เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 81 ทุกคนจำเป็นต้องหาเงินอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 3 ตอนที่ 81 ทุกคนจำเป็นต้องหาเงินอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
ต่อให้ไม่มีกฎของย่าอวี๋
คนมากมายขนาดนี้ก็อยู่ในห้องที่เซี่ยเสี่ยวหลานเช่าไม่ได้
หลิวเฟินอยู่บ้าน เซี่ยเสี่ยวหลานและคนอื่นไปที่บ้านพักรับรองด้วยกัน
ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็เข้าใจเหตุผลที่หลิวหย่งและโจวเฉิงปรากฏตัวพร้อมกัน
แม้โจวเฉิงจะเล่าเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับหวั่นกลัวจนเหงื่อกาฬไหลทั้งที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้
ถ้าโจวเฉิงและคังเหว่ยไม่ได้ผ่านไปทางนั้นพอดี และถ้าไม่มีทั้งสองคนช่วยเหลือไว้
ลุงของเธออาจจะไม่รอดเพราะเสียเลือดมากเกินไปใช่หรือเปล่า?
เมื่อครั้งโจวเฉิงและคังเหว่ยกำจัดอันธพาลแทนเธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกขอบคุณ แต่ไม่รู้สึกขอบคุณมากถึงเพียงนี้
พรหมจรรย์ของสตรีนั้นสำคัญยิ่งนัก แต่ถ้าถูกอันธพาลทำมิดีมิร้ายจริง
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีทางจบชีวิต ทว่าลุงของเธอคือชีวิตหนึ่ง
มนุษย์หากไร้ซึ่งชีวิต ย่อมไม่มีความหวังอีกต่อไป ไม่แปลกใจที่โจวเฉิงบอกจะไปหยางเฉิงแต่กลับทำการยกเลิกด่วน
ตอนนั้นคงเฝ้าลุงของเธอในโรงพยาบาลที่เซี่ยงไฮ้อยู่กระมัง
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ
เธอกล่าว ‘ขอบคุณ’ ติดกันสามหน
แม้สุ้มเสียงไม่ดังนัก แต่ใครๆ ก็สัมผัสได้ถึงความตื้นตันในอารมณ์ของเธอ
เสี่ยวหลาน นี่คือสิ่งที่สมควรทำ
แม้เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมักคุ้น ในสถานการณ์เช่นนั้นโจวเฉิงต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอน
แต่หากคนที่ช่วยไว้ไม่ใช่หลิวหย่ง โจวเฉิงคงส่งคนไปยังโรงพยาบาลแล้ว อย่างมากก็คงจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ก่อนเป็นอันจบธุระ
แต่คนบาดเจ็บนั้นเป็นหลิวหย่ง โจวเฉิงจึงต้องอยู่ดูแลด้วยตนเอง
จนกว่าจะมั่นใจว่าหลิวหย่งไม่มีปัญหาร้ายแรง
นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา แต่ตัวเขาเต็มใจที่จะทำเช่นนี้เอง
เป็นเพราะเซี่ยเสี่ยวหลาน เขาจึงมีข้อผูกพันกับหลิวหย่งที่แต่เดิมไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด
โจวเฉิงทำทุกสิ่งนี้ด้วยความยินดี
จะบอกว่าเขาน่ารังเกียจก็ได้ เห็นแก่ตัวก็ช่าง
หลิวหย่งบาดเจ็บรุนแรงทีเดียว แต่ขณะที่เขาช่วยหลิวหย่งไว้ ในสมองกลับคิดว่านี่ช่างเป็นบัญชาสวรรค์เสียจริง
เจอลุงผู้บาดเจ็บของเซี่ยเสี่ยวหลานกลางทาง ใครจะกล้าบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ภรรยาที่ถูกกำหนดให้กับชีวิตของเขา?
โจวเฉิงมองว่าที่ภรรยาของเขา ทั้งสรรพางค์กายเผยความสดชื่นเบิกบาน
เขาแสดงออกได้แจ่มแจ้งเหลือเกิน ตอนแรกหลี่เฟิ่งเหมยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แต่ตอนนี้ค่อยๆ รู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย
ชอบเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าแล้วหรือ?
ไม่แปลกใจนัก เธอก็ไม่เคยพบชายหนุ่มคนไหนรังเกียจเสี่ยวหลานเลยสักคน
ชายหนุ่มที่มีลักษณะกระฉับกระเฉง ทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตหลิวหย่งไว้
ความประทับใจแรกของหลี่เฟิ่งเหมยต่อโจวเฉิงนั้นดีมาก เฉินชิ่งเมื่ออยู่คนเดียวก็ดูยอดเยี่ยม
แต่หากเปรียบกับโจวเฉิงแล้วนั้น ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ คนเขาล้วนอยู่ชมรมรูปลักษณ์ [1] กันทั้งนั้น ครอบครัวใครเลือกสะใภ้หาลูกเขยแล้วไม่ชอบแบบหน้าตาดีกัน
ต่อให้เป็นยุค 80 สำหรับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาสง่างาม
แม้ครอบครัวจะยากจนไปหน่อย ก็ไม่กังวลเรื่องหาภรรยาอยู่ดี
อย่างไรเสียหลิวหย่งได้อยู่กับเขาตั้งหลายวัน คงจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอยู่บ้าง
หลี่เฟิ่งเหมยตั้งใจว่าตอนกลางคืนค่อยสอบถามโดยละเอียด
เดินทางไปมาช่างวุ่นวายนัก
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเปิดห้องในบ้านพักรับรองห้องหนึ่งด้วยเสียเลย
พรุ่งนี้เธอจะไปหยางเฉิง ตั๋วรถไฟก็จองไว้เรียบร้อย
หลิวหย่งบาดเจ็บกลับมากะทันหันเช่นนี้ทำให้แผนการของเธอรวน
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังสับสนว่าตนควรจะคืนตั๋วรถไฟดีหรือไม่
เธอต้องการสนทนากับหลิวหย่งอย่างจริงจัง ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้ว่าหลิวหย่งทำงานลักลอบค้าของเถื่อน
ทว่าออกไปหนหนึ่งเกือบสูญสิ้นชีวิต ช่องทางหาเงินของลุงเธอคงอันตรายมากจริงๆ
แม้ในอนาคตจะมีคนกล่าวอย่างขำขันว่า ยุค 80-90 มั่งคั่งร่ำรวยได้ง่ายดายนัก หนทางทำเงินทั้งหมดล้วนเขียนอยู่ในกฎหมายอาญา
ขำขันอยู่ส่วนขำขัน ยังอธิบายจากอีกแง่มุมหนึ่งได้ว่าบุคคลที่ร่ำรวยเงินทองและอำนาจกลุ่มแรกที่สร้างเนื้อสร้างตัวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ล้วนเคยผ่านเรื่องราวสีเทาในอดีตด้วยกันทั้งนั้น… เทาหรือไม่เทายังต้องแบ่งระดับด้วย
เห็นได้ชัดว่าอาชีพที่ลุงของเธอเลือกคือระดับที่สุดโต่ง
ไม่กลัวต้องชดใช้เงิน แต่กลัวเป็นอันตรายถึงชีวิต
หากสิ้นชีพ ทุกอย่างถึงจะอันตรธานไปโดยแท้จริง!
ให้ลุงร่วมหุ้นเปิดร้านขายเสื้อผ้า เธอขายเสื้อผ้าสตรี ส่วนลุงขายเสื้อผ้าบุรุษหรือ?
ลุงของเธอไม่ใช่คนที่จะจมอยู่สักแห่งได้นานๆ เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่คิดที่จะขายเสื้อผ้าตลอดไป
เธอครุ่นคิดอยู่มากมาย พลิกตัวกลับไปมาตั้งนานสองนานถึงจะหลับใหล
อีกฟากของผนังกั้นคือห้องของโจวเฉิงและคังเหว่ย โจวเฉิงเองก็นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน
คังจื่อ เดินทางรอบนี้เสร็จฉันก็จะวางมือแล้ว เส้นทางนี้นายจะเอาอย่างไร
พวกเราสองคนควรหารือกันหน่อย
คังเหว่ยลุกจากเตียงขึ้นมาทันที พี่
ผมฟังพี่หมด พี่ว่าอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
นายอย่าเพิ่งร้อนใจ ฉันไม่ได้จะแยกย้าย และไม่ได้จะหาสักคนมาร่วมในธุรกิจของพวกเราจริงๆ
เพียงแต่เรื่องของลุงหลิวนี้ทำให้ฉันเข้าใจอะไรๆ มากทีเดียว
เดินทางค้าขายด้วยตนเองกำไรได้เยอะแยะ แต่ระหว่างการเดินทางอันตรายมากแค่ไหนนายก็เห็นแล้ว
ไม่ใช่ทุกครั้งจะโชคดีเช่นนี้
ดักปล้นแย่งขนสินค้า ฟาดฟันห้ำหั่นกันในวงการสินค้าเถื่อน หลิวหย่งต่อสู้เพื่อเงินด้วยชีวิต
หากดักปล้นรถของพวกเขาล่ะ
สินค้าที่คู่ควรแก่การขนส่งทางไกลไม่มีทางไร้ราคาค่างวด
บุหรี่เต็มหนึ่งคันรถมูลค่าเท่าไรกัน?
ของแบบนี้แม้ถูกชิงไปก็ขายต่อได้ง่ายดายมาก!
