เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 66 พบโจวเฉิงหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลาอีกแล้ว
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 3 ตอนที่ 66 พบโจวเฉิงหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลาอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าเซี่ยทราบเรื่องนี้หรือเปล่า?
แต่ดูท่าทางจะไม่แจ่มแจ้งนัก
แต่อาจรู้ก็ได้เช่นกัน เช่นนั้นยิ่งน่าขยะแขยงเข้าไปใหญ่
เงินที่จางชุ่ยหาได้มิใช่น้อย แม่เฒ่าเซี่ยยังจะขูดรีดประโยชน์จากคนอื่นอีก เธอเห็นเซี่ยจื่ออวี้เป็นหลานสาวแท้ๆ
ส่วนคนอื่นเป็นแค่วัชพืชซึ่งเก็บจากข้างทางหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานรับประทานบะหมี่เสร็จจึงจ่ายเงิน คุณน้าก็ฝีมือดีนะคะ ไม่ได้คิดขยับขยายธุรกิจให้ใหญ่โตบ้างหรือ? อย่างเช่นจากแผงบะหมี่เป็นร้านบะหมี่?
น้าหวงจะไม่อยากได้อย่างไร!
หนึ่งวัน ‘จางจี้’ ทำเงินได้มากน้อยเท่าไร
หนึ่งวันของแผงบะหมี่น้าหวงก็ทำเงินได้บ้างเหมือนกัน แต่เทียบกับ ‘จางจี้’ แล้วยังห่างกันไกลโข
น้าหวงต้องการอธิบายกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียหน่อย ทว่าสุดท้ายก็กลืนคำพูดลงไป
ทำได้เพียงตอบอย่างกำกวม
เปิดร้านต้องมีเงินทุน หน้าร้านก็หาเช่ายาก
เรื่องนี้จัดการยากนะ…
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจดี หากถามต่อไปจะเป็นการละลาบละล้วงเกินไป คนไม่สนิทสนมกันจะให้ถามมากไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
ใจในเธอผุดความคิดหนึ่งขึ้น เวลานี้ตนยังหาเงินไม่เพียงพอ เรื่องก่อความไม่สงบแก่ ‘จางจี้’ จึงยังไม่อาจรีบร้อนได้
เซี่ยเสี่ยวหลานมีลางสังหรณ์บางอย่าง พวกน่ารำคาญจากตระกูลเซี่ยไม่มีทางปล่อยเธอวิ่งไปสู่ชีวิตใหม่อย่างง่ายดายได้แน่
เช่นนั้นก็ต่างคนต่างชิงไหวชิงพริบ ทุกคนคอยชมบทสรุปแล้วกัน!
ใช้เวลาอยู่ที่โรงเรียนได้พักใหญ่
เสร็จสิ้นอาหารกลางวันที่แผงบะหมี่น้าหวง
เซี่ยเสี่ยวหลานถึงเดินทางไปยังบ้านพักรับรองอันชิ่ง
ถ้าวันนี้ไม่เจอโจวเฉิง เธอก็จะไม่รอเขา และตั้งใจไปหยางเฉิงตามแผนที่วางไว้เท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นรถยนต์ตงเฟิงที่คุ้นตามาตั้งแต่ไกล หญิงสาวเผยใบหน้ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
โจวเฉิงรอคอยมาสักพักแล้ว
อยากไปหาที่หมู่บ้านชีจิ่งให้รู้แล้วรู้รอดตั้งหลายหน
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานอาจไม่อยู่ที่หมู่บ้าน
เขาเลยรออยู่บ้านพักรับรองอันชิ่งตามสถานที่นัดหมายในโทรเลข
ความอดทนกำลังจะไม่หลงเหลือ แต่สุดท้ายเซี่ยเสี่ยวหลานก็ปรากฏตัว
โจวเฉิงมองเธอด้วยสายตาปรารถนา จากศีรษะจรดปลายเท้า
ไม่ว่าส่วนใดของเซี่ยเสี่ยวหลานเขาล้วนชื่นชอบมากเหลือเกิน!
เสี่ยวหลาน!
โจวเฉิงก้าวเท้ายาวเข้ามา
ในที่สาธารณะเขาไม่สามารถคว้าเธอเข้าอ้อมอกมากอดอย่างแนบแน่นได้
ในที่สุดเธอก็มาแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งยิ้มให้แก่โจวเฉิง
เธอไม่รู้ว่าตัวเองชอบโจวเฉิงหรือไม่ แต่โจวเฉิงมีรูปโฉมเจริญตาเจริญใจ
สำรวจผู้ชายอายุใกล้เคียงกันรอบกายเซี่ยเสี่ยวหลานโดยคร่าวแล้ว
ไม่มีใครน่าโปรดปรานเท่าโจวเฉิงอีก โจวเฉิงเป็นคนเปิดเผย
ไม่ปิดบังความกระตือรือร้นของตนแม้แต่น้อย มีความร้ายกาจบ้าง
ทว่าเป็นชายหนุ่มที่ไม่กักขฬะ… หนุ่มน้อยหล่อเหลาแสดงมิตรภาพด้วยความอบอุ่นและจริงใจเช่นนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมยากที่จะรังเกียจรังงอน
พี่โจว พวกพี่มาถึงนานหรือยัง?
โจวเฉิงส่ายหน้า เพิ่งถึงได้ครู่เดียว
คังเหว่ยหิ้วอาหารกลางวันกลับมาได้ยินพอดี
ยอมรับในฝีไม้ลายมือการโกหกหน้าด้านของโจวเฉิงทีเดียว
เพิ่งถึงได้ครู่เดียว?
รอตั้งสี่ห้าชั่วโมงแล้วต่างหาก รีบขับรถมาเขตอันชิ่งทั้งคืน
พอถึงบ้านพักกลับไม่อยากเข้าไปนอนเอาแรงในห้อง จะเฝ้าอยู่บนรถให้ได้
เพราะกลัวว่าจะพลาดการมาเยือนของเซี่ยเสี่ยวหลาน!
พี่สะใภ้เสี่ยวหลาน ฉันเอาข้าวกลางวันมา กินด้วยกันหน่อยไหม?
คังเหว่ยเรียกพี่สะใภ้อย่างตรงไปตรงมา เซี่ยเสี่ยวหลานจึงจ้องเขา
สายตาอ่อนละมุนไม่มีความน่าเกรงขามอะไรนัก!
ที่แท้พวกพี่ยังไม่ได้กินข้าว? กินอะไรกับไปก่อนเถอะ ฉันกินแล้วถึงมา
โจวเฉิงนึกตำหนิในใจ คังเหว่ยคนนี้นี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย
เวลาแบบนี้เขาจะมีอารมณ์กินข้าวที่ไหนกัน ทว่าพอกล่องข้าวเปิดออก
กลิ่นหอมของอาหารเตะจมูก โจวเฉิงก็รู้สึกว่าท้องตัวเองร้องหิวโหยอยู่เหมือนกัน
พวกเขาใช้โต๊ะน้ำชาในชั้นหนึ่งของบ้านพักเป็นโต๊ะอาหาร โจวเฉิงรับประทานไปพลาง
เงยหน้ามองเซี่ยเสี่ยวหลานไปพลาง ได้มองคนที่ชื่นชอบ
แม้แต่รสชาติอาหารที่คังเหว่ยซื้อมาแบบตามมีตามเกิดก็เพิ่มพูนอร่อยมากขึ้น!
เซี่ยเสี่ยวหลานรอจนพวกเขารับประทานเสร็จ
ถึงได้กล่าวความตั้งใจของตน
อีกเดี๋ยวฉันก็จะไปสถานีรถไฟซื้อตั๋วถึงหยางเฉิง
หากไม่ได้รับโทรเลขของพี่อาจจะไปตั้งแต่สองวันก่อน ครั้งนี้พวกพี่ก็ผ่านเขตอันชิ่งเพื่อไปทำงานต่อเหมือนเดิมสินะ?
