เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 90 ประกาศความเป็นเจ้าของ
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 3 ตอนที่ 90 ประกาศความเป็นเจ้าของ
ทำไมถึงหาเงินได้ง่ายดายขนาดนี้?.
เดินทางไปหยางเฉิงหนหนึ่งก็สามารถเพิ่มพูนอีกหนึ่งเท่า
จาก 900 เพิ่มเป็น 1800 และจาก 1800 กลายเป็น 3000 กว่า?
หลิวเฟินนับเงินจนตาลายหมดแล้ว ถ้าไปหยางเฉิงอีกครั้ง มิใช่สามารถกลายเป็น 7000 กว่าหยวนได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะ ฉันคนเดียวขนสินค้ามาได้แค่นั้น
เป็นไปไม่ได้ที่จะนำเข้าจำนวนเยอะมากในครั้งเดียว
แม้เมืองซางตูจะมีประชากรเหลือเฟือ แต่ที่ตั้งแผงที่เธอเช่าได้นั้นมีขนาดไม่ใหญ่
อย่างวันนี้ก็ไม่ใช่เสื้อผ้าทุกตัวที่จะขายหมด ในปี 83 กำลังซื้อของผู้คนมีอยู่อย่างจำกัด ยิ่งนำเข้าสินค้ามาก เวลาที่เธอต้องใช้ในการขายย่อมนานยิ่งขึ้น
หากยังไม่มีร้านถาวร เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดที่จะเตรียมการนำเข้าสินค้ามากเกินไป
ต่อให้ต้นทุนเพียงพอ เส้นที่เธอขีดให้กับตนเองคือหนึ่งครั้งนำเข้าสินค้าไม่เกิน 2000 หยวน
แม่ ขายกากน้ำมันคงเหนื่อยมาก แม่ไม่ต้องทำแล้วดีไหม?
เธอขายเสื้อคลุมขนสัตว์หนึ่งตัวทำกำไรมากกว่า 20 หยวน แต่หลิวเฟินขนกากน้ำมัน 300 ชั่งออกไปขาย ก็ได้แค่ประมาณ 20 หยวนเท่านั้น
หนึ่งวันต้องไปกลับโรงงานสกัดน้ำมันสองรอบ เงินที่หลิวเฟินหาได้ถึงจะสามารถเทียบกับกำไรของเสื้อนอกหนึ่งตัว
เงินที่หลิวเฟินหาได้ตอนนี้ไม่น้อยเลย หนึ่งวันขายกากน้ำมันหลายร้อยชั่ง
ตัดวันฝนตกหรือสภาพอากาศเลวร้ายออกไป ไม่ว่าอย่างไรหนึ่งเดือนเธอก็มีรายได้ราวหกร้อยหยวน
เพราะธุรกิจใหม่ของเซี่ยเสี่ยวหลานมีกำไรอันน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน จึงทำให้กำไรจากการขายกากน้ำมันของหลิวเฟินดูไม่น่าสนใจ`
หากสลับเป็นเมื่อครั้งยังอยู่ตระกูลเซี่ย หนึ่งเดือนหาเงินได้มากกว่า 600 หยวน แม่เฒ่าเซี่ยยังจะรังเกียจที่หลิวเฟินให้กำเนิดลูกชายไม่ได้
หรือเซี่ยต้าจวินยังจะลงไม้ลงมือกับเธอหรือไม่? อาจเกิดขึ้นอยู่ดี
นิสัยเป็นตัวตัดสินโชคชะตา ถ้าหลิวเฟินไม่แข็งแกร่งด้วยตนเอง ทักษะการหาเงินทองในมือก็ไร้ความหมาย
และถูกคนอื่นในตระกูลเซี่ยฉกชิงไป
การหลุดพ้นจากตระกูลเซี่ยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้คือการตัดสินใจอันถูกต้องสูงสุดของเซี่ยเสี่ยวหลาน
หลิวเฟินมีความคิดแน่วแน่ของตนเองแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานเป็นห่วงเธอ
แต่เธอคิดว่าธุรกิจขายกากน้ำมันนั้นดียิ่งนัก
แม่ยังอยากขายต่อไป
ขนกากน้ำมันหลายร้อยชั่งในแต่ละวัน
สถานที่สำหรับกองมูลฝอยในโรงงานสกัดน้ำมันมีรอยโหว่แล้ว หากไม่ขนย้ายกากน้ำมันของโรงงานจนเกลี้ยง
หลิวเฟินก็ยังทำใจวางมือไม่ได้
ขายกากน้ำมันลำบากแค่ขนสินค้าลงชนบท
หลิวเฟินไม่สับสนว่าควรชั่งน้ำหนักและควรรับเงินเท่าไร เธอไม่มีคารมคมคายเช่นเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทำให้สตรีในเมืองเหล่านั้นควักเงินซื้อเสื้อผ้าไม่ได้
ทว่าขายกากน้ำมันไม่จำเป็นต้องใช้ฝีปากคล่องแคล่ว เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต้องการมัน
พวกเขาจะควักเงินซื้อเอง!
