เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 209.1
เล่ม 5 บทที่ 209.1
ตอนที่ 209
“รักษาการเจ้าตระกูลอย่างนั้นหรือ…”
ประธานคิลเลียนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
“หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียกัน”
คำถามของประธานทำให้คนมากมายกระดิกหูรอฟัง
เธอเองก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีคนถามอะไรแบบนี้ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การปล่อยให้ผู้คนรู้ว่าท่านปู่ไม่สบายนั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่
ในเมื่อตระกูลลอมบาร์เดียกับตระกูลอังเกนัสเป็นศัตรูกัน ก่อนจะเริ่มรบในสนามรบอย่างการประชุมสภาขุนนาง เธอก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะทำให้ทีมของฝ่ายเราเสียเปรียบ
เธอจงใจยกยิ้มตอบออกไปเสียงเย็นชา
“ถามมากจังเลยนะคะ ท่านประธานคิลเลียน”
เธอจ้องหน้าประธานคิลเลียนที่มีสีหน้ากระตุกเกร็งไปชั่วขณะ ในขณะเดียวกันก็ถามต่อทันที
“กับท่านปู่เองก็ถามมากแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ไม่ได้รับแจ้งมาก่อนล่วงหน้า…”
โอ๊ย จริงๆ เลย คนที่ควรจะมีเซนส์เสียบ้างทำไมทำตัวแบบนี้เนี่ย
ต่อให้เป็นเธอที่กำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาอันแสนน่าระทึกใจอย่างในตอนนี้อยู่ก็เถอะ แต่ไอ้พวกระบบข้าราชการ หรือขั้นตอนมากมายอันแสนจะไร้ประโยชน์ของพวกชนชั้นสูงนี่มันเริ่มทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
เธอเอ่ยถามในขณะที่มองสบตาประธานคิลเลียน
“หมายความว่าท่านปู่ของข้าจะส่งรักษาการเจ้าตระกูลมาแทน จำเป็นต้องได้รับคำอนุญาตจากท่านประธานก่อนงั้นเหรอคะ”
“มะ…ไม่ใช่แบบนั้น…”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่มั้ยคะ”
“อืมมมม เป็นเช่น…นั้นครับ”
ประธานคิลเลียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนวิธีการพูดจาทันที
เพราะในเมื่อเธอมาเข้าร่วมการประชุมในฐานะรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย เขาก็ต้องปฏิบัติต่อเธอไม่ต่างจากเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมาด้วยตัวเอง
“ดีค่ะ”
เธอส่งยิ้มให้ประธานคิลเลียนหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันหน้ากลับมา
แทนความหมายว่าเลิกพูดมากเกี่ยวกับปัญหาเรื่องพวกนี้สักที
ในตอนนั้นเองใครคนหนึ่งก็เดินผ่านประตูห้องประชุมที่ถูกเปิดอยู่เข้ามาด้านใน
“องค์จักรพรรดินี…?”
