เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 191.2
เล่ม 5 บทที่ 191.2
ท่านพ่อเหม่อมองใบหน้าของเธอนิ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ
“ลูกไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เทีย”
ท่านพ่อกำลังทุกข์ทรมาน
“หมั้นหมายเพื่อตระกูล แล้วยังเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เพราะเรื่องพวกนั้น…”
ท่านพ่อทราบดีอยู่แล้วว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่
“ก่อนอื่น เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พ่อสั่งเอาไว้แล้วว่า ห้ามไม่ให้รู้ไปถึงหูท่านปู่เด็ดขาด แต่ก็คงเก็บเป็นความลับต่อไปได้ไม่นานนักหรอก ในเมื่อจักรพรรดินีกล้าส่งนักฆ่าบุกเข้ามาในเขตแดนของลอมบาร์เดียแบบนี้”
กระทั่งน้ำเสียงก็ยังกดต่ำลงจนน่ากลัว
“แต่ถึงขนาดกล้าส่งคนเข้ามาในเขตแดนลอมบาร์เดียแบบนี้ แสดงว่าจักรพรรดินีกำลังจนตรอกแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้นในเมื่อคราวนี้นางลงมือไม่สำเร็จ ย่อมต้องมีครั้งหน้าอีกแน่ และจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนางสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อผลักดันให้โอรสของตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ”
ท่านพ่อเองก็ประเมินได้อย่างแม่นยำว่า จักรพรรดินีราวีนีเป็นคนแบบใด
“เทีย”
นัยน์ตาอ่อนโยนของท่านพ่อเปี่ยมไปด้วยความกังวล
“ไปเชซายูกับพ่อเถอะ”
“…คะ?”
“เชซายูกำลังพัฒนาขึ้นมากในแต่ละวัน ท่าเรือเองก็เริ่มทรงตัวแล้ว มันเป็นสถานที่ที่มีโอกาสพัฒนาต่อไปได้อีกมากทีเดียว เทีย เจ้าเองก็จะต้องถูกใจที่นั่นมากแน่”
“หมายความว่า จะให้เดินทางไปจากลอมบาร์เดียเหรอคะ”
ท่านพ่อยิ้มขมขื่นตอบคำถามเธอ
“ลอมบาร์เดียเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากใช่มั้ย”
ท่านพ่อพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกที่ถูกแกะสลักเป็นลวดลายอย่างงดงามอยู่บนเพดาน
“แต่ความยิ่งใหญ่ที่ว่านั่นกลับกลืนกินผู้คนที่ช่วยสร้างตระกูลให้เติบใหญ่อยู่เสมอ ครอบครัวสูญสิ้นสายสัมพันธ์อันดี คู่สามีภริยาไม่เคยได้รู้จักความรัก”
นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อหันกลับมามองเธออีกครั้ง
“เทีย พ่อแค่อยากให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องกลายเป็นปุ๋ยที่ยอมสละตัวเองเพื่อให้ต้นไม้โลกนี่เจริญงอกงาม แต่เป็นปุ๋ยที่พัฒนารากฐานของเจ้าเพียงผู้เดียว”
“พ่อ…”
“ไปเชซายูด้วยกันกับพ่อเถอะนะ เทีย”
เธอเพิ่งเคยเห็นท่านพ่อเป็นแบบนี้ครั้งแรก
ท่านพ่อกำลังหวาดกลัว
“พ่อไม่อาจใช้ชีวิตต่อไปได้หากต้องสูญเสียเจ้าไปอีกคน”
มองหน้าท่านพ่อแล้ว นี่เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนอดีตกลับมาที่เธอรู้สึกลังเลที่จะตัดสินใจ
อยากจะจับมือของท่านพ่อที่กำลังหวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องอันตรายใดกับเธอขึ้นอีกเอาไว้ให้มั่น แล้วหนีไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและสงบสุขสำหรับพวกเราเหลือเกิน
ใจมันเอาแต่ครุ่นคิดเอนเอียงอยากจะทำเช่นนั้น
แต่พอเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้โลกบนเพดานที่เมื่อครู่นี้ท่านพ่อเหม่อมองอยู่ ก็พลันนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่เผลอลืมเลือนไปชั่วครู่ขึ้นมาได้
ประตูคฤหาสน์ที่ถูกลงกุญแจปิดตายด้วยน้ำมือของพลทหารประจำราชวงศ์ในชีวิตก่อน
ภาพตัวเธอที่ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความเฉื่อยชาไม่แยแสสิ่งใดต่อหน้าเหตุการณ์ในวันนั้น
ความโกรธในใจที่ไม่อาจปกป้องตระกูลเอาไว้ได้
เธอละสายตาจากต้นไม้โลก แล้วหันกลับมามองหน้าท่านพ่อ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“พ่อคะ ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”
นัยน์ตาสีเขียวของท่านพ่อซึ่งคล้ายกับนัยน์ตาของเธอสั่นเทาไม่หยุด
“ข้าตั้งใจจะสืบทอดตระกูลต่อจากท่านปู่ค่ะ”
“เทีย เรื่องนั้น…”
“ท่านป้าชานาเนสยืนกรานหนักแน่นหลายหนแล้วว่าไม่คิดที่จะสืบทอดตระกูล ท่านเลือกเช่นนั้นเพื่อพวกแฝด เหมือนอย่างที่พ่อกำลังทำอยู่เพื่อข้า”
ปากของท่านพ่อที่อ้าออกเล็กน้อยปิดลงอีกครั้ง
“แต่พ่อสืบทอดลอมบาร์เดียไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ เพราะพ่อมีเชซายูแล้ว”
ท่านพ่อไม่ได้ปฏิเสธอะไร
แตกต่างจากลอมบาร์เดีย เชซายูในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กเล็กที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินเป็นครั้งแรก
แค่ต้องคอยดูแลพัฒนาเชซายู ท่านพ่อก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างลืมหูลืมตาแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่ท่านลุงเบเจอร์”
เธอคงทนดูไม่ไหวหรอกนะ แบบนั้นน่ะ
“ขอโทษนะคะ พ่อ แต่ข้าจะเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียค่ะ”
เธอพูดเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง
ท่านพ่อเองก็ดูจะไม่ได้แปลกใจอะไร
“เทีย ถ้าเป็นเจ้า พ่อรู้ดีว่าคงไม่ได้คิดเพียงแค่ผิวเผินโดยไม่ได้ไตร่ตรองแน่ แต่ว่า…”
ท่านพ่อเหม่อมองเธอด้วยนัยน์ตาเศร้าหมองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะยิ้มอ่อนระโหยอย่างไร้เรี่ยวแรง
คงจะตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าจะห้ามปรามยังไงก็ไม่มีทางบั่นทอนความมุ่งมั่นของเธอได้อยู่ดี
“งั้นหรือ ลูกสาวพ่อใฝ่ฝันเช่นนั้นนี่เอง”
ท่านพ่อพึมพำเสียงทุ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธอ แล้วเอ่ยต่อว่า
“หากเป็นเจ้าละก็ ย่อมต้องกลายเป็นเจ้าตระกูลที่ยอดเยี่ยมได้แน่ เทีย ลูกสาวของพ่อจะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าใคร”
ตึ้กตั้ก
คำพูดของท่านพ่อทำให้หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ
มันเป็นครั้งแรกเลยที่มีใครสักคนพูดแบบนี้กับเธอ
จะต้องนำพาลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่ได้แน่
สำหรับเธอแล้วคำพูดนั้นมันหวานหูยิ่งกว่าคำพูดใดๆ บนโลก
ไม่อาจอดกลั้นรอยยิ้มที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้ไม่ให้ผุดขึ้นบนริมฝีปากได้เลย
“ขอบคุณค่ะ พ่อ”
เธอพูดพลางส่งยิ้มไปให้ท่านพ่อ
“ขอบคุณที่เชื่อในตัวข้า”
ท่านพ่อเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
มือคู่นั้นยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนสมัยเด็กไม่เปลี่ยนแปลง
* * *
ณ ห้องข้างๆ ห้องทำงานของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย
ภายในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเสียนาน
นี่เป็นการเปิดประชุมโดยมีบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลลอมบาร์เดียทั้งหมดมารวมตัวกัน
ถึงแม้จะมีหลายคนนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ แต่ภายในห้องประชุมนั้นตกอยู่ในความเงียบสนิท
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชานั่งล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะตัวยาว ต่างพากันมองหน้ารูลลักที่กำลังเอ่ยปากอยู่ในตอนนี้
“ขอบคุณทุกคนที่มากันทั้งๆ ที่งานกำลังยุ่ง”
รูลลักกวาดสายตามองใบหน้าคุ้นเคยทีละหน้า
ในห้องนี้มีตั้งแต่คนที่ยังหนุ่มยังแน่น ไปจนถึงคนแก่เฒ่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า
พวกเขาคือบุคคลที่มีส่วนช่วยสร้างลอมบาร์เดียให้เป็นลอมบาร์เดียในทุกวันนี้
รูลลักประกาศก้องเสียงดัง
“ข้าอยากได้ยินความเห็นจากใจจริงเกี่ยวกับผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูล จึงเรียกพวกเจ้าทุกคนมาร่วมประชุมกันในวันนี้”