โจวเฉิงมั่นใจในตัวเองพอสมควร ทว่าเขาไม่อาจเดินทางกับคังเหว่ยตลอดไปได้
คังเหว่ยไม่รอบคอบเท่าเขา สภาพร่างกายยิ่งต่างกันโข
คังเหว่ยคือทายาทหัวแก้วหัวแหวนของผู้ปกครองตระกูลคัง วันนี้เห็นกันแล้วว่าเหล่าสมาชิกในครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเสียใจและกระวนกระวายมากเพียงใดต่อเหตุการณ์ทีเกิดขึ้น
หากเป็นคังเหว่ยที่เกิดเหตุร้ายแทน คุณย่าของคังเหว่ยคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่นอน
โจวเฉิงต้องการฉุดรั้งคังเหว่ยออกจากความลำบาก แต่ไม่ใช่การพาเขากระโดดลงไปข้างล่างหน้าผา
โจวเฉิงกล่าวจนคังเหว่ยเงียบงัน
เส้นทางนี้มันทำเงินได้ดีเหลือเกิน บุหรี่ทุกลังล้วนเป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน
พวกเขาไม่ได้ลักลอบขนย้าย เพียงแต่นำบุหรี่ที่แบ่งสรรตามเขตต่างๆ เปลี่ยนสถานที่จำหน่าย
ขนยี่ห้อบุหรี่ซึ่งขายไม่ดีในเซี่ยงไฮ้ไปยังมณฑลอวี้หนาน ของอวี้หนานนำไปปักกิ่ง
ทำการซื้อขายไปมา
แม้ว่าจะได้กำไรงาม แต่ความเสี่ยงก็มากด้วยเช่นกัน คังเหว่ยตัวสั่นเทา สมองที่ตื่นเต้นกับกำไรมหาศาลเริ่มอ่อนกำลังลง
พี่เฉิงจื่อ พวกเราวางมือกันเถอะ
คังเหว่ยไม่ใช่คนใจกล้า บางครั้งนี่ก็เป็นข้อเสีย
แต่บางครั้งก็กลายเป็นข้อดี ทำให้คังเหว่ยรู้จักการ ‘นอบน้อม’ ไม่กลายเป็นคนเหลวแหลกจากการตามใจของผู้ใหญ่ในบ้าน โจวเฉิงเห็นเขาฟังคำพูดของตน
ก็ไม่ข่มขวัญเขาอีก ไม่ต้องถึงขั้นวางมือหรอก หากพวกเราเปลี่ยนวิธีก็ยังคงสามารถทำต่อไปได้
นายให้เวลาฉันคิดหน่อยแล้วกัน
คังเหว่ยพยักหน้าหงึกหงัก ต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีอย่างแน่นอน เรื่องใช้ความคิดนั้นเขาสู้โจวเฉิงไม่ได้จริงๆ
เขาเคยชินกับการเชื่อฟังโจวเฉิง
ย่าเขาเคยบอกไว้ ตัวเองไม่ฉลาดเฉลียวนั้นไม่กลัว เดินตามคนเฉลียวฉลาดก็พอแล้ว
สภาพของบ้านพักรับรองไม่เลวร้ายนัก คนห้าคนที่เข้ามาพักต่างมีเรื่องหนักใจ
ทุกคนล้วนนอนหลับไม่เพียงพอ เช้าวันต่อมา ผู้ที่แจ่มใสที่สุดคือหลี่เฟิ่งเหมย
เมื่อคืนหลิวหย่งตกลงกับเธอแล้วว่าจะถอนต้นทุนที่หลงเหลืออยู่ออกมา และไม่แตะธุรกิจเสี่ยงชีวิตนั่นอีกต่อไป
แม้หลี่เฟิ่งเหมยจะรู้สึกสะเทือนใจกับบาดแผลบริเวณหลังของหลิวหย่ง แต่ก็ยินดีกับการตัดสินใจของเขาด้วย
เดือนพฤศจิกายนของเมืองซางตูอุณหภูมิช่วงเช้าและกลางคืนต่ำลงมากทีเดียว
หลี่เฟิ่งเหมยถือกาน้ำร้อนที่เติมน้ำจนเต็มกลับมาจากการล้างหน้า
เธอพักในบ้านพักรับรองเป็นครั้งแรก ทำให้เธอรู้สึกไม่คุ้นชินเท่าการอาศัยอยู่ในชนบทอย่างหมู่บ้านชีจิ่ง
แต่กลับสะดวกสบายอย่างบอกไม่ถูก น้ำร้อนที่ให้บริการตลอดเวลา สุขาที่สะอาดสะอ้าน
ได้ยินว่ากลางเดือนพฤศจิกายนเมืองซางตูยังเปิดระบบทำความร้อนส่วนกลางอีกด้วย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเทาเทามาเมืองมณฑลแล้วไม่อยากกลับไป ซางตูกับชนบทต่างกันมากจริงๆ
มนุษย์ปีนขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ [2] เมื่อก่อนนั้นไม่เคยคิดตริตรอง พอความคิดหยั่งรากลงในก้นบึ้งของจิตใจ
อยากสลัดทิ้งไปก็ไม่ง่ายดายแล้ว
คุณถอนทุนกลับมาได้เท่าไรคะ? คุณว่าพวกเราสองคนก็ทำธุรกิจสักอย่างในเมืองซางตูเหมือนเสี่ยวหลาน และรับเทาเทามาเข้าเรียนในเมือง เป็นอย่างไร?
พ
เชิงอรรถ
[1] 外貌协会 ชมรมรูปลักษณ์
หมายถึง กลุ่มคนที่เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายสำคัญที่สุด และมักใช้จุดนี้เป็นมาตรฐานในการตัดสินใจ
[2] 人往高处走,水往低处流 มนุษย์ปีนขึ้นสู่ที่สูง
น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ หมายถึง คนเราควรมุ่งมั่นกับการพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี