เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 4 บทที่ 166.1
เล่ม 4 บทที่ 166.1
ตอนที่ 166
นัยน์ตาลึกลับมีเสน่ห์ดั่งน้ำทะเลสีครามของอาบีน็อกซ์กระพริบปริบ ๆ อยู่หลายครั้ง เมื่อได้ยินเสียงตะโกนใส่หน้าของเธอ
และกำหมัดแน่น ตะโกนเสียงดังตอบกลับมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ขะ ข้าอยากรับผิดชอบครับ!”
“…….จริงหรือคะ”
“ครับ!ที่จริงวันนี้ข้าอยากจะบอกความรู้สึกออกไป จึงได้นำสิ่งนี้มาด้วยครับ!”
อาบีน็อกซ์หยิบกล่องใบเล็กออกมาจากอกเสื้อข้างในนั้นมีแหวนมุกสีขาวส่องประกายระยิบระยับอยู่วงหนึ่ง
มันเป็นอัญมณีที่งดงามไม่ต่างจากอัญมณีอื่นๆ ไม่ด้อยกว่าแม้แต่น้อย เป็นแหวนอันเหมาะสมที่คนอย่างอาบีน็อกซ์ผู้มาจากดินแดนแห่งท้องทะเลจะใช้ในการขอหมั้นหมายหญิงสาวแสนอบอุ่นอย่างลาลาเน่เป็นที่สุด
พอเห็นว่าเธอเอาแต่จ้องแหวนวงนั้นโดยไม่พูดอะไร อาบีน็อกซ์กลับเข้าใจความหมายเป็นอื่นไปเสียได้
“คะ คือรีบร้อนมากก็เลยหาได้เท่านี้ครับ ภายหน้าข้าเองก็คิดที่จะเตรียมเซ็ตแหวนสำหรับขอแต่งงานอย่างเป็นทางการ…….!”
“เซ็ตแหวนขอแต่งงาน มันคืออะไรคะ”
“มันเป็นธรรมเนียมของทางตะวันออกน่ะครับ ผู้ชายจากตะวันออกจะต้องเตรียมแหวน 12 วง เพื่อขอแต่งงาน ถ้าหากฝ่ายหญิงตอบตกลง ในระหว่างที่หมั้นกันตลอดระยะเวลา 1 ปีก็จะสวมแหวนแต่ละวงให้ในแต่ละเดือนหลังจากนั้นก็จะจัดงานแต่งงานกันน่ะครับ…….”
อาบีน็อกซ์ก้มมองแหวนที่เจ้าตัวนำมาด้วยใบหน้าหม่นมอง
“อันที่จริงจะแวะไปร้านอัญมณี เพื่อจัดเตรียมแหวน 12 วงก็ได้ แต่ข้าไม่อยากขอท่านลาลาเน่แต่งงานด้วยวิธีเช่นนั้นครับ เพราะอย่างนั้นถึงได้เลือกสมบัติของตระกูลรูมันที่เก็บไว้ในคฤหาสน์ประจำเมืองหลวงออกมา…….”
ไหล่ของอาบีน็อกซ์เริ่มค่อย ๆ ลู่ลงด้วยความท้อใจ
“ว่าแล้วเชียว วันนี้คงไม่ออกมาสินะครับ”
ท่าทางน่าสงสารมากจนทำเอาเธอรู้สึกผิดเลยที่ตีเขาด้วยหนังสือก่อนหน้านี้
เธอตบไหล่ของอาบีน็อกซ์เป็นการปลอบโยน แล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา
“ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการหมั้นหมายของลาลาเน่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เช้าวันนี้ ริกนีเต้น้องชายข้าเป็นคนบอกน่ะครับ เห็นว่าบางทีในเมืองหลวงข่าวอาจจะแพร่ไปทั่วแล้วก็ได้ ข้าไม่นึกเลยว่าเขาจะรู้เรื่องที่ข้าคบหากับท่านลาลาเน่อยู่ก่อนแล้ว…….”
ถ้าเป็นริกนีเต้ล่ะก็ คงจะรู้มานานแล้วล่ะ
ถึงแม้จะไม่ใช่มืออาชีพอย่างเบ๊ตที่คอยนำข่าวสารข้อมูลมาให้เธอก็เถอะ แต่ริกนีเต้เองก็เป็นคนที่ทำงานคล้าย ๆ กันอยู่ข้างกายเฟเรสนี่นา
อาบีน็อกซ์ถอนหายใจราวกับพื้นถล่มอีกครั้ง
“ท่านลาลาเน่เป็นอะไรมั้ยครับ”
เสียงนั้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“ท่านอาบีน็อกซ์ไม่โกรธบ้างเลยหรือคะคนที่รัก คนที่กำลังคบหากันอยู่ กำลังจะแต่งงานกับคนอื่นน่ะคะ”
ถ้าเป็นเธอล่ะก็ คงจะโมโหไปแล้วแต่อาบีน็อกซ์กลับส่ายหน้า
“ข้าทราบครับว่าตอนนี้ท่านลาลาเน่คงจะเสียใจมากกว่าข้าเป็นแน่ แล้วแบบนี้จะให้ข้าโกรธลงได้ยังไงล่ะครับ”
ใบหน้ายิ้มระโหยไร้เรี่ยวแรงของอาบีน็อกซ์ยามที่กล่าวเช่นนั้น ช่างคล้ายคลึงกับภาพของลาลาเน่เมื่อวานนี้เหลือเกินตอนนี้ทั้งสองคนต่างก็กำลังเป็นห่วงกันและกันเป็นกังวลว่าคนรักจะลำบากเพราะตัวเอง มากกว่าที่จะสนใจเรื่องความเศร้าและความเจ็บปวดของตัวเองได้แต่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในใจอย่างห่าง ๆ รู้สึกเสียใจและสงสารอีกฝ่าย
“ข้ามีของจะมอบให้ท่านอาบีน็อกซ์ค่ะ”
เธอกางหนังสือที่ถืออยู่ในมือออกกว้าง เผยให้เห็นซองจดหมายสีครีมดูสะอาดสะอ้านซุกซ่อนอยู่ในนั้น
“จดหมายของลาลาเน่ค่ะ นางฝากให้ข้านำมามอบให้ท่านอาบีน็อกซ์ ข้าเลยมาที่นี่”
“อา ท่านลาลาเน่…….”
อาบีน็อกซ์รับเอาซองจดหมายจากเธอไปถือไว้ แต่กลับไม่อ่านเนื้อหาข้างในจดหมายทันที
เพียงแค่ลูบไล้ตัวอักษรที่ลาลาเน่เขียนไว้อย่างประณีตว่า ‘ถึง ท่านอาบีน็อกซ์’ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่อย่างนั้น
“เฮ้อ……”
คราวนี้กลับกลายเป็นเธอที่ต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ
สองคนนี่ต่างก็เป็นคนดีกันทั้งคู่ จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
ฝ่ายนั้นเป็นพวกร้ายกาจที่สามารถลงมือทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโชน์แท้ ๆ
น่าเป็นห่วงจริง ๆ เลยนะเนี่ย
อาบีน็อกซ์เหม่อมองซองจดหมายอยู่พักใหญ่ และในที่สุดก็เปิดซองจดหมายออกอย่างระมัดระวัง แล้วดึงเอาจดหมายออกมาอ่าน
ท่าทางระมัดระวังมากราวกับเกรงว่าจะทำให้ส่วนใดฉีกขาดไป
“สมกันราวกับกิ่งทองใบหยกจริง ๆ กิ่งทองใบหยก”
เธอส่ายหน้าไปมา ให้เวลาอาบีน็อกซ์ได้อ่านจดหมายของลาลาเน่อย่างสบายใจ
* * *
หน้าวังจักรพรรดินี
“องค์จักรพรรดินีกำลังรออยู่ เข้าไปกันเถอะ”
ภายในรถม้าที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวจอดอย่างเชื่องช้า เซรัลเอ่ยกับลาลาเน่อย่างเร่งรัด
“คือว่า ท่านแม่…….”
ลาลาเน่เอาแต่นั่งลังเลอยู่ในรถม้า นางคิดว่าอย่างไรก็คงไม่อาจผลัดวันออกไปได้อีกแล้ว จึงรวมรวมความกล้าออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
“…….มีเรื่องใดหรือ ลาลาเน่”
ท่าทางผิดปกติของลาลาเน่ทำให้เซรัลปิดประตูรถม้าที่มหาดเล็กประจำวังจักรพรรดินีเปิดออกเมื่อครู่ทันที
“ข้ามีเรื่องอยากจะบอกค่ะ”
ลาลาเน่ไม่อาจเก็บซ่อนสายตาไม่สบายใจเอาไว้ได้ ในขณะเดียวกันก็กำชายชุดเดรสแน่นจนยับย่นไปหมด
“ทำอย่างนั้นเดรสก็เป็นรอยยับพอดีไม่ใช่หรือไง”
เซรัลดึงมือของลาลาเน่ออกไปด้านข้าง
“ว่ามาสิ”
“ขะ ข้าไม่อยากโดนคลุมถุงชนค่ะ ได้โปรดคิดใหม่เถอะนะคะ ท่านแม่” ลาลาเน่พูดเสียงสั่นเทา
การที่นางไม่พูดเรื่องอาบีน็อกซ์ออกมา เป็นเพราะนางหวาดกลัวว่าอาจจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากกับชายหนุ่มได้
เพราะคนที่นางต้องแต่งงานด้วยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นถึงเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง
“ลาลาเน่ เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือ เรื่องที่อยากทำกับเรื่องที่ต้องทำ มันไปด้วยกันไม่ได้หรอกนะ”
“ข้าเองก็ทราบดีค่ะ แต่ข้าคิดว่าบางครั้งก็มีสิ่งล้ำค่าที่ไม่อาจยอมปล่อยมือไปได้ ต่อให้ต้องทำเพื่อหน้าที่ก็ตามค่ะ”
“สิ่งล้ำค่าที่ไม่อาจยอมปล่อยมือ?”
เซรัลเอียงคอด้วยความงุนงง
“แต่งงานกับเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเชียวนะ ยังจะมีสิ่งใด ‘ล้ำค่า’ ที่สำคัญไปกว่าการทำหน้าที่ของเจ้าอีกหรือ”
“…….ความสุขค่ะ หากต้องแต่งงานกับเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเช่นนี้ ตลอดชีวิตข้าคงไม่มีความสุขหรอกค่ะ ท่านแม่ ได้โปรดคิดใหม่อีกครั้งเถอะนะคะ”
ลาลาเน่ผู้มีนิสัยทึ่มทื่อยอมคนจะต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหนมองจากไหล่บางที่สั่นเทาไม่หยุดก็รู้ได้ในปราดเดียวแล้วดังนั้นเซรัลจึงได้แต่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะเบา ๆ ในลำคอ
“ลาลาเน่”
“……คะ ท่านแม่”
“ยิ่งเป็นชนชั้นสูงที่มีข้าวของในครอบครองมากเท่าไหร่ มีตำแหน่งสูงส่งเท่าไหร่ การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิต นับตั้งแต่ที่ถือกำเนิดมานั่นแหละ”
เซรัลเอ่ยเกลี้ยกล่อมลาลาเน่ด้วยเสียงอ่อนโยน
“คนอื่น ๆ ต่างก็ต้องผ่านเรื่องเช่นนี้มากันทั้งนั้น ข้าเองก็เช่นกัน ดังนั้นเลิกดื้อรั้นได้แล้ว”
ลาลาเน่นั่งนิ่งฟังคำพูดนั่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเซรัลด้วยนัยน์ตากลมโต แล้วเอ่ยถามขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ท่านแม่มีความสุขมั้ยคะ”
“……อะไรนะ”
“เพื่อหน้าที่แล้ว ท่านแม่ถึงได้แต่งงานกับท่านพ่อเพื่อผลประโยชน์ไม่ใช่หรือคะ แล้วตอนนี้ท่านแม่มีความสุขหรือเปล่าคะ”
เซรัลพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่งนางเพียงแค่มองบุตรสาวของตัวเองด้วยใบหน้าที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกนึกคิด
ความเงียบอันน่าอึดอัดนทำให้ลาลาเน่รู้สึกราวกับจะขาดอากาศหายใจ
นั่นอาจจะเป็นแค่คำที่พูดที่ออกมาด้วยความโกรธ แต่ครึ่งหนึ่งลาลาเน่เองก็พูดออกมาจากใจจริง
เพราะยามได้เห็นท่านพ่อกับท่านแม่ นางไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าทั้งสองท่าน ‘ดูมีความสุข’