เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 3 บทที่ 104.2
ในระหว่างที่กำลังกังวลอยู่แบบนั้นจู่ๆ หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าก็เผยยิ้มใจดีอย่างหาได้ยาก
“ไม่ค่ะ คาวาเลียร์ทางฝ่ายเจ้าภาพเป็นคนเลือกให้ โดยคำนึงถึงตระกูล อายุ ความเหมาะสมในหลายๆ เรื่อง ให้กับคุณหนูทุกท่านเองค่ะ”
“เฮ้อ โล่งอกไปที…”
“ตกใจหมด นึกว่าต้องไปถามเองเสียแล้วค่ะ…”
ทุกคนต่างลูบอก ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
แต่ เดี๋ยวนะ
‘เลือก’ คาวาเลียร์ไว้แล้วอย่างนั้นเหรอ
ผิดไปจากที่คิดเสียที่ไหน หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้าพูดไปทางประตูที่ถูกปิดไว้
“เชิญเข้ามาได้ค่ะ”
ประตูถูกเปิดออกกว้าง ในขณะที่ชายหนุ่มแปดคนทยอยเดินเข้ามา
ใบหน้าของทุกคนยังดูเด็ก อยู่ในช่วงวัยที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และคนที่ยืนอยู่หน้าสุดก็คือ เฟเรส
เฟเรสส่งยิ้มให้ทันทีที่สบตากับเธอ เขายืนรวมอยู่กับคาวาเลียร์คนอื่นด้านหลังหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า
“อะไรกัน…”
หมอนี่มาที่นี่ได้ไงเนี่ย
คนที่ตกใจไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น
เหล่าคุณหนูท่านอื่นๆ ที่ยืนอย่างสง่ารักษามารยาทเป็นอย่างดี ต่างก็ส่งเสียงฮือฮากันไม่หยุด
“ท่านนั้น หรือว่าเจ้าชายลำดับที่สอง?”
“ตายแล้ว!”
คนอื่นๆ ที่อยู่ฝ่ายจักรพรรดินีเช่นเดียวกับเมฟ คาโพเลีย ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
“กะ กรี๊ด… ทำไงดีล่ะ!”
มีกระทั่งเด็กสาวที่หน้าแดงก่ำขึ้นมาด้วย
ปฏิกิริยารุนแรงกว่าที่คิดนะเนี่ย
เธอถามทิลเลียน่าที่ยืนเหม่อมองเฟเรสอยู่ข้างๆ
“นี่ คุณหนูทิลเลียน่าเจ้าชายลำดับที่สองเป็นที่นิยมในหมู่คุณหนูมากเลยเหรอคะ”
เธอลองถามออกไปเผื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
“แน่นอนสิคะ… ว้าว เพิ่งได้เห็นตัวจริงเป็นครั้งแรก สมแล้วที่เป็นที่นิยมนะคะเนี่ย…”
ทิลเลียน่าพูดในขณะเดียวกันก็ยังคงไม่อาจละสายตาไปจากเฟเรสได้
“ตอนที่เดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อร่วมงานเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องแรกที่ข้าได้ยินก็คือเรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายลำดับที่สองละมั้งคะ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“อืม ก็แบบ งดงามราวกับภาพวาด”
ใช่แล้ว
“หล่อเหลา ให้บรรยากาศดูลึกลับแปลกๆ”
นั่นก็ถูก
“มีนิสัยเย็นชา แต่กลับดูมีเสน่ห์…”
เหมือนสรุปข่าวลือทั้งหลายแหล่ให้รวมเป็นประเด็นเดียว แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี
รูปร่างหน้าตาของเฟเรสเริ่มงดงามขึ้นเรื่อยๆ ขนาดที่ไม่ว่าใครได้เห็นต่างก็ต้องตกหลุมรักเขาทั้งนั้น
ใบหน้าเนียนไร้จุดด่างดำ ถึงแม้จะไม่ค่อยเปลี่ยนสีหน้าเสียเท่าไหร่ แต่มันกลับดู ‘มีเสน่ห์’
หุ่นเองก็พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากจากการฝึกฟันดาบเป็นประจำ ทำให้ตอนนี้เขาดูล่ำขึ้นจนเด็กรุ่นเดียวกันเทียบไม่ติด
ใบหน้าประณีตราวรูปปั้นที่ถูกแกะสลักจนเนียนลื่นไม่ได้เข้ากับร่างกายที่สูงใหญ่นั่น มันมีเสน่ห์มากเสียจนทำให้ต้องหยุดมองเขาเพียงคนเดียว
นัยน์ตาสีแดงที่ทำให้เธอนึกถึงกระต่ายเมื่อตอนเด็กคู่นั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มคล้ายกับสีของทับทิม