ขุนนางเฒ่าคนที่เคยพูดจาด้วยความไม่พอใจว่า ‘อะไรกันน่ะ เจ้า’ ตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องประชุมเมื่อครู่นี้หันไปมองจักรพรรดินีราวีนี ก่อนจะรีบถอยหลัง แล้วโค้งศีรษะให้นาง
ขุนนางคนนั้นในชีวิตก่อนเองก็จงรักภักดีต่ออังเกนัสอย่างไร้เงื่อนไข ท่าทางในชีวิตนี้เองก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนสินะ
เธอส่ายหน้าเบาๆ ในขณะที่หันไปมองจักรพรรดินีราวีนี
ท่าทางมั่นหน้ามากเสียจนทำเอาคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนี้เจ้าชายซึ่งเป็นโอรสของนางกำลังถูกคุมขังด้วยข้อหาพยายามลอบสังหารองค์จักรพรรดิ
หน้าเชิดคอตั้ง สายตาหันไปมองรอบๆ ห้องประชุมอย่างผ่อนคลายหนึ่งครั้ง และเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ก็หันมาพบเธอเข้าพอดี
ตอนแรกก็ดูเหมือนจะตกใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่แค่ครู่เดียวก็เริ่มถลึงตาจ้องเธอเขม็ง
ขนาดอยู่ห่างกันค่อนข้างไกลขนาดนี้ แต่ยังรู้สึกได้เลยว่าแววตาคู่นั้นมันร้อนจนลุกโชนเป็นไฟแล้วนั่น
เธอไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อโค้งคำนับจักรพรรดินีเหมือนอย่างขุนนางท่านอื่น แต่จักรพรรดินีเองก็ไม่อาจตำหนิอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
เพราะตอนนี้เธอเป็นถึงรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเชียวนะ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียน่ะ นอกจากองค์จักรพรรดิแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครหน้าไหนทั้งสิ้น
กลับกัน เธอมองจ้องจักรพรรดินีกลับไป ใบหน้ากระตุกยิ้มมุมปากให้นาง
หึ
นัยน์ตาของจักรพรรดินีที่จับจ้องมาที่เธอกลายเป็นเย็นชามากกว่าเดิมสิบเท่า ก่อนจะสะบัดหน้าหมุนตัวเดินไปนั่งลงบนที่นั่งฝั่งผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์
ที่นี่คือที่ประชุมสภาขุนนาง
จักรพรรดินีราวีนีซึ่งละทิ้งตัวตนในฐานะชนชั้นสูง และได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกราชวงศ์ จึงไม่มีสิทธิ์ใดที่จะออกความเห็นทางการเมือง
เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากแค่นั่งอยู่ในที่นั่งฝั่งคนดู เฝ้ามองการประชุมอยู่เงียบๆ เท่านั้น
แต่ถึงยังไงการที่นางดั้งด้นมาจนถึงที่นี่ ก็เป็นหลักฐานยืนยันให้เห็นอย่างชัดเจนมากพอแล้วว่าการประชุมในวันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญต่ออังเกนัสและจักรพรรดินีมากขนาดไหน
และไม่นานหลังจากนั้น
“แหมๆ วันนี้มีแขกผู้เข้าชมจากพระราชวังมากจังเลยนะคะเนี่ย”
เธอจงใจพูดหยอกล้อเรื่อยเปื่อยกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ฮ่าฮ่า จริงด้วยครับ”
เจ้าตระกูลเบิร์น หนึ่งในพันธมิตรของลอมบาร์เดียที่สนิทสนมใกล้ชิดจนนั่งข้างที่นั่งของท่านปู่อยู่เสมอพยักหน้าตอบรับมุกตลกของเธอ
“ถวายบังคมเจ้าชายลำดับที่สองพ่ะย่ะค่ะ”
คราวนี้เป็นเฟเรส
และก็เหมือนอย่างที่จักรพรรดินีทำเมื่อครู่ พอเห็นเธอนั่งอยู่ในห้องประชุมเฟเรสก็หยุดชะงักไป
เธอจงใจไม่ติดต่อบอกเฟเรสในเรื่องนี้
จะได้ลองตกใจดูซะบ้าง
“…”
เฟเรสหยุดนิ่งมองเธออยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าทักทายมาทางเธอ
เหมือนอย่างที่เขาทำเวลาพบท่านปู่
เพียงพริบตาความสนใจของผู้คนในห้องประชุมก็จับจ้องมาที่พวกเราแทน
ถึงแม้จะมีฐานะเป็นคู่หมั้นกันอย่างเป็นทางการ แต่ในที่ประชุมแห่งนี้ในตอนนี้ เขาเป็นเจ้าชายของอาณาจักร ส่วนเธอเป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย
ก็เลยกลายเป็นสถานการณ์ที่ดูน่าสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ผงก
หลังจากพยักหน้าเบาๆ ตอบเฟเรสกลับไปแบบเดียวกัน เธอก็หันไปสนทนากับคนข้างๆ ต่อ ราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรจริงๆ