เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 3 บทที่ 126.1
เฟเรสกับเธอปลีกตัวเดินออกมายังอีกฟากของโถงจัดงานเลี้ยง
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ใกล้จนได้ยินบทสนทนาของพวกเราได้ เธอก็ถองสีข้างของเฟเรสพลางพูดขึ้น
ทำได้ดีมากเลย เฟเรส
คำพูดของเธอทำให้ริมฝีปากของเฟเรสยกยิ้มขึ้นเงียบๆ
เทีย เจ้าดูลำบากใจ
สายตาว่องไวขึ้นด้วยเหรอเนี่ย เครนีย์เองปีหน้าก็จะเข้าเรียนที่อะคาเดมีแล้ว ถ้าเรียนรู้ได้ดีเหมือนอย่างเจ้าก็คงจะดี
เครนีย์? อา ที่ตัวเล็กๆ นั่น…
ตอนนี้ไม่เล็กแล้วนะ ตัวสูงกว่าข้าด้วยซ้ำมั้งนั่น วันนี้ก็ตื่นเต้นมากเลย บอกว่าอยากพบเจ้าให้ได้ คงมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับอะคาเดมีเยอะแยะน่าดู
เธอกำลังพูดอยู่แบบนั้นแท้ๆ แต่เฟเรสกลับเอาแต่จ้องหน้าเธอ
ทำไมมองแบบนั้น
…เหมือนเทียจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
นี่ชมหรือด่ากันเนี่ย
เฟเรสยิ้มจนตาหยีแทนคำตอบ
ยังไงก็ช่างเถอะ เพราะเฟเรสเลยนะข้าถึงได้รู้สึกโล่งได้ขนาดนี้น่ะ หึ สมน้ำหน้า
กำลังคุยเรื่องอะไรกับจักรพรรดินีเหรอ สีหน้าเจ้าไม่ดีเลย
อ้อ เรื่องนั้นน่ะเหรอจู่ๆ ก็บอกว่าจะช่วยหาคู่ครองให้ข้าน่ะสิ เอาแต่พูดเรื่องแปลกๆ ทั้งยังจงใจพูดให้คนมากมายได้ยินอีก เพราะงั้นเลยยิ่งน่ารำคาญน่ะสิ
ตอบกลับไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ ตอนนี้เลยค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
…ว่าไงนะ
เฟเรสถามกลับ
แต่ดูเหมือนไม่ได้ถามเพราะฟังไม่ได้ยินจริงๆ หรอก
เพราะเขากำลังจ้องเขม็งไปยังทางที่จักรพรรดินียืนอยู่ด้วยใบหน้าเย็นชาน่ะสิ
เธอลดเสียงลงให้แผ่วเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ พูดกับเขา
วิธีการของจักรพรรดินีนั่นแหละ เพื่อที่จะรักษาอำนาจในแวดวงสังคมเอาไว้ เลยพยายามสานสัมพันธ์กับตระกูลที่เหมาะสมจะช่วยเกื้อกูลนางได้ยังไงล่ะ
ตัวเองก็ไม่ใช่แม่สื่อที่มีหน้าที่คอยจัดหาคู่ครองให้คนอื่นเสียหน่อย
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นวิธีการที่ให้ผลที่ดีมากจริงๆ
แต่ไม่ต้องกังวลมากไปนะ การแต่งงานของเจ้าชายจำเป็นต้องได้รับคำอนุญาตจากฝ่าบาทเสียก่อน นางคงไม่คิดยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเจ้าหรอก
แต่เธอคงต้องระมัดระวังตัวไม่ให้พบหน้าจักรพรรดินีไปอีกพักใหญ่
จักรพรรดินีราวีนี่ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้รามือไปง่ายๆ
ถ้าดันโชคไม่ดีต้องเผชิญหน้าตามลำพังในงานเลี้ยงงานอื่นอีกละก็ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดพล่ามเรื่องอะไรอีก
คงไปงานเลี้ยงไม่ได้สักพัก…เฟเรส?
เฟเรสดูแปลกไปเล็กน้อย
ปกติก็เป็นพวกไม่แสดงสีหน้าอยู่แล้ว แต่นี่ต้องบอกว่าดูเย็นชาแปลกๆ หรือเปล่านะ
เธอตบไหล่เฟเรสเบาๆ เป็นการปลอบโยน
ไม่ต้องกังวลมากไปหรอก ในเมื่อเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเองก็ยังไม่ได้ถูกกำหนดคู่ครองเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ คงไม่ผูกมัดเจ้าเข้ากับผู้หญิงที่ไหนหรอกน่ะ
เทีย
เฟเรสเอ่ยเรียกเธอ ในขณะเดียวกันก็คว้ามือของเธอที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเองมากุมไว้
แต่มือหยาบกระด้างของเฟเรสกลับบีบมือเธอเอาไว้แน่น
ทำไมเหรอเฟเรส
ถ้าจักรพรรดินีพูดอะไรแบบนั้นอีก ต้องบอกข้านะ
อา เธอคิดผิดไปหรอกเหรอ
เฟเรสไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง เขาเป็นห่วงเธอต่างหาก
เธอพยายามอดกลั้นไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกไป แล้วถามเขากลับ
ถ้าบอกแล้วยังไง เจ้าจะช่วยข้าได้เหรอ
…จะทำทุกวิถีทาง
เฟเรสพูดจากใจจริง
ดูจากนัยน์ตาจริงจังคู่นั้นก็รู้ได้ในทันที
ถ้าหากเธอขอให้เขาช่วยละก็ เฟเรสจะต้องพยายามทุ่มเทสุดกำลังเพื่อช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่แน่นอน
พอรู้สึกแบบนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจ พร้อมกับรู้สึกตื้นตันขึ้นมาเล็กน้อย
โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…
ชั่วขณะ เธอเกือบจะยกมือที่ถูกเฟเรสกอบกุมเอาไว้ ตั้งใจจะลูบศีรษะของเขาเหมือนอย่างที่เคยชินเป็นนิสัย แต่แล้วต้องเก็บมันกลับมา
เธอเป็นเพื่อนกับเฟเรสตั้งแต่เด็ก เฟเรสเองก็มีส่วนช่วยเหลือในการรักษาโรคร้ายของท่านพ่อ นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนต่างก็ทราบกันทั้งนั้น
แต่ต่อให้สนิทกันแค่ไหน การลูบศีรษะของเจ้าชายก็มีแต่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหลายๆ เรื่อง
แต่ว่า
เฟเรสกลับรั้งมือที่เก็บกลับคืนมาของเธอเอาไว้
และนัยน์ตาสีแดงของเด็กหนุ่มก็สบเข้ากับนัยน์ตาของเธอ
ใบหน้างดงามเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวปรากฏเข้าสู่ห้วงสายตา
รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวของเฟเรสผ่านมือที่จับกันเอาไว้
ตึ้กตั้ก
หัวใจที่เคยนิ่งสงบกลับเต้นผิดจังหวะ
นี่มันอะไรกัน
ในตอนนั้นเองก็พลันมีเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธเอ่ยเรียกชื่อเธอ
เทีย
ท่านปู่!
ท่านปู่ดูโมโหมากเสียจนเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตา ท่านเดินตรงดิ่งเข้ามาหาพวกเรา
ปู่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แล้วนะ เห็นว่าจักรพรรดินีพูดอะไรไร้สาระกับเจ้า
ดูจากเรือนผมของท่านปู่ที่หวีเสยไปข้างหลังอย่างเป็นระเบียบ กลับยุ่งเหยิงจนปอยหนึ่งปรกลงมาข้างหน้าแล้วละก็
ท่านปู่คงจะทราบข่าวจากใครสักคนในระหว่างที่ท่านกำลังสนทนากับคนกลุ่มอื่นอยู่อีกที่ ถึงได้รีบตามหาเธออย่างเร่งด่วนเป็นแน่
ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้าเปลี่ยนเรื่องได้อย่างดี ไม่ได้ตอบรับอะไรไปค่ะ
เหรอ ต้องแบบนั้นสิ หลานข้า…
สายตาของท่านปู่เปลี่ยนไปมองมือของเธอที่ถูกเฟเรสกอบกุมเอาไว้
เจ้าชายลำดับที่สอง
ท่านปู่เรียกเฟเรสเสียงทุ้มต่ำ
มือนั่นมันอะไรกัน
เธอรีบตอบก่อนที่ท่านปู่จะเข้าใจผิด
ข้าแค่ช่วยปลอบโยนเจ้าชายเท่านั้นเองค่ะ ท่านปู่
…ปลอบ?
มุมปากข้างหนึ่งของท่านปู่กระตุกขึ้น
ได้ งั้นถ้ารับการปลอบประโลมเสร็จแล้ว ก็ปล่อยมือนั่นได้แล้วละมั้ง
เฟเรสมองเธอหนึ่งครั้ง ก่อนจะยอมปล่อยมือของเธอ
ทั้งๆ ที่หน้าผากยังยับย่นเหมือนเคย
ท่านปู่กับเฟเรสต่างจ้องหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคำ