เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 199.2
เล่ม 5 บทที่ 199.2
“เมื่อครู่นี้ที่บอกว่า… ‘ไม่สมบูรณ์’ นั่น มันหมายความว่ายังไงกันแน่ครับ”
ลอร์ดสโลนเอ่ยถามราโมนา
“วิชาดาบประจำอาณาจักรที่พวกเรารู้จัก มันเป็นสิ่งไม่สมบูรณ์ที่มีเพียงครึ่งอย่างนั้นหรือครับ”
ราโมนาหันไปมองด้านหนึ่งแทนคำตอบ
มองจนแน่ใจแล้วว่าฟีเรนเทียที่นั่งผ่อนคลายอยู่บนเก้าอี้กำลังส่งยิ้มให้นาง
ราวกับเฝ้ารอคำสั่งสุดท้ายจากฟีเรนเทีย
ผงก
ฟีเรนเทียพยักหน้าลงเล็กน้อย
ฮู่ว
ราโมนาสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น
“ถูกต้องค่ะ วิชาดาบประจำตระกูลบราวน์ที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นวิชาดาบประจำอาณาจักร มันเป็นเพียง ‘วิชาที่ไม่สมบูรณ์’ ซึ่งมีหลายส่วนถูกตัดทอนออกไปค่ะ”
“เฮ้อ…”
“บรรพบุรุษตระกูลบราวน์ผู้สร้าง ‘วิชาดาบประจำอาณาจักร’ ขึ้นมา ได้ปรับเปลี่ยนจากวิชาดาบตระกูลบราวน์ เพื่อให้ผู้คนมากมายสามารถเรียนรู้มันได้อย่างปลอดภัย และทำความคุ้นเคยกับวิชาดาบได้อย่างรวดเร็วค่ะ ในขั้นตอนนั้นจึงมีหลายส่วนที่ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ หรือส่วนไหนที่ยากต่อการเรียนรู้เกินไปก็ถูกตัดออกค่ะ”
เสียงใสของราโมนาดังก้องไปทั่วทุกทิศในยามค่ำคืน
“แต่เจ้าตระกูลบราวน์ในแต่ละรุ่นต่างก็คุ้นเคยกับวิชาดาบตระกูลบราวน์ฉบับสมบูรณ์กันเป็นอย่างดีและใช้วิชานั้นในการปูพื้นฐานวิชาดาบให้แก่เหล่าอัศวินในฐานะหัวหน้ากองกำลังอัศวินค่ะ แต่ว่า…”
“อา เพราะแบบนี้นี่เอง…”
ทุกคนต่างก็เข้าใจในทันที
สาเหตุที่ประสิทธิภาพและความสำเร็จของอัศวินประจำกองกำลังอัศวินถดถอยลงไปมาก หลังจากตระกูลบราวน์ผู้เคยรับตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ล่มสลายลงไป
“อีกอย่าง ส่วนมากที่ข้าได้เรียนรู้มา มันเป็นวิชาที่พัฒนาขึ้นมาใหม่จากการค้นคว้าอย่างหนักของบิดา รวมถึงผู้รอดชีวิตในตระกูลบราวน์ทุกท่านตลอด 40 ปีที่ผ่านมาด้วยน่ะค่ะ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ
และสายตาของผู้คนมากมายที่เคยจับจ้องอยู่ที่ราโมนาก็เบนไปจับจ้องอยู่ที่คนผู้หนึ่งแทนโดยธรรมชาติ
“ประกาศผลการประลองได้แล้ว”
คนคนนั้นก็คือ จักรพรรดิโยบาเนสที่นั่งนิ่งด้วยใบหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จามาเสียนาน
“ผลการประลองเดิมพันด้วยเกียรติยศ…ตัวแทนฝ่ายคุณหนูฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย เป็นผู้ชนะ”
นัยน์ตาเย็นชาของโยบาเนสหันไปมองอาสทาน่า
มีสายตาจับจ้องอยู่มากมาย ทำให้จะหนีก็ไม่ได้ จึงได้แต่นั่งทำตัวน่าสมเพชด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ในตอนนั้นเอง ราโมนาก็ขยับกาย
นางยกดาบของตัวเองขึ้นมาถือไว้ ก้าวเท้าเดินไปทีละก้าว และหยุดลงตรงหน้าฟีเรนเทีย
ฟึบ
ราโมนาประคองดาบเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง คุกเข่าลงข้างหนึ่งอย่างช้าๆ ลงตรงหน้าฟีเรนเทีย ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง
“ราโมนา บราวน์ ขอมอบชัยชนะและเกียรติยศนี้ให้แก่เลดี้ค่ะ”
มันเป็นพิธีการทั่วไปที่ตัวแทนผู้ได้รับชัยชนะจากการประลองพึงปฏิบัติกันอยู่แล้ว
แต่เพราะเหตุใดถึงได้เป็นลอมบาร์เดียกับบราวน์กัน
ผู้คนรอบด้านต่างก็รู้สึกประหลาดใจ
“ขอบคุณที่ต่อสู้อย่างกล้าหาญนะคะ เซอร์บราวน์”
ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย หยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า แล้วรับดาบของราโมนามาด้วยสองมือ
จากนั้นก็หันไปเอ่ยพูดกับอาสทาน่า
“คราวนี้ก็ถึงตาเจ้าชายต้องขอโทษหม่อมฉันสินะเพคะ”
อาสทาน่าสะดุ้งเฮือก
“ขอโทษที่ด่าทอว่าร้ายมารดาของหม่อมฉัน และขอโทษที่ทำลายเกียรติยศของฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย คนนี้”
“ข้าไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นลอยๆ เสียหน่อย…!”
