เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 4 ตอนที่ 120 คนสวย ผูกมิตรกันเถอะ
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 4 ตอนที่ 120 คนสวย ผูกมิตรกันเถอะ
เฉาลิ่วจื่อล้มลงแกล้งตายบนพื้น เซี่ยเสี่ยวหลานดูไม่ออกว่าผู้มาใหม่มีที่มาที่ไปอย่างไร
ไป๋เจินจูก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เพื่อนฉันคนนี้บอกแล้วว่าไม่นั่งรถ
พวกคุณยังล้อมเธอไว้ไม่ปล่อย จะรังแกหญิงสาวอย่างเธอใช่หรือไม่? ไม่ลุกขึ้นมาสินะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปคุยกันที่สถานีตำรวจ!
ชายที่บอกว่าเฉาลิ่วจื่อกรรโชกคนนั้นเตะเฉาลิ่วจื่อซึ่งนอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไปสถานีตำรวจยุ่งยากจะตาย ฉันตัดสินให้พวกเธอเอง
ผู้หญิงอย่างเธอนี่โหดดีจริง… เธอต่อสู้เป็น แล้วเพื่อนที่อยู่ด้านหลังเธอสู้เป็นหรือ? เพื่อนเธอคือคนต่างถิ่นสินะ สองเดือนที่ผ่านมาเดินทางมาหยางเฉิงอยู่หลายครั้ง
เธอสามารถปกป้องตลอดเวลาได้หรือ ต้องมีช่วงที่อยู่ตัวคนเดียวบ้าง ถึงเวลานั้นหากเกิดเคราะห์ร้ายเล็กน้อยขึ้นมากะทันหัน
เธอก็ช่วยไม่ทันหรอก ถูกไหมเล่า?
คนคนนี้แสร้งว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม ทว่าที่แท้กำลังเข้าข้างอีกฝ่ายนั่นเอง
เขาไม่ปิดบังเจตนาของตนเท่าไรเสียด้วย
เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกับเฉาลิ่วจื่อและอีกหลายๆ คน ฉากหนึ่งแสดงหน้าแดง [1] อีกฉากหนึ่งร้องหน้าขาว แสร้งว่าห้ามปรามการวิวาท
ความจริงแล้วต้องการให้พวกเธอนำเงินออกมา ‘ประนีประนอม’
ไป๋เจินจูโมโหจนกำหมัด
ความโกรธนั่นเกือบกลั้นไม่อยู่แล้ว!
แต่เธอได้ยินข่าวลือว่าคนที่สถานีรถไฟพวกนี้ล้วนมีการสมัครพรรคพวก
หากพวกเขาตามเซี่ยเสี่ยวหลานจริงจะทำอย่างไร?
เซี่ยเสี่ยวหลานหยิบกระเป๋าให้ไป๋เจินจู
แขนเสื้อหนาซุกซ่อนเครื่องช็อตไฟฟ้าในมือเธอไว้พอดี เธอส่ายหน้าให้ไป๋เจินจู ส่วนตนเองก้าวออกไปยืนข้างหน้า
ไม่แลเฉาลิ่วจื่อผู้แกล้งตายบนพื้นแม้แต่น้อย
และไม่มองสมุนที่มารวมกลุ่มเหล่านั้นด้วย สายตาของเธอจับจ้องอยู่บนหน้าของคนห้ามทัพคนนั้นแต่เพียงผู้เดียว
ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี รูปร่างไม่ได้สูงมาก ใบหน้าค่อนข้างกลม ดูเป็นมิตรไมตรีทีเดียวเชียว
คนลักษณะนี้สามารถเป็นหัวหน้าได้ ต้องฉลาดหลักแหลมมากแน่นอน
คุณเป็นหัวหน้าสินะ ควรเรียกคุณว่าอย่างไร?
ใบหน้านี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานงามหยดย้อยเหลือเกิน
ชายที่ถูกเธอจ้องมองแต่หน้าไม่แดงได้ น่าจะมีเพียงอันธพาลที่มีจิตใจคดเคี้ยว
ที่แท้เธอทำสิ่งใดก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอมา แต่มีคนวางแผนจะทำบางอย่างกับเธอไว้นานแล้ว
อาจเพราะก่อนหน้านี้ยังสืบเสาะไม่ถึงเบื้องลึกของเธอจึงตัดสินใจยังไม่ลงมือ
กว่าจะพบว่าเธอมาหยางเฉิงคนเดียวอีกครั้งช่างยากเย็น
มิใช่ต้องไขว่คว้าโอกาสให้มั่นหรือ?
