เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 185.2
เล่ม 5 บทที่ 185.2
ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่า มือใหญ่และอบอุ่นของเขากุมข้อเท้าและหลังเท้าเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้
“เทีย”
เฟเรสเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว
นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นยังคงเอาแต่จับจ้องอยู่ที่เธอ
และภาพที่เห็นก็ทำให้เธอรู้สึกอยากร้องไห้
“เฟเรส เจ้านี่นะ…”
ทำไมถึงต้องดีกับเธอมากขนาดนี้!
เชื่อมั่นในอะไรมากขนาดนั้นกัน!
ได้แต่กลืนคำพูดหลังจากนั้นกลับลงคอ ไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปได้ แต่เฟเรสก็ส่งยิ้มให้เธอราวกับได้ยินเสียงกรีดร้องในใจของเธอ
สุดท้ายริมฝีปากของพวกเราก็แนบชิดติดกัน
ร่างกายสูงใหญ่ของเด็กหนุ่มโอบกอดเธอเอาไว้ทั้งตัว พวกเราจูบกันอย่างดูดดื่ม
“อืม”
กลิ่นกายหอมละมุน อุณหภูมิร่างกายที่ส่งผ่านผิวหนัง ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบผิวเนื้อ
ทำเอาลืมเลือนไปจนหมดสิ้นว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
และในตอนที่ตั้งสติขึ้นมาได้ ก็กลายเป็นว่าเธอนั่งอยู่บนตักของเฟเรสไปแล้ว
“อ๊ะ ไม่ได้นะ! เดี๋ยวก่อน!”
ริมฝีปากของเธอผละออกอย่างยากลำบาก ราวกับแม่เหล็กที่ถูกดึงดูดเข้าหากันและกันไม่ยอมแยกห่าง
เธอรีบยกมือขึ้นกั้นริมฝีปากของเฟเรสอย่างรวดเร็ว
ตั้งสติหน่อย สติ!
“แฮก…แฮก…”
มองนัยน์ตาของเด็กหนุ่มที่ยังคงร้อนแรงไม่เย็นลงเลยแม้แต่น้อย กิเลสยั่วเย้าเข้ากลืนกินเธออยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ในที่สุดเธอก็เอาชนะมันได้สำเร็จ
มันเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในบรรดาเรื่องลำบากมากมายที่เธอเคยเผชิญมาทั้งหมดเลยละ
“พะ…พวกเราทำแบบนี้ไม่ได้”
“…ทำไม”
เฟเรสเอ่ยถามผ่านปลายนิ้วของเธอที่ปิดปากเขาอยู่
สัมผัสนั่นมันเร่าร้อนราวกับวางมือทาบบนเปลวไฟ เธอลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง รีบถอยกรูดห่างไปจากโซฟา
“เพราะว่า เพราะว่า…”
ให้ตายเถอะ
หาเหตุผลที่ฟังขึ้นไม่ออก
เธอตะโกนเสียงดังหนักแน่นออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“ยังไงก็ไม่ได้!”
“…เข้าใจแล้ว”
เมื่อจู่ๆ ก็ถูกถอยห่างจนต้องอารมณ์ค้างอยู่คนเดียว เฟเรสก็ลูบมือที่สวมกอดเธอไว้แน่นจนถึงเมื่อครู่ด้วยความเสียดาย
และหลุบตาลงเล็กน้อย ท่าทางเขาจะงอนน่าดูแล้วนั่น
“อึก”
รู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นอยากเอื้อมมือออกไปปลอบโยนเด็กหนุ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง แต่เธอก็กำมือแน่นพยายามอดใจเอาไว้สุดความสามารถ
ตั้งสติให้ดี!
เด็กนั่นเป็นเด็กที่รู้จักใช้หน้าตาตัวเองให้เป็นประโยชน์นะ!
นั่นไงล่ะ
เฟเรสกำลังช้อนตามองเธอด้วยนัยน์ตาน่าสงสาร
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเอาอากาศบริสุทธิ์ที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างเข้าปอด
ดีแล้ว อดทนได้ดีมาก!