ใช่แล้ว ทับทิมที่ส่องประกายระยิบระยับยามต้องแสง…
ทับทิมนั่นมองเธออยู่แฮะ
“เจ้าชายลำดับที่สองเอาแต่มองท่านฟีเรนเทียนะคะ! ”
ทิลเลียน่ากระซิบบอกเธอด้วยความตกใจ
สายตาของเธอที่กำลังเหม่อมองรูปร่างหน้าตาของเฟเรสด้วยความแปลกใจ พลันสบเข้ากับสายตาของเฟเรสอย่างจัง
และเขาก็ดึงดันไม่ยอมละสายตาห่างออกไปไหน
เฟเรสเอาแต่มองเธอไม่ยอมขยับ ทำเอาคนอื่นๆ ที่ยืนกระจายอยู่ทั่วโถงงานเลี้ยงจืดชืดไร้ตัวตนไปเลย
หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากำลังอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ฟังอยู่แท้ๆ
แต่เธอกลับได้ยินเสียงของนางแผ่วเบามาก ราวกับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไกลตัว
แปลกจัง
วันนี้ทำไมถึงได้รู้สึกไม่คุ้นเคยกับเฟเรสเอาเสียเลย
แต่แล้วในตอนที่เธอตั้งใจจะละสายตาออกไปจากเฟเรส เพราะ ‘ถึงยังไงก็ต้องฟังคำอธิบายของหัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้า’
บนใบหน้างดงามดั่งงานศิลปะแกะสลักชั้นยอดของเฟเรส ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
นัยน์ตาแข็งกระด้างคู่นั้นคล้ายจะอ่อนลง มันส่องประกายอ่อนโยนเหมือนเขากำลังยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
ริมฝีปากที่มักจะปิดแน่นนั่นก็เหมือนกัน
ริมฝีปากสีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ วาดขึ้นเป็นเส้นโค้งอ่อนโยน
“วะ ว้าว…”
ทิลเลียน่ายืนอยู่ข้างกายเธอ นางคงจะเห็นภาพเดียวกับเธอ ถึงได้ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความชื่นชม
และความรู้สึกต่างๆ ที่ถูกผลักไสให้ห่างออกไป ก็เริ่มกลับเข้าสู่ที่เดิมของมัน
“…ดังนั้นการที่พาร์ตเนอร์เคารพนับถือ เกื้อกูลกันและกัน และรักษาความสัมพันธ์อันดีงามเอาไว้นั้น เรียกได้ว่าเป็นกระดุมเม็ดแรกของงานเลี้ยงเปิดตัวค่ะ”
อืม เป็นคำชี้แนะที่ดีทีเดียว
จะว่าไป คาวาเลียร์คนอื่นๆ ก็มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลากันทั้งนั้น
อย่างที่หัวหน้านางกำนัลอิมพีกร้ากล่าวไว้ พวกเขาเป็นเด็กผู้ชายที่พอใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านมารยาทหรือด้านรูปร่างหน้าตา ทางฝ่ายเจ้าภาพคงจะใส่ใจคัดสรรมาให้จริงๆ
โดยเฉพาะเด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ท้ายแถวคนนั้น ไม่รู้ทำไมใบหน้านั่นถึงได้ทำให้เธอเผลอนึกถึงเครนีย์ขึ้นมา
คงเป็นเพราะผมหยักศกสีน้ำตาล หรือผิวขาวเนียนที่ดูคล้ายเด็กคนนั้นหรือเปล่านะ
หรือเพราะนัยน์ตากลมโตที่หางตาตกลงเล็กน้อย กับใบหน้าที่ยิ้มเขินอายด้วยความใสซื่อนั่นกัน
ตอนที่เครนีย์โตขึ้น เขามีหน้าตาคล้ายกับเด็กผู้ชายคนนั้น…
“มองใครขนาดนั้นน่ะ เทีย”
“อ๊าก ตกใจหมด! ”
เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำเอาเธอตกใจจนต้องหันไปมอง ก็พบว่าเฟเรสเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายเธอแล้ว
“สวัสดี เทีย”
เด็กหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยทักทาย
แล้วจับมือข้างซ้ายของเธอยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้ไหลลื่นราวกับสายน้ำ
“อ๊ะ”
ไม่มีจังหวะให้ได้ดึงมือออกหรือห้ามปราม
เฟเรสจุมพิตลงบนหลังมือของเธออย่างสุภาพในขณะที่พูดขึ้น
“ได้เป็นคาวาเลียร์ของท่าน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ คุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย”