เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - บทที่ 50.1
บทที่ 50
ในขณะเดียวกันเฟเรสก็ปล่อยแขนของคาอิลรัสที่เขาจับไว้แน่นจนแทบจะบีบมันให้แหลกละเอียดออก
“หาว หลับสบายจัง”
ฟีเรนเทียบิดขี้เกียจสุดแรง ก่อนที่จะพบว่าผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างกายเธอ จึงเอ่ยถามออกไปอย่างใสซื่อ
“หืม? ใครน่ะ”
ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น ปฏิกิริยานั้นช่างแตกต่างกับเฟเรสที่ระแวดระวังราวกับแมวที่ได้รับบาดแผลจนกางเขี้ยวเล็บอย่างสุดขั้ว
“อ่า…”
ในตอนนั้นเองคาอิลรัสที่กำลังลูบแขนของตนที่จู่ๆ ก็ถูกคลายออกถึงค่อยตั้งสติขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยพูดทักทายออกไปทันที
“สวัสดีครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ข้ามีนามว่าคาอิลรัส เฮย์ลิ่ง เป็นผู้ดูแลประจำวังเจ้าชายลำดับที่สองครับ”
“อา วังเจ้าชายลำดับที่สอง…”
นัยน์ตากลมโตกะพริบปริบๆ ฟีเรนเทียพยักหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรบมือเล็กพลางเอ่ยพูด
“ถ้าเป็นตระกูลเฮย์ลิ่ง งั้นก็ตระกูลเฮย์ลิ่งที่ดูแลองค์กรทุนการศึกษาของลอมบาร์เดียเหรอคะ”
“ครับ ใช่แล้วครับ คุณหนู”
“แคทเธอรีนก็มาด้วยเหรอคะเนี่ย”
“หลับสบายมั้ยคะ คุณหนู”
แคทเธอรีนเอ่ยทักทายด้วยความนอบน้อม
“ว้าว คนดีๆ มาช่วยเต็มเลยเหรอเนี่ย”
ทำไมถึงได้พูดราวกับทราบดีอยู่แล้วว่าจะต้องมีใครมาที่นี่อย่างแน่นอน
คาอิลรัสเอียงคอด้วยความสงสัยอยู่ในใจ เขาเหลือบสังเกตท่าทางของเฟเรส
ไอ้ท่าทางดุร้ายที่ทำท่าราวกับจะหักมือของตนที่ยื่นเข้าไปหาฟีเรนเทียเมื่อครู่นี้มันหายไปไหนหมดแล้ว
เฟเรสกำลังมองฟีเรนเทียที่ยิ้มกว้างอย่างสงบเสงี่ยม
คาอิลรัสกับแคทเธอรีนต่างก็ลอบแลกเปลี่ยนสายตากันเงียบๆ
ท่าทางทั้งสองท่านจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
แคทเธอรีนเดินเข้าไปช่วยจัดเสื้อผ้าและเผ้าผมของฟีเรนเทียที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงให้
เฟเรสมองฟีเรนเทียที่ได้รับความช่วยเหลือของพวกเขาราวกับคุ้นชินเป็นอย่างดีอย่างใกล้ชิด ก่อนจะเอ่ยถามนาง
“คนรู้จักเหรอ”
“อื้อ เคยเจอแคทเธอรีนตอนแวะมาคฤหาสน์น่ะ ส่วนคาอิลรัส…เพิ่งพบครั้งแรก แต่ว่าเป็นคนจากตระกูลที่สนิทกับตระกูลของข้ามากเลยนะ”
คำพูดของฟีเรนเทียทำให้คาอิลรัสยิ้มด้วยใบหน้าภาคภูมิใจเพราะเขาดีใจที่ตระกูลเฮย์ลิ่งซึ่งเป็นตระกูลใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดียได้รับการยอมรับจากอีกฝ่าย
“ทั้งสองท่านคงจะเหนื่อยกันมาก แต่ตอนนี้ต้องเคลื่อนไหวกันแล้วละครับ”
“เคลื่อนไหวเหรอ”
เฟเรสหน้าบึ้งตึง
ทำเอาคาอิลรัสอยากร่ำร้องหาพระเจ้าเหลือเกิน
วังเล็กนี่มันไม่ต่างอะไรจากซากปรักหักพังที่แทบจะอยู่ไม่ได้อยู่แล้วก็จริง แต่ถึงยังไงมันก็เป็นสถานที่ที่เจ้าชายลำดับที่สองเติบโตขึ้นมา ทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีความทรงจำต่างๆ นานากับมารดาอยู่ด้วย
เขาได้แต่ลังเลว่าจะต้องอธิบายยังไงดี แต่ฟีเรนเทียที่อยู่ด้านข้างก็จับมือของเฟเรสเอาไว้ แล้วช่วยอธิบายให้แทน
“คงจะมอบวังใหม่ให้เจ้านั่นแหละ”
“ข้าไม่ต้องการ”
เฟเรสปฏิเสธหนักแน่น
“ไม่ได้ ต้องการสิ สิ่งที่เจ้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือวังนะ”
แต่คำพูดของฟีเรนเทียนั้นหนักแน่นกว่า
“ทำไม”
“ก็เพราะที่นี่มันใกล้กับวังจักรพรรดินีมากเกินไปไง”
“ฮึ่มๆ …”
คำพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมของฟีเรนเทียทำเอาคาอิลรัสกระแอมไอด้วยความตกใจ ส่วนแคทเธอรีนก็ต้องเหลือบมองว่าประตูปิดแน่นหนาดีหรือไม่
“เข้าใจใช่มั้ยว่าข้าหมายความว่ายังไง”
“…อื้อ”
คาอิลรัสลอบลูบหน้าอกในใจด้วยความโล่งอก
ถ้าหากเฟเรสไม่อยากไปจริงๆ ถ้าหากเจ้าชายดึงดันไม่ต้องการย้ายวังที่พำนัก เรื่องราวคงจะซับซ้อนมากกว่าเดิมมาก
เพราะถึงยังไงการประทานวังใหม่ให้ก็ถือได้ว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ขององค์จักรพรรดิ การปฏิเสธไม่รับของสิ่งนั้น ต่อให้เป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็อาจจะโดนลงโทษฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็เป็นได้
อีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็ก หากจำเป็นจริงๆ พวกเขาก็แค่บังคับลากตัวไปก็ได้แล้ว แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นเจ้าชาย และตนก็ไม่อยากจะเริ่มต้นชีวิตการงานใหม่ด้วยการทำลายความประทับใจครั้งแรกต่อเจ้านายที่ตนต้องรับใช้ในอนาคตหรอกนะ
อีกอย่างเด็กคนนี้
‘แรงเยอะมาก!’
ข้อมือที่ถูกเฟเรสบีบเมื่อครู่จนตอนนี้ยังปวดอยู่เลย บางทีอาจจะช้ำก็เป็นได้
แต่คาอิลรัสผู้เกิดมาด้วยพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานในฐานะผู้ดูแลก็ทำได้เพียงแค่ลูบข้อมือข้างที่เจ็บพลางฉีกยิ้มกลบเกลื่อนเท่านั้น
‘ว่าแล้วเชียว เจ้าชายช่างแสนเก่งกาจเหลือเกิน!’
ทั้งๆ ที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพังอยู่ตั้งหลายเดือน โดยที่ไม่ได้รับการแก้ปัญหาเรื่องพื้นฐานอย่างเสื้อผ้าและอาหารแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นมองแค่ปราดเดียวก็ยังรู้ได้ว่า เฟเรสนั้นมีด้านที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่หลายเรื่อง
ยกตัวอย่างเช่น รูปร่างหน้าตาที่ไม่ธรรมดา หรือเรี่ยวแรงที่มีมากมหาศาลจนไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็ก และยังมีแววตาเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์คู่นั้นที่จ้องตนเมื่อครู่นี้อีก!
เมื่อคิดได้ว่าท่านที่เขาจะต้องคอยรับใช้ในอนาคตนั้น เป็นบุคคลมากความสามารถในหลายๆ ด้าน คาอิลรัสก็รู้สึกได้ว่าไหล่ของตนยืดขึ้นโดยอัตโนมัติ แม้แต่มุมปากก็ยังกระตุกยิ้มขึ้นมาและเขาก็ก้าวเท้าออกไปครึ่งก้าวพลางพูด
“วังที่องค์จักรพรรดิทรงประทานให้เจ้าชายลำดับที่สองคือวังโฟอิรัค ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระราชวังพ่ะย่ะค่ะ มันเป็นวังที่ฝ่าบาทเคยใช้เมื่อสมัยเป็นเจ้าชาย ดังนั้นขนาดของมันจึง…ใหญ่กว่าวังเล็กนี่ประมาณสิบเท่าได้พ่ะย่ะค่ะ”
“นอกจากตัววังแล้ว วังโฟอิรัคยังครอบคลุมไปถึงสวนรอบด้าน จำนวนนางกำนัลและผู้ดูแลก็จะมากขึ้นตามไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ ขนาดของวังเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับวังที่เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง อาสทาน่าทรงพำนักอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกใจเลยค่ะ!”
ฟีเรนเทียตะโกนเสียงดังด้วยความพอใจ
“ไอ้เวรนั่น…ไม่สิ อาสทาน่าคงจะเจ็บใจน่าดูเลยนะคะ!”
คงเพราะเป็นเชื้อสายตรงของลอมบาร์เดีย ทั้งคำพูดทั้งพฤติกรรมจึงโผงผางตรงไปตรงมา
แต่อย่างไรที่นี่ก็ไม่มีใครคิดท้วงติงเรื่องนั้นอยู่แล้ว
คนของลอมบาร์เดียอย่างแคทเธอรีนกับคาอิลรัสกลับยิ่งรู้สึกชอบใจด้วยซ้ำไป
“ไปกันเถอะ เฟเรส”
ฟีเรนเทียกระโดดตุบลงจากเตียงพลางเอ่ยพูด
“ไปดูบ้านใหม่ของเจ้ากัน”