“อะแฮ่ม”
เธอกระแอมไอเคลียร์ลำคอหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยพูด
“ข้าจะไปบอกพ่อบ้านให้จัดห้องพักสำหรับแขกให้ก็แล้วกัน”
“ขอเป็นห้องที่ใกล้กับห้องนี้นะ”
ให้อยู่ใกล้กันนี่คิดจะทำอะไรกันแน่ยะ!
“เทีย”
ตึก ตึก
เฟเรสก้มหยิบเสื้อคลุมของตัวเองที่ร่วงหล่นลงมาตอนที่จู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงเข้ามาหาเธอ
เพียงครู่เดียวก็กลับมามีท่าทีผ่อนคลายเหมือนอย่างที่เคยเป็น
แล้วช่วยคลุมมันลงบนไหล่ของเธออีกครั้ง พลางเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดกันพอดี ระวังหน่อยสิ”
ตอนนี้สิ่งที่อันตรายที่สุดในห้องนี้ก็คือเจ้านั่นแหละ!
แต่แล้วในตอนที่เธอตั้งใจจะเถียงออกไปแบบนั้น
สายตาของเฟเรสก็มองจ้องเขม็งไปทางประตูที่ปิดแน่น
คิ้วเข้มขมวดเป็นปมจนรอยย่นปรากฏขึ้นบนหน้าผาก
“เฟเรส”
“…น่าจะไม่อันตราย”
เฟเรสพึมพำอะไรบางอย่างที่ฟังไม่ได้ศัพท์
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องของเธอก็ถูกเปิดออกเงียบๆ
แกรก แกรก
ได้ยินเสียงจานชามกระทบกันเบาๆ ดังขึ้นมาเป็นเสียงแรก
“เงียบๆ ล่ะ ระวังอย่าให้เทียตื่น”
คนที่ยกนิ้วชี้ขึ้นแนบปากส่งสัญญาณไปทางลูกจ้างที่เข็นรถเข็นใส่อาหารคันเล็กเข้ามาก็คือ ท่านพ่อนั่นเอง
ท่านพ่อบอกว่าจะอยู่ที่เชซายูจนถึงเดือนหน้าชัดๆ นี่นา
“เทียจะต้องเซอร์ไพรส์มากแน่”
ท่านพ่อยิ้มอย่างมีความสุข
และถึงกับเขย่งปลายเท้าเดินย่องตรงมาที่ห้องนอนของเธอ แล้วก็พลันพบเข้ากับเธอที่ยืนเหม่อมองท่านอยู่ริมหน้าต่างเข้าจนได้
“หืม เทีย ตื่นแล้ว…”
รวมถึงเฟเรสที่ยืนอยู่ข้างเธอด้วย
“ทั้งสองคนทำไมอยู่ด้วยกันในเวลาแบบนี้”
ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นคำถาม แต่มันไม่ใช่คำถามแต่อย่างใด
เพิ่งเคยเห็นท่านพ่อทำหน้าแบบนั้นเป็นครั้งแรก
ท่านพ่อมักจะยิ้มสดใสอยู่เสมอ ตอนนี้กลับมีสีหน้าโหดเหี้ยมดูน่ากลัวถึงขนาดนั้น
“พะ…พ่อ คือว่า…”
เธอตั้งใจจะอธิบายออกไป แต่นัยน์ตาคมกริบของท่านพ่อกลับมองจ้องไปทางเฟเรสไม่ใช่เธอ
“ช่วยอธิบายด้วยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายลำดับที่สอง”
เธอหันไปมองด้านข้างตามสายตาของท่านพ่อ แล้วก็ได้พบเข้ากับฉากที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกอีกฉาก
“ท่านชายลอมบาร์เดีย…”
นั่นก็คือ เฟเรสที่กำลังตื่นตระหนกเสียจนเหงื่อเย็นเฉียบไหลผุดขึ้นบนหน้าผาก