ชายหน้ากลมหัวเราะร่วน เป็นหัวหน้าอะไรกัน ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด แต่เธออยากรู้ชื่อของฉัน สนใจฉันใช่ไหมเล่า?
เฉาลิ่วลุกขึ้นมาจากพื้น ไล่คนที่ล้อมรอบออกไป
เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงสีหน้าเคร่งขรึม แค่เจรจากันดีๆ ก็ไม่ได้หรือ? ฉันต่อสู้ไม่เป็นก็จริง
แต่ฉันกล้ามาหยางเฉิงตัวคนเดียว ไม่มีทางไร้ซึ่งที่พึ่งแน่
สตรีกระเสือกกระสนดำรงชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
สตรีผู้งดงามต้องการหาเงินสุจริตยิ่งยากเข็ญเข้าไปใหญ่ สำหรับการจงใจก่อปัญหาโดยเจตนาร้ายนี้
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ตระเตรียมจิตใจที่จะรับมือไว้นานแล้ว
เมื่อไม่ได้โผล่มาตีรันฟันแทงทันที นึกๆ ดูแล้วอีกฝ่ายคงพอสื่อสารกันได้—หากไม่สามารถเจรจา ก็ยังมีหนทางสำหรับการเจรจาไม่สำเร็จอยู่
ยอมสละเงินทองเพื่อป้องกันหายนะได้ ถ้ามากกว่านี้ไม่อาจยอมถอยให้แล้ว
ชายหน้ากลมมองเธอสักพัก ผู้ชายที่มากับเธอคราวก่อนเหมือนจะร้ายกาจไม่เบา…
ฉันก็ไม่อยากทำอะไรเธอหรอก แค่อยากผูกมิตรกับสาวสวยเท่านั้น ฉันชื่อเคออีสฺยง
ใช้วิธีชนกระเบื้องเคลือบแตก [2] มาผูกมิตร?
เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ได้เอ่ยสิ่งใด สีหน้าของไป๋เจินจูกลับเปลี่ยนแล้ว
คุณคือเคออีสฺยง?
นี่คือบุคคลที่มีกิตติศัพท์ว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมมากคนหนึ่ง
ทำไมถึงเปิดหน้าถ่อมาสถานีรถไฟเพื่อกรรโชกคนด้วยตนเองกัน ใครๆ ต่างก็ว่าเคออีสฺยงไม่มีจุดอ่อนใด
ยกเว้นมักมากในกาม… พอคิดถึงใบหน้าสวยของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ไป๋เจินจูก็เพิ่มระดับความระแวดระวังขึ้น
เคออีสฺยงมองไป๋เจินจูครู่หนึ่ง เธอเคยได้ยินชื่อฉัน?
พี่ชายฉันคือไป๋จื้อหย่ง!
เคออีสฺยงครุ่นคิดอยู่นาน ราวกับว่าเขาไม่เต็มใจปล่อยเซี่ยเสี่ยวหลานเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นวันนี้คงทำได้เพียงปล่อยพวกเธอไป ฉันไม่ได้กลัวไป๋จื้อหย่ง
แค่ติดค้างน้ำใจเล็กน้อยต่อเขาเท่านั้น !
เฉาลิ่วจื่อรู้สึกไม่สบอารมณ์ พี่ใหญ่…
มิใช่ว่าโปรดปรานสาวสวยคนนั้นหรือ พวกเขาเตรียมการที่สถานีรถไฟตั้งนานสองนาน
แถมยังใช้เส้นสายเล็กน้อยด้วย ก็เพราะต้องการทั้งคนทั้งเงิน
ทำไมถึงปล่อยไปโดยง่ายดายเล่า?
ขอบคุณ!
ไป๋เจินจูรีบร้อนดึงเซี่ยเสี่ยวหลานและเดินจากไป
เคออีสฺยงยืนอยู่ที่เดิมพลางมองตามแผ่นหลังของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ช่างเป็นหญิงสาวที่จิ้มลิ้มพริ้มเพราเสียจริง
เขาถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เซี่ยเสี่ยวหลานมาหยางเฉิงแล้ว
ย่อมสืบพบว่าน้องสาวของไป๋จื้อหย่งกำลังดูแลรับรองอีกฝ่ายอยู่
ไป๋จื้อหย่งเป็นคนที่สันทัดในด้านการต่อสู้มาก
อีกอย่างเมื่อก่อนตระกูลไป๋เปิดสำนักฝึกวิชาศิลปะการต่อสู้
ผู้คนในวงการมากมายล้วนมีความสัมพันธ์กับตระกูลของเขาอยู่บ้าง เคออีสฺยงถึงยอมข่มความพลุ่งพล่านกลางใจไว้
เขาไม่ได้หวาดกลัวไป๋จื้อหย่ง แขกจากไปน้ำชาก็เย็น ไป๋จื้อหย่งไม่เข้าร่วมวงการทว่าหนีไปเป็นทหาร
ได้แต่อาศัยชื่อเสียงของสำนักตระกูลไป๋ซึ่งน้องสาวผู้อยู่ในหยางเฉิงประคับประคองไว้ไม่ไหวด้วยซ้ำ
ศิษย์พี่น้องที่เคยสนิทสนมกับไป๋จื้อหย่งกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศแล้ว
เคออีสฺยงจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวตระกูลไป๋เลยแม้แต่น้อย
เขามองไม่ผิดจริงๆ ทั้งสวยทั้งอาจหาญ
หญิงสาวทั่วไปประสบสถานการณ์แบบนี้อาจตกใจแทบสิ้นลม ทว่าเธอกลับยังเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาได้
เคออีสฺยงเผยรอยยิ้มออกมา หน้ากลมๆ ดูเหมือนยิ่งชื่นมื่นเบิกบาน เฉาลิ่วจื่อกับพรรคพวกรู้สึกสยองขวัญเสียจนลมหายใจเฮือกโตยังไม่กล้าถอนออก
แม้จากสถานีมาแล้ว แต่สีหน้าของไป๋เจินจูยังคงไม่ผ่อนคลายลง
พี่ไป๋ เคออีสฺยงคนนี้เป็นอันธพาลหรือ?
เมื่อครู่เซี่ยเสี่ยวหลานถึงขั้นเตรียมเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้พร้อมแล้ว
หากเคออีสฺยงไม่ฟังการเกลี้ยกล่อม สิ่งแรกที่เธอจะทำก็คือการยื่นมือออกไปช็อตเขาซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ให้ล้มเสียเลย
การแก้แค้นภายหลังไม่อยู่ในความคิดของเธอ
ต้องหลบหนีจากห้วงน้ำวนมหาภัยเมื่อครู่ก่อนถึงจะถูก
สตรีผู้งดงามนั้นเหมือนกับกระเบื้องเคลือบ เมื่อโดนกระแทก
มีเพียงฝ่ายเธอที่เสียเปรียบ… เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากมีเรื่องกับใคร
แต่เธอก็ไม่กลัวปัญหาหมือนกัน
ในเวลากลางวันแสกๆ เคออีสฺยงรวมถึงพรรคพวกทำได้แค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมขูดรีดคนที่สถานีรถไฟ
ขอแค่ไม่สามารถฉุดเธอต่อสาธารณชนได้ เซี่ยเสี่ยวหลานก็มีวิธีจัดการ
แน่นอนว่าเป็นเพราะไป๋เจินจูมีฝีมือเหนือชั้นด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานถึงมีความมั่นใจในการรับมือ
ความขัดแย้งยังไม่ทันจะปะทุ พอไป๋เจินจูกล่าวถึงชื่อของพี่ชายอย่างไป๋จื้อหย่งออกมา
เคออีสฺยงก็ยอมปล่อยพวกเธอไปจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจน
นัยน์ตาของเคออีสฺยงหลังจากได้ยินชื่อของไป๋จื้อหย่งก็ไม่ได้แสดงความเทิดทูนสักเท่าไร
เขาไม่รู้สึกกลัว ‘ไป๋จื้อหย่ง’ อย่างอย่างแน่นอน
แล้วการปราบปรามเล่า ต้องมีความรู้สึกหวาดกลัวบ้างสินะ
ไป๋เจินจูไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องเคออีสฺยงอย่างไร ผู้คนต่างลือเลื่องกันว่าคนคนนี้ร้ายกาจ
ชั่วช้าร้อยเล่ห์ แต่ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ด้วย
เอาเป็นว่าไม่ใช่ย่อย วันนี้ฉันยังช่วยเธอได้ อีกหน่อยหากเธออยู่โดดเดี่ยวที่สถานีรถไฟหยางเฉิงจะทำอย่างไร?
ไป๋เจินจูกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ เพียงไม่นานก็มีความคิดผุดขึ้นมาอย่างฉับไว เช่นนี้เถอะ ครั้งหน้าก่อนเธอมาหยางเฉิงทุกครั้งก็ส่งโทรเลขหาฉัน
หากฉันไม่อยู่บ้าน ก็จะวานศิษย์พี่มารับเธอสักสองคน
เธอพักในหยางเฉิงนานเท่าไรพวกเขาก็ติดตามเธอนานเท่านั้น จนกว่าจะส่งเธอขึ้นรถไฟกลับซางตูเรียบร้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่านี่เป็นวิธีที่โง่งมไปหน่อย
ทว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธทีนที
นั่นคงจะเป็นการรบกวนเวลาทำงานของพวกเขา ฉันให้ค่าตอบแทนพวกเขาดีกว่า
ก็คิดเสียว่าจ้างคนคุ้มกันชั่วคราวสองคน เซี่ยเสี่ยวหลานปลงแล้ว
หาเงินทองมาได้ก็เพื่อจ่ายออกไป อันที่จริงมีคนสองคนคอยช่วยเหลือย่อมดีทีเดียว
สถานที่มากมายซึ่งหญิงสาวตัวคนเดียวอย่างเธอไม่สะดวกไป มีคนติดสอยห้อยตามก็หมดห่วง
ละทิ้งเรื่องอันธพาลไว้ก่อน
ไม่รีรอให้เซี่ยเสี่ยวหลานถามไถ่ถึงเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิง
ไป๋เจินจูเริ่มเล่าประสบการณ์ก่อนหน้านี้ด้วยตนเอง
ตึกส่วนใหญ่ยังสร้างอยู่ ถนนหนทางถูกรื้อเสียเละเทะ
มีบางโรงงานกำลังรับสมัครคน บอกว่าเปิดโดยคนฮ่องกง
ผู้คนที่อยู่รอบเขตพิเศษทำทุกวิถีทางอยากจะเข้าไปทำงาน…
เธอบอกว่าลองหาช่องทางทำกิน ฉันคิดว่าที่นั่นยังคึกคักสู้หยางเฉิงไม่ได้เลย
สิ่งที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมี หยางเฉิงก็มีเหมือนกัน
ล้วนเป็นการทำธุรกิจทั้งนั้น ทำไมต้องเปลืองแรงเข้าเขตพิเศษเล่า
ทำเรื่องขอหนังสือข้ามแดนก็ยาก การเข้าออกเขตพิเศษไม่สะดวกอย่างยิ่ง
ทำไมต้องแห่กันไปเขตพิเศษ?
แน่นอนว่าเพื่อช่วงชิงโอกาสในการเป็นผู้ริเริ่ม
จิตใจของเซี่ยเสี่ยวหลานเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความหวัง
แทบอยากติดปีกบินเข้าเขตพิเศษแสดงวิทยายุทธ์สักตั้ง
ทุกหนแห่งล้วนกำลังสร้างอาคารบ้านเรือน ที่นั่นมีเงินตั้งเท่าไรให้ทำกำไร
การรื้อถอนก็ได้เงิน สร้างอาคารก็ได้เงิน อย่าว่าแต่ดูแลโครงการก่อสร้าง แม้แต่การค้าขายวัสดุก่อสร้างก็ยังร่ำรวย…
ต้นทุนของเธอยังถือว่าน้อยเหลือเกิน เข้าร่วมช่องทางทำเงินเหล่านี้ไม่ได้เลย
ไป๋เจินจูคิดว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิงโกลาหล
ดูไม่ออกว่ามีโอกาสทางธุรกิจอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานจึงยิ้มตอบ
เพราะว่าเขตพิเศษเผิงเฉิงมีประชากรมากน่ะสิ
สถานที่ที่มีคนย่อมมีเงินให้ทำกำไรอย่างแน่นอน
เชิงอรรถ
[1]หน้าแดงและหน้าขาวในที่นี้มีที่มาจากสีการแต่งหน้าในงิ้วปักกิ่ง
(京剧)
โดยใช้สีแบ่งแยกลักษณะนิสัยของตัวละคร สีแดงคือตัวละครที่มีเปี่ยมคุณธรรม ซื่อตรง
และกล้าหาญ สีขาวคือตัวละครที่ชั่วร้าย หลอกลวง และทรยศ
[2]碰瓷 ชนกระเบื้องเคลือบแตก
สมัยก่อนมีพวกอันธพาลใช้เครื่องกระเบื้องเคลือบจงใจชนคนสัญจรไปมาจนแตก
และบอกว่าคนอื่นเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหาย เรียกร้องค่าชดใช้ จึงมีความหมายว่า
จงใจสร้างสถานการณ์อุบัติเหตุขึ้นโดยให้อีกฝ่ายเป็นผู้ผิด จากนั้นเรียกค่าเสียหายจากอีกฝ่าย
ถือเป็นรูปแบบการหลอกลวงประเภทหนึ่ง