เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 2 บทที่ 61.2
พอได้แล้ว
เสียงนี้เป็นขององค์จักรพรรดิ
วางดาบลงเสีย
แต่เฟเรสยังคงชี้ดาบใส่อาสทาน่าเช่นเคยท่าทางไม่มีความคิดที่จะวางดาบลงเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอแอบถองข้อศอกใส่สีข้างของเฟเรสโดยไม่ให้ใครเห็น
หากไม่เชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิแล้วโดนเขม่นเข้าให้ละก็ คงได้ปวดหัวกันน่าดู!
โล่งอกที่เฟเรสค่อยๆ ลดดาบลงอย่างเชื่องช้า
พอเห็นเขาทำแบบนั้น จู่ๆ อาสทาน่าก็ตะโกนพรวดขึ้นมาในทันที
มนตร์ดำแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!
อาสทาน่าใช้ปลายนิ้วชี้ไปยังเฟเรส ในขณะที่กล่าวกับองค์จักรพรรดิด้วยความโกรธแค้น
ถ้าไม่ทำแบบนั้น แล้วจะทำได้ยังไง!
เจ้าเองก็พอได้แล้ว อาสทาน่า
จักรพรรดิขมวดคิ้วแน่นพลางเอ่ยพูด
แต่เสด็จพ่อ! เจ้านั่นมันชี้ดาบใส่ข้านะพ่ะย่ะค่ะ! ใส่ข้าคนนี้!
เจ้าชายลำดับที่หนึ่งเป็นฝ่ายใช้ความรุนแรงกับหลานสาวของข้าก่อนต่างหากล่ะ
ท่านปู่เอ่ยแทรกตัดประโยคที่เหลือของอาสทาน่าทิ้ง
ระ…เรื่องนั้น…
ที่จู่ๆ เจ้าชายลำดับที่สองก็ชักดาบออกมาโดยไม่มีการกล่าวเตือนกันก่อนนั่น หากจะมีความผิดก็คงจะผิดเพราะช่วยปกป้องหลานสาวของข้าจากเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกระมัง
อาสทาน่ามองจักรพรรดิราวกับร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ แต่โยบาเนสไม่มีความคิดที่จะช่วยเขาเลยแม้แต่น้อย
พระองค์เพียงแค่มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นเพียงแค่คนนอกที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอโทษด้วยสิ
ขนาดท่านปู่กล่าวเช่นนั้น อาสทาน่าก็ยังมัวแต่ยืนหอบแฮกด้วยความโมโห
ท่าทางที่ไม่คิดจะปรับปรุงตัวเลยสักนิดนั่น ทำให้ท่านปู่ต้องเอ่ยพูดกับจักรพรรดิ
เจ้าชายลำดับที่หนึ่งดูท่าจะยังโมโหอยู่มาก ปล่อยให้ไปทำหัวให้เย็นลงคนเดียวน่าจะดีนะพ่ะย่ะค่ะ
แบบนั้นก็น่าจะดี
โยบาเนสเห็นด้วยกับคำพูดของท่านปู่ในทันที พระองค์ส่งสายตาออกคำสั่งไปทางเหล่าอัศวิน
ปล่อยนะ! อ๊ากกกก! ข้าสั่งให้ปล่อยไง!
ถึงแม้จะโดนพวกอัศวินหิ้วแขนคนละข้างลากตัวออกไป อาสทาน่าก็ยังดีดดิ้นไม่หยุด
ทุเรศ ทุเรศชะมัด
เธอเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอในขณะที่มองดูภาพนั้น
อาสทาน่าถูกลากตัวออกไปด้านนอก ภายในตัวอาคารจึงค่อยเงียบสงบขึ้นมาบ้าง
เป็นอะไรมั้ย
เฟเรสถามเธอ
อื้อ ข้าไม่เป็น…
ฟีเรนเทียกำลังจะตอบออกไปโดยไม่คิดอะไร แต่ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยืนอยู่ที่ไหน
นั่นไง
จักรพรรดิกำลังจับตามองพวกเราอยู่
ไม่เป็นอะไรเพคะ ขอบพระทัย
หลังจากโค้งศีรษะบอกขอบคุณเฟเรสอย่างสุภาพตามมารยาท เธอก็หมุนตัวหันหน้าหนีทันทีแต่สายตามีเลศนัยของจักรพรรดิยังคงไม่ยอมละห่างไปจากเธอ
อา! จะมองแบบนั้นทำไมเนี่ย ทำให้คนอื่นเขารำคาญอยู่ได้
เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรให้ได้มากที่สุด เริ่มก้าวขาเดินด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
เทีย! บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
ท่านพ่อสาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้ ย่อเข่าลงข้างหนึ่ง ปรับระดับสายตาให้เข้ากับเธอ แล้วถามเธอในขณะที่สวมกอดเธอเอาไว้แน่น
ข้าไม่ได้เจ็บตรงไหนค่ะ อ๊ะ แต่ว่า…
เธอก้มหน้ามองข้างล่าง เมื่อนึกถึงชายกระโปรงที่ถูกอาสทาน่าดึงจนขาด
นี่มัน…เดรสที่เทียของพ่อทุ่มเทตัดเย็บฉีกขาดเสียได้
เจ้าคนโง่เขลานั่น แรงเยอะมากจริงๆ
ผ้าไหมที่นึกว่าถูกดึงขาดออกไปเฉยๆ มันฉีกขาดไม่เป็นชิ้น เกรงว่าต่อให้เย็บแก้ไขก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
เมื่อกี้เธอน่าจะกระซิบบอกเฟเรสให้แทงๆ ลงไปซะ
ถ้าเธอกระซิบบอกแบบนั้น เขาคงจะลงมือแทงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ถ้าหากเป็นเฟเรสละก็ ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้คิดว่าเขาจะต้องทำแบบนั้นแน่
ข้าต้องขอโทษแทนด้วย ที่อาสทาน่าทำตัวไร้มารยาทแบบนั้น
น่าแปลกที่จักรพรรดิเป็นฝ่ายออกหน้าก่อน
และเฟเรส
พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
ทำได้ดีมากลูกผู้ชายย่อมสมควรที่จะออกหน้าเพื่อปกป้องผู้หญิง
…
ดูเหมือนเฟเรสจะคิดคำพูดที่จะตอบออกไปไม่ออก
เขาเพียงแค่เหลือบมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลงเล็กน้อย
แต่ข้าเองก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน ไม่นึกเลยว่าเจ้าที่เฉยชาต่อทุกสิ่ง จะวิ่งเข้าไปทันทีแบบนั้น…
โยบาเนสกล่าวหยอกเย้าเฟเรส ราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง
คงจะทำเช่นนั้นเพราะเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกล้าชักดาบออกมาต่อหน้าฝ่าบาทนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ
ท่านปู่กล่าวแทรกบทสนทนาอย่างมีไหวพริบ
คนที่ทราบว่าที่ผ่านมาเธอกับเฟเรสคอยติดต่อรักษาความสนิทสนมกันจนกลายเป็นคนรู้จักกันดี มีเพียงแค่ท่านปู่คนเดียวเท่านั้น
หืม อย่างนั้นหรือ…
คล้ายว่าจักรพรรดิจะลืมเรื่องอาสทาน่าไปแล้ว พระองค์กลับมามีใบหน้าสงบไร้กังวลเหมือนอย่างเช่นทุกวัน
แตกต่างจากท่านพ่อที่ยังคงกอดเธอแน่นด้วยความกังวลอย่างสิ้นเชิง
แต่ก็เพิ่งจะเคยเห็นภาพลักษณ์เช่นนั้นของเฟเรสเป็นครั้งแรก…
มันไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งหรอกพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
อืม เอาแบบนี้ก็น่าจะดีนะ เพื่อนเล่นเป็นไง แคลอฮัน
ฝ่ามือของท่านพ่อที่คอยลูบหลังเธอหยุดชะงัก
นั่นหมายความว่ายังไงพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท
บุตรสาวของเจ้ากับเฟเรสก็อยู่ในวัยใกล้เคียงกันพอดี ให้เข้ามาเป็นเพื่อนเล่นเฟเรสเจ้าว่ายังไงล่ะ ดูจากนิสัยแล้ว สองคนนี้น่าจะเข้ากันได้ดีพอควรเลยนะ
ไม่นะ! มองจากส่วนไหนไม่ทราบ
เธอตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
ทั้งท่านปู่ ทั้งท่านพ่อเองก็เหมือนกัน
คนที่นัยน์ตาระยิบระยับเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิ คงมีเพียงแค่เฟเรสคนเดียว
…วันนี้คงจะต้องขอตัวก่อนแล้วพ่ะย่ะค่ะ
ท่านปู่เอ่ยพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึงริมฝีปากของท่านกระตุกถี่ยิบ ท่าทางจะอารมณ์เสียมากทีเดียว
ไปกันเถอะ แคลอฮัน
…ครับ ท่านพ่อ
ท่านพ่อเอ่ยตอบ ในขณะที่หยัดกายลุกขึ้นยืน
โงนเงน
ร่างกายของท่านพ่อเซไปมา
พ่อ?
เธอจับมือของท่านพ่อที่แกว่งไปมาจากการทรงตัวไม่อยู่
แคลอฮัน? ทำไมเป็นเช่นนั้น
มะ…ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ สงสัยขาข้างหนึ่งมันจะชา…
แคลอฮัน!
ท่านปู่ตะโกนเสียงดัง
แต่ร่างกายของท่านพ่อก็เริ่มเอนล้มไปด้านหนึ่งอีกครั้ง
ทรุดฮวบ ตึง!
น้ำหนักของร่างกายที่กระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรงก่อให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่ว
อ๊ะ!
ท่านพ่อนั่งฟุบอยู่บนพื้น ใบหน้าเหลอหลาด้วยความสับสน ไม่อาจเข้าใจได้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เกิดอะไรขึ้น
ท่านปู่เอ่ยถาม
มือของท่านพ่อนวดไปตามขาข้างขวาของตน
ให้เรียกแพทย์หลวงมั้ย
โยบาเนสเองก็เดินเข้าไปหา ถามไถ่ให้ความช่วยเหลืออย่างมีมารยาท
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนด้วยไม่อาจเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอได้แต่กัดฟันแน่น
ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นจนได้
โรคที่ร่างกายซีกหนึ่งไม่ฟังคำสั่ง ก่อนที่มันจะเริ่มลุกลามไปทั่วร่าง จนสุดท้ายร่างกายก็สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว
สุดท้ายอาการชาก็จะลามขึ้นมาจนถึงหน้าอก จนเหลือเพียงแค่นัยน์ตาเท่านั้นที่ยังขยับได้เป็นปกติ โรคที่จะทำให้ตายไปอย่างทรมานเพราะเริ่มค่อยๆ หายใจไม่ออก
โรคร้ายเทรนด์บลูที่เคยฆ่าท่านพ่อในชีวิตก่อน