือคนงานของโรงงานเครื่องจักรเกษตรและโรงงานเนื้อสัตว์ในเขตอันชิ่ง เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอยากทำธุรกิจอาหารว่าง และวางแผนซื้อเครื่องในราคาถูกเล็กน้อยจากโรงงานเนื้อสัตว์
ราคาเนื้อสัตว์คงที่ของโรงงานเนื้อสัตว์ควบคุมได้ยาก แต่ทุกวันต้องเชือดหมูวัวแพะจำนวนมากขนาดนั้น เครื่องในหมู แพะ วัวควรสามารถซื้อได้แน่
เครื่องในก็เป็นเนื้อสัตว์เหมือนกัน จัดการปรุงดีๆ รสชาติไม่ด้อยกว่าส่วนเนื้อ
เดี๋ยวนี้เครื่องในสัตว์ยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนอนาคต ราคาจึงไม่แพง—เมื่อถูกคนอื่นช่วงชิงความคิดนี้ไปแล้ว อย่างมากเซี่ยเสี่ยวหลานก็คงเสียดายอยู่บ้าง แต่ไม่ใส่ใจเท่าไรนัก อย่างไรเสียเธอรู้ลู่ทางหาเงินเยอะแยะขนาดนั้น ค่อยเลือกใหม่อีกสักประเภทก็พอ
ทว่าถูกเซี่ยจื่ออวี้ตัดหน้าก่อนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ค่อยสบายใจนัก
เธอมิใช่เทพธิดานางฟ้าเสียหน่อย ต้องยินดีอวยพรทั้งครอบครัวเซี่ยจื่ออวี้ให้ชีวิตมั่งคั่งร่ำรวยหรือ?!
ธุรกิจอาจเริ่มต้นตั้งแต่เซี่ยจื่ออวี้สอบเข้าเซี่ยนอีจงพร้อมมีจางชุ่ยมาเรียนเป็นเพื่อนในตัวเมืองแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเดินไปยังแผงบะหมี่ของน้าหวงที่ไปรับประทานบ่อยครั้ง สั่งบะหมี่หนึ่งชาม ถามไถ่เรื่องของจางจี้โดยไม่ได้ใส่ใจ
ล้วนเป็นคนร่วมวงการทั้งนั้น เธอคิดว่าบางทีน้าหวงคงรู้สถานการณ์บ้าง
พอกล่าวถึง ‘จางจี้’ น้าหวงก็เจื้อยแจ้วทันทีอย่างที่คิด ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอิจฉาพ
ตอนนี้ธุรกิจใหญ่โตแล้ว เมื่อก่อนตอนแรกก็ตั้งแผงบนถนนนี่แหละ หญิงชนบทตัวคนเดียวดูแลแผง ผ่านไปสองสามปี คนเขาก็ย้ายจากแผงมาเปิดหน้าร้านใหญ่ ทั้งยังพาน้องชายจากบ้านแม่มาหาเงินด้วยกัน…
จางจี้คือเป้าหมายที่น้าหวงยืนหยัดต่อสู้ เธอจึงคุ้นเคยกับสถานการณ์ของจางจี้เป็นอย่างดีเยี่ยม
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้มพลางรับประทานบะหมี่ ยืนยันการคาดคะเนของตนเองเรียบร้อย
‘จางจี้’ คือร้านที่จางชุ่ยเปิด ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัวอาของเซี่ยจื่ออวี้แน่นอน