หลิวเฟินคิดว่าธุรกิจนี้เหมาะสมกับเธอ เหนื่อยยากไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอมีพละกำลังมากโข
ไม่หาเงินแล้วจะให้ว่างอยู่บ้านอาศัยลูกสาวเลี้ยงดูหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานบังคับมารดาของเธอไม่ได้ คิดว่าเพราะทรัพย์สินยังน้อยเกินไป
มารดาเธอถึงต้องการสะสมเงินทอง
สำหรับหลิวเฟิน ถ้าละทิ้งธุรกิจที่รายได้หลายพันหยวนต่อปีไปเช่นนี้
แบบนั้นช่างน่าเสียดายเกินไปแล้ว
สองแม่ลูกสนทนากันตลอดคืน เซี่ยเสี่ยวหลานตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาส่งโจวเฉิง
ครั้งนี้หลิวเฟินเป็นคนห่อเกี๊ยว เซี่ยเสี่ยวหลานปรุงไส้เหมือนเคย
ห่อไส้หมูถึงสองชั่งเต็มๆ มอบให้โจวเฉิงและคังเหว่ยไว้รับประทานระหว่างทาง
โจวเฉิงไม่อยากจากไป
เซี่ยเสี่ยวหลานยัดเกี๊ยวให้กับเขา อย่าโยเยน่า มีเวลาฉันจะไปหาเธอที่ปักกิ่ง
คนไร้หัวใจ
โจวเฉิงขับรถจากไปแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกลับบ้าน
ในจุดที่เธอมองไม่เห็น รถของโจวเฉิงเลี้ยว ก็มุ่งไปยังภัตตาคารหวงเหอ
เห็นอาคารของภัตตาคารมาตั้งแต่ไกล คังเหว่ยจึงร้องด้วยความแปลกใจ โอ้ คนที่ถูกใจพี่สะใภ้นั่นทำงานอยู่ในนี้สินะ?
นายอย่าประมาทไป ฉันว่าแม้พี่สะใภ้นายจะไม่ได้ชอบเขา
พูดไปพูดมาก็ไม่ได้รังเกียจอยู่ดี เพียงแต่แม่ของเขาน่ารำคาญเหลือเกิน
ฉันเกรงว่าผู้หญิงคนนั้นจะหาเรื่องอีก
ภัตตาคารหวงเหอเปิดรับบริการคนทั่วไป
หน้าประตูปูพรมสีแดง มีคนในพื้นที่ของซางตูมาใช้บริการอยู่บ้าง
ผู้ที่กล้าย่างกรายเข้าประตูของภัตตาคารหากไม่ร่ำรวยก็สูงส่งทั้งนั้น!
ในสายตาคนทั่วไปคนขับรถบรรทุกสินค้ารายได้ดีทีเดียว ทว่าสำหรับภัตตาคารหวงเหอนั้นยังไม่พอให้ชายตามอง
โจวเฉิงกับคังเหว่ยไม่ใช่คนตื่นสถานที่ และภัตตาคารไม่สามารถขวางคนไว้ด้านนอกได้
โจวเฉิงและคังเหว่ยเข้าไปนั่งในภัตตาคาร
สองคนนี้สั่งหูฉลามตั้งแต่เช้าตรู่!
บริกรมองหนุ่มบ้านนอกสองคนด้วยสีหน้าลำบากใจ หูฉลามต้องใช้เวลาในการแช่
จะต้องสั่งจองล่วงหน้าค่ะ
พวกคุณคิดว่าเป็นวุ้นเส้นหรือ?
แช่ลงในน้ำร้อน ผ่านไปยี่สิบนาทีก็ยกวุ้นเส้นเผ็ดเปรี้ยวหนึ่งชามมาได้!
นั่นเป็นหูฉลามนะ เวลาในการแช่ยาวนาน ขั้นตอนการปรุงก็ยุ่งยากทีเดียว
ถ้าอย่างนั้นยกอุ้งตีนหมีแปดเซียนมาหนึ่งที่ บัวหลวงหัวลิงหนึ่งที่
มังกรบินคลุกน้ำมันหนึ่งที่… คังเหว่ยส่งเสียงแจ๊บๆ
เขาสั่งยังไม่หนำใจ ล้วงต้าถวนเจี๋ยหนึ่งปึกออกมาวางไว้บนโต๊ะ
แสดงออกว่าเขามีเงินสำหรับชำระ
ภัตตาคารหวงเหอเคยรับอุ้งตีนหมี แพงที่สุดคืออุ้งตีนหมีตุ๋นจานโต
หนึ่งที่ราคาถึง 330 หยวน!
อุ้งตีนหมีแปดเซียนราคาก็ไม่ใช่ย่อย แพงถึง 230 หยวนทีเดียว
บัวหลวงหัวลิงไม่ใช่หัวของลิง แต่เป็นเห็ดหัวลิงนั่นเอง
มังกรบินคลุกน้ำมันย่อมไม่ใช่มังกรจริงเช่นกัน ‘มังกรบิน’ คือไก่ป่าที่กำเนิดในแถบเทือกเขาซิงอัน
ตัวใหญ่ประมาณนกพิราบ หนึ่งตัวน้ำหนักไม่เกินหนึ่งชั่ง เนื้อขาวผ่องนุ่มละมุน
เป็นวัตถุดิบอาหารชั้นยอดในสายตาของเหล่านักชิม บนสวรรค์มีเนื้อมังกร
บนโลกมนุษย์มีเนื้อลา เนื้อมังกรที่ว่าก็คือไก่ป่ามังกร
บริกรถึงกับเหงื่อกาฬแตกพลั่ก วัตถุดิบอาหารพวกนี้ภัตตาคารหวงเหอมิได้ตระเตรียมไว้ตลอดเวลา
ใครมันจะว่างมาภัตตาคารเพื่อสั่งอาหารพวกนี้กัน?!
ขอโทษค่ะ ของเหล่านี้ก็ไม่มี… เดี๋ยวฉันไปถามในครัวให้
ว่าวันนี้สามารถยกอาหารอะไรให้พวกคุณทั้งสองได้บ้าง?
ท่าทางของบริกรแสดงออกถึงความเกรงใจยิ่งนัก
หากไม่มีเงินที่คังเหว่ยวางไว้บนโต๊ะ เธอคงคิดว่าทั้งสองคนนี้ต้องมาเพื่อหาเรื่องตำหนิแน่นอน
ตอนนี้ก็กำลังหาเรื่องอยู่ คนมีเงินมาหาเรื่องคงไล่ออกไปตามใจชอบไม่ได้ร่ำไป
บริกรโดนคังเหว่ยทรมานทรกรรมจนโซเซจวนล้ม คังเหว่ยลากเสียงยานยาว
เอ้า นี่ก็ไม่มีนั่นก็ไม่มี คนจัดซื้อภัตตาคารพวกคุณไร้คุณสมบัติเกินไปแล้วหรือเปล่า?
คังเหว่ยดึงเงินจำนวนหนึ่งออกจากต้าถวนเจี๋ยทั้งปึก อาจจะมากถึงสิบกว่าใบ
ยื่นให้บริกรทั้งหมด เพื่อจะกินอาหารสักมื้อช่างยากเย็นเสียจริง
เธอรับทิปไว้ ผมขอเจอคนจัดซื้อของร้านคุณได้หรือไม่?
หา?
ไม่มีอุ้งตีนหมี เห็ดหัวลิง และมังกรบิน
เกี่ยวข้องอะไรกับคนจัดซื้ออย่างจูฟ่าง?
บริกรมองสีหน้าจริงจังของคังเหว่ย พลางมองทิปที่ไม่น้อยนั่น
เข้าใจทุกอย่างในบัดดล ที่แท้ไม่ได้มาเพื่อก่อกวนภัตตาคาร
แต่มาเพื่อหาเรื่องผู้จัดซื้อจูนี่เอง!
