เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 3 บทที่ 102.1
อืม เหมือนเคยได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกันครับ
ชานาเนสได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของแคลอฮัน
ดูจากที่ชานาเนสถึงกับถอนหายใจเสียงแผ่วแล้ว มันคงมีความหมายว่า ‘ว่าแล้วเชียว แคลอฮัน นึกแล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นเช่นนี้’ อย่างแน่นอน
งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์ มันแตกต่างกับงานเปิดตัวอื่นๆ อย่างแน่นอนค่ะ นอกจากเรื่องที่เจ้าภาพคือราชวงศ์แล้ว จำนวนคนที่สามารถเข้าร่วมการเปิดตัวสู่สังคมได้ ก็ยังถูกกำหนดไว้เพียงไม่เกิน 10 คนเท่านั้น และจำนวนผู้เข้าร่วมก็ไม่ใช่ใครจะมาก่อนได้ก่อน แต่ทางราชวงศ์จะเป็นผู้คัดเลือกด้วยมาตรฐานอันแสนเข้มงวดน่ะค่ะ
ใช่แล้ว ชานาเนส เจ้าเองก็เปิดตัวที่นั่นเหมือนกันนี่นะ
พอท่านปู่พูดขึ้น ใบหน้าของชานาเนสที่กำลังอธิบายก็ขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย
แต่ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อครู่ค่ะ มันเป็นงานเปิดตัวที่มีเกียรติก็จริง แต่ก็ยุ่งยากพอกัน แต่ถึงยังไงถ้าหากเทียอยากจะจัดงานเปิดตัวที่หรูหราที่สุด และได้รับความสนใจมากที่สุด ก็ไม่มีโอกาสไหนดีเท่างานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์แล้วค่ะ
สมกับเป็นคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์โดยตรง ที่ได้รับการจับตามองจากแวดวงสังคมชั้นสูงอยู่ช่วงหนึ่งจริงๆ
และที่ชานาเนสพูดก็ถูกต้องแล้ว
ในสังคมชั้นสูงของอาณาจักร มีงานเลี้ยงเปิดตัวหลายงานที่ท่านหญิงชั้นสูงทั้งหลายเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นก็จริง
แต่ไม่ว่าใครจะพูดยังไง งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังคงเป็นงานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์อยู่ดี
เหล่าหญิงสาวที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในสังคมจากที่นั่น ย่อมถือว่าพวกนางแตกต่างจากคนอื่นตั้งแต่จุดเริ่มต้นแล้ว
วิธีการคัดเลือกก็ไม่ธรรมดา
คนที่อยากจะจัดงานเปิดตัวด้วยงานเลี้ยงของราชวงศ์ในแต่ละปี จะต้องเขียนจดหมายแนะนำตัวส่งไปให้ทางเจ้าภาพ
นอกจากนั้นก็ไม่มีเรื่องใดที่คนที่อยากเข้าร่วมงานกับตระกูลของพวกนางสามารถทำได้อีกแล้ว
ได้แต่เฝ้ารอให้ตัวเองถูกเลือกเท่านั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กสาวจากตระกูลขุนนางชั้นสูงเท่านั้นที่ถูกเลือกก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
บางครั้งก็มีคุณหนูถูกเลือกด้วยเหตุผลว่า จากจดหมายที่เขียนมา ดูแล้วเป็นคนมีจิตใจงดงาม หรือตระกูลที่ไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมาย แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานได้รับเลือกเช่นกัน
จำนวนคนเข้าร่วมงานก็แตกต่างกันไปทุกครั้ง
บางครั้งก็ครบสิบคน บางครั้งถ้าหากไม่มีคนสมัครที่มีสิทธิมากเพียงพอ งานเลี้ยงเปิดตัวก็อาจจะไม่ถูกจัดขึ้นก็ได้
ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนต่างให้ความสนใจและอยากรู้ว่าในแต่ละปีใครจะได้จัดงานเปิดตัวที่งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์กันบ้าง
เป็นงานเปิดตัวที่เหมาะกับเทียของพวกเราจริงๆ มันต้องระดับนั้นสิ
ท่านปู่ยิ้มด้วยความพอใจในขณะที่พูดขึ้น
ข้ายังไม่เคยไปงานราตรีเปิดตัวของราชวงศ์เลยสักครั้ง!
วันที่เทียเปิดตัวต้องไปให้ได้!
สองแฝดที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างพากันตื่นเต้นไปแล้วล่วงหน้า
อืม…เธอเองก็ไม่ใช่พวกชอบดับฝันของใครด้วยสิ
แต่ยังไงก็ต้องมีใครบอกให้พวกเขารู้ความจริง
ทุกคนคงจะไม่รู้กัน
ทันทีที่เธอเปิดปากพูด ทุกคนที่นั่งล้อมวงกันอยู่ต่างหันมามองเธออย่างพร้อมเพรียง
งานเลี้ยงเปิดตัวของราชวงศ์จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าไม่ใช่เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นกำหนดรับสมัครก็น่าจะปิดรับไปนานแล้วนี่คะ
เธอเองก็อยากจะใช้โอกาสนี้จัดการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ จะได้ทำให้คนอื่นๆ เขาจำหน้าเธอได้อยู่เหมือนกันหรอก
ปีนี้อาจจะยังไม่ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกก็จริง แต่มันสายเกินไปแล้วละค่ะ อีกอย่างต่อให้เวลายังเหลือ ก็ไม่อาจการันตีได้หรอกนะคะว่าข้าจะได้รับเลือก
แต่ปฏิกิริยาของทุกคนกลับเหนือความคาดหมาย
ทุกคนเอาแต่มองหน้าเธอนิ่ง ไม่พูดไม่จา
ทำไมถึงได้…มองกันแบบนั้นล่ะคะ
อาจจะได้ก็ได้นะ
คิลลีวูเอียงคอมองพลางพูดขึ้น
ใช่แล้วละ ได้แน่
เมโลนเองก็เออออไปกับเขาด้วย
ก็เพราะ
เป็นเทียนี่นา
อะไรกัน เธอนี่เผลออีกแล้ว
เป็นความผิดของเธอเอง ที่เผลอคาดหวังว่าจะได้ยินเหตุผลอะไรดีๆ จากสองแฝด…
ก็น่าจะได้อยู่นะ
จะไม่รับหรือ
แม้กระทั่งท่านปู่กับท่านพ่อก็ร่วมวงด้วย
เธอหันไปมองหน้าชานาเนส แทนความหมายว่า ‘ช่วยอธิบายให้คนพวกนี้เข้าใจทีเถอะค่ะ’
หากเขียนจดหมายแจ้งไปว่าเจ้าอยากเข้าร่วมงานแล้วละก็ ไม่น่ามีปัญหาอะไร
อะไรกัน ชานาเนสเองก็เป็นไปกับเขาด้วย!
แต่ขนาดชานาเนสยังพูดแบบนั้น ทำเอาเธอเองก็เริ่มโอนเอียงเชื่อไปแล้วกว่าครึ่ง
…จะ จริงเหรอคะ
พอเห็นเธอพูดแบบนั้น ชานาเนสจึงหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะช่วยชี้แจงให้เธอได้รู้
เพราะเจ้าคือลอมบาร์เดียยังไงล่ะ
อา ใช่แล้ว
ชานาเนสช่วยอธิบายคำตอบอันแสนเรียบง่ายแต่ชัดเจนนั่น ให้เธอที่ได้แต่นั่งเหม่อด้วยความงุนงง
ทางราชวงศ์เองก็คงจะเสียศักดิ์ศรีมาก หากเด็กสาวตระกูลลอมบาร์เดียเลือกที่จะจัดงานเปิดตัวที่อื่น ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอก แค่ส่งจดหมายแจ้งไปก็พอ
ไม่รู้ทำไมคำพูดของชานาเนสถึงได้ดูมั่นใจมากขนาดนั้น
ถึงแม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอก็พยักหน้าตกลง
***
ไม่น่าส่งไปเลย ไม่ควรส่งไปเลยจริงๆ โอ๊ย ขายหน้าชะมัด…
ผ่านมาได้สองสัปดาห์แล้ว หลังจากที่เธอส่งจดหมายแจ้งไปยังเจ้าภาพจัดงานเปิดตัวราชวงศ์ แต่กลับไม่มีการติดต่อกลับจากทางฝ่ายนั้น
เธอเชื่อมั่นในคำพูดของชานาเนส อุตส่าห์เขียนจดหมายด้วยความใส่ใจทุกประโยคแท้ๆ !
อย่าผิดหวังมากไปเลยค่ะ รออีกหน่อยเถอะนะคะ
ลอรีลช่วยเอ่ยปลอบเธอที่นอนตะเกียกตะกายกลิ้งไปมาบนโต๊ะด้วยความอับอาย
ไม่หรอก มันจบแล้วละ…
แต่นี่มันเกินไปแล้วไม่ใช่เหรอ
อ่านแล้วไม่ตอบเนี่ยนะ อ่านแล้วไม่ยอมตอบ!
ฮึก น่าสมเพช
เธอกำลังซับน้ำตาอยู่แบบนั้น แต่แล้วก็พลันมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ท่านฟีเรนเทีย พ่อบ้านครับ
ฮึก! เข้ามา…
พ่อบ้านประจำคฤหาสน์หลังเล็กเปิดประตูเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง เขาโค้งศีรษะลงด้วยความนอบน้อม ยื่นสิ่งที่ถืออยู่ในมือให้เธอเห็นในขณะที่พูดขึ้น
ทางพระราชวงศ์ส่งจดหมายหาท่านฟีเรนเทีย…
พรวด!
เธอรีบวิ่งไปหยุดตรงหน้าเขา รับเอาสารฉบับนั้นมาถือไว้ในมือ
ซองใส่สารฉบับนี้ไม่ใช่สีทองที่จักรพรรดิใช้ ไม่ใช่สีม่วงที่จักรพรรดินีใช้ ไม่ใช่สีชมพูที่เฟเรสใช้
มันเป็นซองสีน้ำตาลดูสะอาดสะอ้านที่เธอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก
ด้านหลังถูกเขียนเอาไว้ด้วยลายมืออันแสนงดงามว่า ‘คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย’
เธอเปิดซองออกอย่างระมัดระวัง ดึงเอากระดาษที่สอดอยู่ข้างในซองออกมา
[ขอเชิญคุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย เข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวประจำราชวงศ์ งานพบปะครั้งแรกของผู้เข้าร่วมจะจัดขึ้นตามวันเวลาด้านล่าง ขอให้ท่านมาร่วมงานด้วย]
* * *