ตั้งใจรอสองวัน ไม่ปล่อยให้โจวเฉิงพลาดความตั้งใจ
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานคือการแสดงออกที่ให้ความสำคัญต่ออีกฝ่ายอย่างมากแล้ว
แต่จะให้เธออยู่เขตอันชิ่งต้อนรับประหนึ่งเจ้าบ้านต่อไป
กลับไม่ค่อยเหมาะสมนัก
โจวเฉิงชะงัก จากนั้นเปลี่ยนมาเผยใบหน้ายิ้มแย้มแทน เธอไปหยางเฉิงเพื่อตุนสินค้าหรือ?
เขาตั้งใจพักที่เขตอันชิ่งสองวันค่อยเดินทางต่อไปทางใต้
ทว่าไม่คาดคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานปลีกเวลามาไม่ได้
พบกันเพียงระยะสั้นไม่อาจปัดเป่าไข้ทางใจของเขาได้จริงๆ แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่เผด็จการมากคนหนึ่ง
แต่ไม่ได้โง่เง่า… ความหวงแหนยังไม่เหมาะที่จะแสดงออกในเวลานี้ โจวเฉิงสัมผัสได้ถึงความจริงจังในนิสัยของเซี่ยเสี่ยวหลาน
เธอดูบอบบางเสียจนทำให้คนอยากปกป้องอย่างช่วยไม่ได้ แต่แท้จริงแล้วกลับมีจุดยืนมากทีเดียว
โดยเฉพาะถ้าจะทำธุระเป็นการเป็นงาน
โจวเฉิงไม่คิดว่าสัดส่วนของตนเองมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องงานในสายตาเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วตนเองจะสำคัญกว่า
อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
การตัดสินใจของโจวเฉิงถูกต้อง!
คังเหว่ยเปิดปากอยากกล่าวบางอย่าง เซี่ยเสี่ยวหลานกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
กิริยาของโจวเฉิงทำให้เธอพอใจไม่น้อย และรู้สึกว่าการคบค้าสมาคมกับเขาแล้วผ่อนคลายสบายใจ
อือ อยากไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงจากหยางเฉิงกลับมาขายน่ะ
ขณะที่เธอเอ่ยคำพูดนี้ แม้จะไม่ได้เย่อหยิ่งและโอ้อวด แต่ทั้งร่างกลับเหมือนจะมีแสงเปล่งประกายออกมา
คังเหว่ยได้แต่คิด คนที่พี่เฉิงจื่อชอบนี่ช่างมีความพยายามเสียจริง
ไม่นานมานี้ยังขายไข่ไก่? ต่อมาก็ขายปลาไหล
ทุกวันนี้มีความกล้ามากขึ้น จึงอยากลงใต้ไปหยางเฉิงรับซื้อสินค้าด้วยตัวคนเดียว—ทำธุรกิจเล็กน้อยพวกนั้นมีกำไรสักเท่าไรกันเชียว? คังเหว่ยคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานดูไม่ออกว่าพี่เฉิงจื่อชอบเธอเพียงใดหรือ? ขอแค่เธอเอ่ยปาก
แม้แต่สินค้าทั้งคันรถของพวกเขาคันนี้ โจวเฉิงล้วนยอมมอบให้ได้!
มูลค่าของสินค้ารถนี้ แม้เซี่ยเสี่ยวหลานอาศัยความพยายามทั้งหมดของตนเอง
ยังไม่รู้ว่าจะต้องหาเงินนานแค่ไหนจึงจะได้มากเท่าเลย
ไฉ่ซิงเอี๊ย [1] ตัวจริงอยู่ตรงหน้า เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังไม่ยอมกราบไหว้
คังเหว่ยยอมจำนนอย่างเสียไม่ได้
สิ่งที่คังเหว่ยคิด โจวเฉิงจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
โจวเฉิงเคยบอกไว้นานแล้ว
เขาไม่อยากให้เซี่ยเสี่ยวหลานลำบากเลยสักนิดเดียว
แต่ตัวเซี่ยเสี่ยวหลานเองยินดีอย่างเห็นได้ชัด คนที่เขาชอบมีจิตวิญญาณนักสู้ไม่ย่อท้อ
โจวเฉิงทั้งเอ็นดูและนับถือ หัวใจเต้นที่เต้นแรงเพียงครั้งคราวเป็นเพียงความคลั่งใคล้ต่อรูปกายภายนอก
ทว่าความรักอันยืนยง ไม่ว่าหญิงหรือชาย ย่อมต้องเกิดเพราะบนตัวอีกฝ่ายมีจุดเด่นที่น่าชื่นชมยินดี
เสื้อผ้าผู้หญิง… เธอเก็บเงินต้นทุนได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?
ไม่ถือว่ามาก แต่นำเข้าของมาขายครั้งแรกก็เป็นแค่การลอง ต้องดูปฏิกิริยาของตลาดอีกที
หนแรกที่ไปตลาดสินค้าเกษตรของเมืองซางตู
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ถูกใจธุรกิจชนิดนี้แล้ว
โจวเฉินเข้าใจสถานการณ์ของเซี่ยเสี่ยวหลานดี สองแม่ลูกถูกไล่ออกจากตระกูลเซี่ย
ไม่มีทางได้รับทรัพย์สินมากมายติดตัว
ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเลือกธุรกิจที่ต้นทุนน้อยอีกทั้งยังเหน็ดเหนื่อยมาก…
เทียบกับการขายไข่ไก่และปลาไหลแล้ว จะไปหยางเฉิงรับซื้อเสื้อผ้าสตรี
ต้องใช้เงินทุนมากกว่านี้แน่นอน
กำไรของไข่ไก่และปลาไหลเป็นอย่างไร โจวเฉิงเห็นอยู่กับตา
ทั้งสองคนเพิ่งแยกจากกันช่วงหนึ่ง
เซี่ยเสี่ยวหลานคงลำบากลำบนหาเงินทุกคืนวันเป็นแน่ ไม่แปลกใจที่เจอคราวนี้เธอจะผอมลงเล็กน้อยอีกแล้ว
อันที่จริงพวกเราก็จะไปหยางเฉิง
แต่เธอไม่เหมาะจะไปด้วยกันกับพวกเราเท่าไร เธอซื้อตั๋วรถไฟหรือยัง
ออกเดินทางกี่โมง?
ต่อให้เดิมทีไม่ไปหยางเฉิง โจวเฉิงก็จะไปสักรอบให้ได้
เขาย่อมยินดีให้เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งห้องโดยสารข้างคนขับอยู่แล้ว สองเราเดินทางเคียงกัน
ทว่าหนทางที่เขาและคังเหว่ยขนสินค้าเต็มไปด้วยอันตรายที่คาดการณ์ไม่ได้ ยอมให้เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งรถไฟไปทางใต้เพียงคนเดียวย่อมปลอดภัยกว่า
ฉันอยากเดินทางวันนี้ ถ้ายังซื้อตั๋วได้ล่ะนะ
คนวางแผนเดินทางไกลที่ไหนกัน เลยเวลาเที่ยงวันไปแล้วยังไม่ไปซื้อตั๋วรถ? โจวเฉิงเบิกบานอยู่ในหัวใจ นี่คือเพราะอยากพบเขาสักครั้งถึงรอจวบจนถึงตอนนี้
คำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นจริงจังมาก แต่ความคิดของโจวเฉิงนั้นคิดไม่ซื่อ
คำพูดธรรมดาสามัญกลับถูกเขาฟังเป็นคำหวานที่แสนเพราะพริ้ง
ในสุ้มเสียงของเขาราวกับห่อหุ้มน้ำผึ้งไว้ครึ่งชั่งเช่นกัน
ไปเถอะ ฉันไปซื้อตั๋วเป็นเพื่อนเธอเอง วันนี้ซื้อตั๋วไม่ได้ก็ไม่รีบ
พักผ่อนที่บ้านพักสักคืนค่อยเดินทางก็ได้
เชิงอรรถ
[1]财神 ไฉ่ซิงเอี๊ย คือ
เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย