เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 4 ตอนที่ 118 วิถีแห่งรักสองประเภท
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 4 ตอนที่ 118 วิถีแห่งรักสองประเภท
เล่มที่ 4 ตอนที่ 118 วิถีแห่งรักสองประเภท
เนื่องจากเคยขายได้ทั้งหมดสามตัว
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงรู้ขนาดของเสื้อนอกเป็นอย่างดี
มีสินค้าไหมจ้ะ? พี่สาวเอาหนึ่งตัว
หญิงสาวคนนั้นคือเสี่ยวฉิน
เหล่าเฉิงใส่เสื้อนอกเข้างานไปอวดสายตาผู้คน วัยรุ่นหลายคนในสำนักงานจึงอยากซื้อบ้าง
ปรากฏว่าเมื่อวานเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มาตั้งแผงลอย วันนี้ช่วงเช้าก็ไม่มา
อยากถามคนที่อยู่ที่นี่โดยตรง ทว่าหลิวหย่งต้องคอยคุมงานตกแต่งภายในที่ร้าน ส่วนหลี่เฟิ่งเหมยออกไปขายสินค้าตั้งแต่เช้าไม่แม้แต่จะกลับมารับประทานมื้อกลางวัน
ประตูห้องปิดแน่นหาคนไม่พบ ใจเสี่ยวฉินจึงแอบรู้สึกลุกลน
เธอมิได้จะช่วยเพื่อนร่วมงานของสามีซื้อ
แต่อยากซื้อสักตัวให้แก่น้องชายของตนเอง
น้องชายเธอเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงดูตัว
เสื้อนอกนี่ทำให้ดูหล่อเหลายิ่งนัก จูฟ่างใส่แล้วน่ามอง สามีเธอสวมแล้วไม่เลว
น้องชายเธอตัวไม่เตี้ยเสียด้วย เสี่ยวฉินคาดว่าผลลัพธ์เมื่อสวมบนร่างกายคงดูดีทีเดียว
ถ้ามีสีน้ำเงินนาวีขนาดเล็ก ก็เอาให้ฉันด้วยอีกตัวนะ
มีลูกค้ามาเยือนด้วยตัวเอง เซี่ยเสี่ยวหลานกระตือรือร้นขึ้นทันใด
คุณพี่คือลูกค้าประจำ ดังนั้นฉันจะให้ราคาวันนั้นกับคุณ
เสี่ยวฉินลังเล ลดอีกไม่ได้หรือ?
ผู้ประกอบการค้าขายหน้าเลือดใต้หล้าคนไหนไม่มีแววตาแหลมคมบ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการขายเสื้อผ้าเช่นนี้ หากลูกค้าแสดงออกว่าชื่นชอบอย่างรวดเร็ว
ผู้ค้าหน้าเลือดจะยอมถอยหรือ? เซี่ยเสี่ยวหลานตอบกลับด้วยความจริงใจเหลือล้น ลดไม่ได้แล้วจริงๆ จ้ะ ฉันขายให้คนอื่น 140 หยวนทุกคนเลย
เสี่ยวฉินได้ถามจูฟ่างแล้ว จูฟ่างที่เกรงว่าหากบอกราคาที่ตนซื้อออกไปจะกระทบต่อธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลาน
จึงยืนยันบอกว่าตนซื้อในราคา 140 หยวน
เสี่ยวฉินจ่ายเงินซื้อ 138 หยวน ดูเหมือนน้อยลงเพียง 2 หยวนเท่านั้น แต่เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองได้ประโยชน์อันยิ่งใหญ่อยู่ดี
เสี่ยวฉินชำระเงิน จากนั้นถือเสื้อนอกกลับบ้านแม่ไปทันที
คนงานหญิงของโรงงานฝ้ายแห่งชาติเข้างานสามกะ เวลาเข้างานไม่ตายตัว และเวลานี้หน่วยงานทั่วไปยังไม่เลิกงาน
ธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มคึกคักขึ้นหลังจากเวลาเลิกงาน