ภัตตาคารหวงเหอสามารถรับทิปได้ ไม่ขัดต่อนโยบาย
ขอเพียงลูกค้ายินยอมพร้อมใจมอบให้
เช่นนั้นเงินส่วนนี้เธอก็รับไว้ได้สินะ?
เชิญจูฟ่างออกมา เธอไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย อย่างไรเธอก็ไม่ได้ชอบจูฟ่างอยู่แล้ว
จูฟ่างจับต้นชนปลายไม่ถูก มีลูกค้าที่มาภัตตาคารหวงเหอและต้องการพบพ่อครัวอยู่บ้าง
แต่ยังไม่เคยมีคนต้องการพบเขาที่เป็นคนจัดซื้อจริงๆ จูฟ่างไม่เคยกระทำเรื่องน่าละอายใจอะไร
ขนาดเรื่องกินเงินค่านายหน้าเขายังทำน้อยครั้งเพราะตัวเองเป็นคนหยิ่งยโส
เขาไม่มีสิ่งใดให้รู้สึกผิด จึงออกมาพบโดยปริยาย
เขาไม่รู้จักทั้งโจวเฉิงและคังเหว่ย แต่ชายหนุ่มสองคนนี้โดดเด่นเหลือเกิน
คุณคือจูฟ่างสินะ นั่งเถอะ ผมมีบางอย่างต้องการจะพูดกับคุณเสียหน่อย
โจวเฉิงมีท่าทีวาจาเด็ดขาด ปกติจูฟ่างค่อนข้างทะนงตน ทว่าความทะนงของโจวเฉิงนั้นไม่ธรรมดา
ซึ่งความทะนงเช่นนี้สามารถบาดลึกเข้าไปในกระดูก กล่าวอย่างธรรมดาหน่อยก็คือ
จูฟ่างผู้เคยชินกับการแสร้งว่าตนเองเจ๋ง เมื่อได้พบกับโจวเฉิงผู้ไม่ต้องแสร้งก็เจ๋งมากอยู่แล้ว
รัศมีของจูฟ่างจึงอับเฉาลง อดปฏิบัติตามความต้องการของโจวเฉิงไม่ได้
จูฟ่างนั่งลง บอกตนเองว่าอีกฝ่ายคือแขกของภัตตาคาร เขาจะฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการพูด
คำพูดประโยคเดียวของโจวเฉิงได้ยุแหย่จูฟ่างที่ก้นเพิ่งแตะเก้าอี้จนเกือบดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง
ผมคือคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน
คนรักของเซี่ยเสี่ยวหลาน?
จูฟ่างรู้สึกยากที่จะเชื่อ
เขาไม่ยินดียอมรับความจริงนี้ โจวเฉิงท่าทางไม่เหมือนกำลังล้อเล่นอย่างสิ้นเชิง
ใช่ โจวเฉิงหน้าตาหล่อเหลา สามารถมาใช้บริการภัตตาคารหวงเหอได้
ก็ไม่ใช่คนธรรมดาอะไรแน่ จิตใจของจูฟ่างแทบแหลกสลาย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันปฏิเสธ
ผมไม่เชื่อ เสี่ยวหลานไม่เคยพูดถึงคุณด้วยซ้ำ…
โจวเฉิงใช้สายตามองเขาราวกับกำลังมองคนโง่ เสี่ยวหลานจะพูดถึงผมกับคุณเพื่ออะไร? คุณเชื่อหรือไม่ไม่สำคัญ ผมมาภัตตาคารโดยมีเป้าหมายสองอย่าง
หนึ่งคือขอบคุณที่คุณเคยดูแลเสี่ยวหลาน
สองคือหวังว่าคุณจะควบคุมคุณแม่ของตัวเองได้… เธอด่าทอเหยียดหยามเสี่ยวหลานบนถนน
ความประทับใจของผมต่อเธอย่ำแย่มาก ต่อกรกับผู้หญิงไม่ใช่วิสัยของผม
โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีอายุ
หัวใจของจูฟ่างราวกับโดนยัดด้วยมะนาวเปรี้ยว [1] ทั้งลูกพ
โจวเฉิงมาเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ!
เชิงอรรถ
[1]酸柠檬 มะนาวเปรี้ยว หมายถึง ความทุกข์ระทม ความลำบาก