อาสทาน่าลุกพรวดและตะโกนเสียงแข็ง
ท่าทางไม่คิดที่จะยอมรับว่าตัวเองทำผิดจนถึงที่สุดจริงๆ
“เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง”
แต่ต่อหน้าเสียงเย็นชาของโยบาเนส ท่าทางอวดเก่งนั่นก็ต้องถูกพับเก็บลงในพริบตา
“กะ…กระหม่อม…”
อาสทาน่ากำหมัดแน่น
มีอะไรให้ต้องโมโหขนาดนั้นกัน
อาสทาน่าจ้องฟีเรนเทียที่กำลังยืนรออย่างสงบเขม็งราวกับจะบีบคอกันให้ตาย ก่อนจะยอมเปิดปากพูด
“ขะ…ขอโทษ ข้า…ปากพล่อยเอง”
ทั้งๆ ที่ควรจะดื่มด่ำกับคำขอโทษที่ได้รับมาหลังจากท้าประลองไปแบบนั้น แต่ฟีเรนเทียก็แค่ยักไหล่ไม่ยี่หระอะไร
“โธ่เว้ย!”
อาสทาน่าที่สร่างเมาเพราะความอับอายสบถเสียงดัง ก่อนจะรีบปลีกตัวหนีไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว เพราะสายตานับร้อยพุ่งตามหลังมาไม่หยุดนั่น ทำให้อาสทาน่าต้องวิ่งหนีไม่กล้าสู้หน้าใคร
“หมดสนุกแล้ว”
จักรพรรดิโยบาเนสกล่าวเช่นนั้นขณะลุกขึ้นจากที่นั่ง และเอ่ยถามราโมนา
“เจ้ามีนามว่าอันใด”
“ราโมนา บราวน์ เพคะ ฝ่าบาท”
ราโมนา บราวน์ คุกเข่าลงไปอีกครั้ง แล้วเอ่ยตอบอย่างสุภาพ
“ความสัมพันธ์กับเจ้าตระกูลบราวน์ล่ะ”
“ท่านเป็นบิดาของหม่อมฉันเพคะ”
“อืม…”
โยบาเนสพึมพำเสียงแผ่ว เขาเหลือบสายตามองไปยังมือข้างขวาที่กำดาบเอาไว้
มือที่เป็นปกติดี ไม่ได้ถูกตัดขาดไปแต่อย่างใด
“เจ้าเองก็จะเข้าร่วมงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ด้วยงั้นหรือ เซอร์บราวน์”
“เพคะ ถึงแม้จะยังอ่อนด้อยอยู่มาก แต่หม่อมฉันจะเข้าร่วมในนามของตระกูลบราวน์เพคะ ฝ่าบาท”
“อืม ขอให้โชคดี”
โยบาเนสทิ้งท้ายไว้แค่ประโยคนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ไม่มีการพูดถึงวิชาดาบที่เหนือชั้นกว่าที่ราโมนาแสดงให้ทุกคนได้เห็นเมื่อครู่แต่อย่างใด
ไหล่ของราโมนาลู่ลงเล็กน้อย
แต่กองกำลังอัศวินที่เดินตามหลังองค์จักรพรรดิไปกลับเอาแต่เหลียวหลังหันมามองราโมนา
นัยน์ตาของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดายและไม่อยากจะเดินจากไปเลยแม้แต่น้อย
ท่ามกลางฝูงชนที่เริ่มทยอยแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง มืออ่อนโยนข้างหนึ่งเอื้อมมาจับไหล่ของราโมนาที่ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งไม่ขยับไปไหน
“คุณหนูลอมบาร์เดีย”
“ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เซอร์บราวน์ ตอนนี้ก้าวแรกในการฟื้นฟูตระกูลบราวน์ให้กลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่ ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วนะคะ”
นัยน์ตาสีเขียวของฟีเรนเทียส่องประกายอย่างมีชีวิตชีวา ในขณะที่ส่งยิ้มให้ราโมนา
“เชื่อมือข้าเถอะค่ะ”
มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลือเกิน
แค่คำพูดประโยคนั้นประโยคเดียวกับรอยยิ้มนั่น กลับช่วยเรียกกำลังใจของราโมนาขึ้นมาได้
นางสามารถพึ่งพาคนคนนี้ได้จริงๆ
ไม่รู้ว่าเทียสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของราโมนาบ้างหรือเปล่า
“อาสทาน่า ได้เห็นใบหน้าโง่ๆ ของเจ้าอับอายต่อหน้าคนมากมายแบบนี้”
เทียกำลังแย้มรอยยิ้มหัวเราะเสียงเจ้าเล่ห์ราวกับตัวร้ายในละคร
“สมน้ำหน้า หึหึ”
ไหล่ของหญิงสาวที่เอาแต่พึมพำอะไรบางอย่างที่ราโมนาไม่อาจฟังเข้าใจได้ กำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะหัวเราะราวกับกำลังเต้นระบำอย่างอารมณ์ดี