พนักงานขององค์การรถไฟนั้นมั่งคั่ง เหล่าพนักงานบริการบนรถไฟสูงสง่าองอาจ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไว้ไม่ผิดเลย
เสื้อนอกรูปแบบนี้ ราวกับตัดพิเศษแทนคนเหล่านี้เสียจริงๆ
ทันสมัยกว่าเครื่องแบบของพวกเขา สินค้าคุณภาพดี
สวมใส่ในสถานการณ์ใดก็ไม่น่าเกลียด
คนอายุ 20-30 ปีค่อนข้างชื่นชอบ
หากอายุน้อยกว่านี้จะคิดว่ามันเป็นทางการเกินไป
อายุมากกว่านี้จะรู้สึกว่าไม่ภูมิฐานพอ
มนุษย์ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนเพื่อความก้าวหน้า
เมื่อเปลี่ยนไปขายยังสถานที่ซึ่งกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อ
เสื้อนอกชายที่จำนวนสินค้าล้นคลังของเซี่ยเสี่ยวหลานก็จำหน่ายออกไปได้เรื่อยๆ
ระหว่างการขายนี้ เธอสัมผัสได้ถึงอิทธิพลของการปฏิรูปเศรษฐกิจ
แม้ซางตูจะสู้เมืองชายฝั่งทะเลไม่ได้ เพราะย่างก้าวของการปฏิรูปเศรษฐกิจช้ากว่าเล็กน้อย
อย่างไรเสียก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี… ผู้คนกำลังเรียนรู้ที่จะใช้เงิน
แต่งองค์ทรงเครื่อง และกำลังต้อนรับความนำสมัยอันแปลกใหม่
ก่อนที่จะไปหยางเฉิงอีกครั้ง เซี่ยเสี่ยวหลานส่งจดหมายให้โจวเฉิงหนึ่งฉบับ
ครั้งนี้เธอตระเตรียมล่วงหน้าก่อน เนื้อวัวของซางตูมีชื่อเสียงโด่งดัง
เนื้อวัวหมักซีอิ๊วเก็บรักษาได้ไม่นาน หลังเซี่ยเสี่ยวหลานซื้อเนื้อวัวมาก็จัดการอบแห้งบนเตา
แปรรูปเป็นเนื้อวัวแห้งกลิ่นหอมหวน จากนั้นค่อยส่งไปให้โจวเฉิง
กระดาษเหนียวห่อหุ้มเนื้อวัวทีละชั้นจนหนาแน่น นำเงินที่จูฟ่างคืนจำนวน 850 หยวนยัดไว้ในจดหมาย ใส่ลงไปในพัสดุด้วย
เดาจิตเดาใจไปมา ทั้งสองกลับเกิดช่องว่างระหว่างกันและกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงถามไถ่เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบกับโจวเฉิงในจดหมายเสียเลย
เธอเน้นย้ำในจดหมายว่าต้องการความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมและเคารพกัน
ไม่รู้ว่าโจวเฉิงจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร?
—————————————-
พัสดุที่เซี่ยเสี่ยวหลานส่งไปปักกิ่งยังไม่ทันออกจากเขตของซางตู ณ
วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง เซี่ยจื่ออวี้ก็ได้รับโทรเลขจากครอบครัวอีกแล้ว
ถามเธอว่าปิดภาคเรียนฤดูหนาวจะกลับไปหรือไม่?
เซี่ยจื่ออวี้กำโทรเลขไว้พลางหัวเราะเย้ยหยัน หมู่บ้านต้าเหอแร้นแค้น
เขตอันชิ่งยากจน แม้แต่เมืองหลวงประจำมณฑลอวี้หนานอย่างซางตู
จะเปรียบกับปักกิ่งได้หรือ? ไม่ใช่เรื่องง่ายดายกว่าจะหนีออกจากชนบทแสนทุรกันดารได้
เซี่ยจื่ออวี้ไร้ซึ่งความคะนึงหาต่อบ้านเกิด เธอคิดจากก้นบึ้งของจิตใจว่าควรอยู่ในเมืองใหญ่!
สภาพหอพักของวิทยาลัยฝึกหัดครูไม่ถือว่าดีเท่าไร
นักศึกษาจำนวนหนึ่งเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงสองชั้น
แต่หอพักแบบนี้กลับเหนือกว่าบ้านเซี่ยของหมู่บ้านต้าเหอยิ่งนัก
ต่อให้เธอได้รับการพะเน้าพะนอมากพอในตระกูลเซี่ย มีห้องเดี่ยวเป็นของตนเอง
ทว่าสภาพแวดล้อมที่มืดมัวนั้น รวมไปถึงฝุ่นจากพื้นดินในห้อง [1] ที่กวาดชั่วกาลก็ไม่มีทางสะอาด…
เดินเตร่ในลานบ้านยังต้องระวังเหยียบมูลไก่ ชนบทยากจนแบบนั้นจะกลับไปทำไม
อย่างไรเสียเธอยังต้องกลับไปสักรอบจริงๆ
ตลอดหนึ่งภาคเรียน นอกจากเงินที่นำติดตัวมามหาวิทยาลัยในตอนแรก
ครอบครัวก็เคยส่งเงินให้เธออีกครั้งหนึ่งช่วงระหว่างภาคเรียน
เซี่ยจื่ออวี้มิได้ใช้จ่ายเงินกับตัวเอง
คนในครอบครัวของหวังเจี้ยนหัวมีสภาพความเป็นอยู่ในไร่นาที่ลำบากยากเข็ญ
เธอเกื้อกูลเงินไปทั้งหมด
ชีวิตบิดามารดาของหวังเจี้ยนหัวจึงดำเนินอย่างสุขสบายขึ้นบ้าง
จากคำบอกเล่าของหวังเจี้ยนหัว บิดามารดาเขาพึงพอใจเธอเหลือเกิน เซี่ยจื่ออวี้รู้สึกอิ่มเอมใจทีเดียว
แม้จะเป็นยอดคนเพียงใด ก็ย่อมถูกซื้อใจด้วยบุญคุณเล็กน้อยที่โผล่มาทันท่วงที
เธอจ่ายเงินกับครอบครัวหวังเจี้ยนหัวราวหนึ่งพันกว่าหยวน
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่ได้มีค่าเพียงเท่านี้แน่นอน
หวังเจี้ยนหัวไม่มีเงินมากมายอะไรนัก ปิดภาคเรียนฤดูหนาวอยากไปไร่สักหน
และเผยความตั้งใจว่าจะพาเซี่ยจื่ออวี้ไปด้วยกัน นี่เสมือนเป็นการพบผู้ปกครองแล้ว
เซี่ยจื่ออวี้จะไม่ให้ความสำคัญได้หรือ? เธอไม่อาจไปเยี่ยมเยือนด้วยมือเปล่าได้
อีกอย่างเธอและหวังเจี้ยนหัวเดินทางจากปักกิ่งไป
ทั้งสองคนก็ต้องการเงินสำหรับใช้จ่ายเช่นกัน
ร้านจางจี้อาหารว่างทำเงินได้อย่างน้อยหลายร้อยหยวนต่อเดือน
เดิมควรจะมอบค่าใช้จ่ายระหว่างศึกษามหาวิทยาลัยให้เธออย่างสม่ำเสมอ
ที่ไหนได้พอเธอจากอันชิ่งมา การกระทำของบิดามารดาเหมือนจะมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เซี่ยจื่ออวี้โยนโทรเลขทิ้ง เธอยังนึกว่าตนเองยอดเยี่ยมเพียงพอที่จะสามารถทำให้พ่อแม่เปลี่ยนความคิดได้เสียอีก
พิจารณาแล้วสุดท้ายมนุษย์ก็มีใจเห็นแก่ตัว น้องชายร่วมสายเลือดยังอยู่
ไม่ว่าอย่างไรบิดามารดาก็ต้องเก็บเงินไว้ให้สักหน่อยอยู่ดี
เงินทองที่ร้านจางจี้อาหารว่างหาได้นั้นไม่มีทางส่งให้เธอใช้ทั้งหมด
เซี่ยจื่ออวี้ครุ่นคิด ตนนั้นไม่ได้โง่เขลาเสียด้วย
ภายภาคหน้าหากมีธุรกิจที่ทำกำไรได้อีก เธอจะอุบไว้กึ่งหนึ่งแน่นอน
เซี่ยจื่ออวี้ไม่กังวลเรื่องการดำรงชีพมากนัก
การปฏิรูปเศรษฐกิจดำเนินต่อไป ช่องทางทำกินในอนาคตของเธอก็ไม่น้อย
ตอนนี้ความคิดจิตใจของเธอถูกหวังเจี้ยนหัวยึดครองไปมากกว่าครึ่ง
รองลงมายังมีการเรียนและการเข้าสังคมภายในรั้วสถานศึกษา เรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องสุขสบาย
แม้ไม่ถึงขั้นอดหลับอดนอนเหมือนสมัยมัธยมปลาย ทว่าหากคาดหวังผลสอบยอดเยี่ยมตอนปลายภาค
เซี่ยจื่ออวี้จำเป็นต้องลงทุนแรงกายแรงใจจำนวนมาก…
เธอต้องการใส่ใจการเรียน ความรัก และมนุษยสัมพันธ์ไปพร้อมๆ กัน พอย้ายจากที่เล็กๆ
อย่างเขตอันชิ่งมาปักกิ่ง เซี่ยจื่ออวี้ถึงพบว่าคนฉลาดเฉลียวมีอยู่มากมายนัก
เธอสามารถสอบเรียนปริญญาตรี ผลการเรียนเรียงอยู่อันดับต้นๆ
ของอันชิ่งเซี่ยนอีจง
แต่ในชั้นเรียนของทุกวันนี้ เธอไม่กล้าเหลาะแหละกับการเรียนแม้แต่นิดเดียว
คะแนนที่ได้รับเป็นเพียงกลางสายน้ำเท่านั้น
สติปัญญาของแต่ละคนมีความแตกต่างจริงๆ หรือ?
เซี่ยจื่ออวี้ไม่อยากยอมรับจุดนี้
เธอคิดว่าตนเองแค่ใช้เวลากับการเรียนยังไม่เพียงพอ นั่นก็ช่วยไม่ได้
เธอต้องใช้เวลาเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบกายเสมอ
เธอคือคนจำนวนหยิบมือในกลุ่มเด็กใหม่ที่ได้เข้าร่วมสมาคมนักศึกษาเป็นอันดับแรก
นามของ ‘เซี่ยจื่ออวี้’ ไม่เพียงแต่กว้างขวางในหมู่นักศึกษาใหม่
อีกทั้งเป็นที่รู้จักของคณะอาจารย์เช่นกัน
—————————————-
ระหว่างที่เซี่ยจื่ออวี้เดินทางกลับหอนอน
ได้ทักทายกับเพื่อนนักเรียนผู้คุ้นเคยคนแล้วคนเล่า
เมื่อเธอกลับมาถึงก็นำเสื้อผ้าสกปรกที่เอามาจากหวังเจี้ยนหัวรวมเข้าด้วยกันกับของเธอ
ซักผ้าในฤดูหนาวเหน็บทำให้มือเย็นเหลือเกิน
บนนิ้วก้อยของเซี่ยจื่ออวี้เกิดผื่นหนาวขึ้น กลางวันถูกลมหนาวจัดจนชาจึงยังทนไหว
ตกกลางคืนจะทั้งคันทั้งเจ็บ
จื่ออวี้ดีต่อคนรักเธอเกินไปแล้วหรือเปล่าน่ะ?
ซื่อสัตย์รักมั่นเกินขอบเขต…
ไม่สงสารจื่ออวี้เลยหรือ? มือเป็นผื่นหนาวแล้วยังซักผ้าให้เขาอีก!
นี่คือคำวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนร่วมหอ
พวกเธอล้วนรู้สึกไม่พอใจแทนเซี่ยจื่ออวี้
เซี่ยจื่ออวี่ไม่โต้แย้งกลับ สิ่งที่ทำคุ้มค่าหรือไม่
มีเพียงเธอเองที่แจ่มแจ้ง เขาว่ากันว่าต้องประสบความลำบากนานัปการ
ถึงจะกลายเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ ซักผ้าด้วยน้ำเย็นในฤดูหนาวถือว่าลำบากหรือ? หากเธอสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย ยังซุกอยู่ในสถานที่แบบหมู่บ้านต้าเหอนั่น
การซักน้ำเย็นอาจเป็นเสื้อผ้าสกปรกของคนทั้งบ้านด้วยซ้ำ
ฉันแค่สงสารเจี้ยนหัว พวกเขามีวิชาเฉพาะทางเยอะมาก อดนอนเสียจนขอบตาดำคล้ำ
อย่างไรเสียต้องซักผ้าของตัวเองอยู่แล้ว ก็ช่วยเขาแบ่งเบางานจุกจิกหน่อยเสียเลย…
ไม่มีอะไรร้ายแรงน่า ทำที่บ้านเก่าจนชินแล้ว
เหล่าเพื่อนร่วมหอของเซี่ยจื่ออวี้เงียบงันในทันที
หวังเจี้ยนหัวมุมานะยิ่งนัก ผลการเรียนเป็นหัวแถวของวิทยาลัยพวกเขา
อาจารย์ในคณะก็ใส่ใจไม่น้อย
เพื่อนร่วมหออีกคนซึ่งมาจากจากชนบทได้อธิบายแทนเซี่ยจื่ออวี้ ไม่ใช่งานบ้านที่ต้องทำประจำตอนอยู่บ้านเก่าหรอกหรือ? ช่วงหนาวจัดในแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ยังต้องขุดออกเพื่อซักเสื้อผ้าเลย
นิ้วมือสิบนิ้วแข็งอย่างกับหัวแคร์รอต จื่ออวี้กับคนรักของเธอสนับสนุนซึ่งกันและกัน
คราวก่อนฉันได้ยินคนพูดกันว่ามีผู้หญิงสารภาพรักกับคนรักของเธอ
แต่นักเรียนหวังยืนหยัดปฏิเสธแสดงจุดยืนอันชัดเจนไปแล้ว!
เชิงอรรถพ
[1]บ้านในชนบทสมัยก่อนซึ่งมีสภาพค่อนข้างยากแค้นจะไม่ปูกระเบื้อง
เป็นพื้นดินเปล่าเปลือย