เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 211.2
เล่ม 5 บทที่ 211.2
ที่พูดมานั่นก็ถูกอยู่เหมือนกัน
แต่ชานตั้น เซอเชาว์ กลับยกยิ้มจางๆ อย่างหาชมได้ยาก ในขณะที่เอ่ยตอบกลับไป
“มิใช่เสียหน่อย ข้าก็บอกอยู่ว่ามีแผนการสำหรับที่ดินพวกนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าอยากจะได้มันคืนไป ก็ต้องรีบเสียหน่อยต่างหากล่ะ”
หลังจากนั้นก็หมุนตัวหันหน้าไปถามจักรพรรดินีต่อ
“ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
“ชานตั้น เซอเชาว์…!”
จักรพรรดินีที่โมโหอยู่แล้ว ยิ่งโมโหเดือดหนักขึ้นไปอีก
“กะ…แก…!”
คงจะลืมกระทั่งความจริงว่ามีสายตามากมายกำลังเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ นางถึงกับพูดจาหยาบคาย และชี้นิ้วไปที่เจ้าตระกูลเซอเชาว์อย่างไร้มารยาท
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
เจ้าตระกูลเซอเชาว์หันหน้ากลับไปร้องขอประธานคิลเลียน
“ตรวจเช็กเอกสารสัญญากับโฉนดที่ข้ามอบให้เถอะครับ ดูว่ามันไม่มีจุดบกพร่องตรงไหนเลย ท่านประธาน”
“เฮ้อ…”
ประธานคิลเลียนถอนหายใจหนักอึ้ง
ใบหน้าบ่งบอกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี
เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าเพราะเหตุใดเรื่องพวกนี้ถึงเกิดขึ้นกับเขา
พรึ่บ พรึ่บ
ภายในห้องประชุมที่รวมคนไว้กว่าร้อยชีวิต มีเพียงเสียงหน้ากระดาษพลิกไปทีละหน้าดังขึ้นเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง
“คิดให้ดีนะคะ ประธานคิลเลียน”
จักรพรรดินีราวีนีก็เอ่ยพูดขึ้นมา
“ตัดสินใจให้ดี ถ้าไม่อยากเสียใจขึ้นมาทีหลัง”
มันเป็นคำขู่
ว่าหากคิดจะเข้าข้างชานตั้น เซอเชาว์ ในสถานการณ์นี้แล้วละก็ จงเตรียมใจให้ดี
วินาทีนั้นเอง ในแววตาของประธานคิลเลียนก็พลันก่อเกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจทราบความหมายได้พาดผ่าน
และกวาดสายตาอ่านเอกสารต่อโดยไม่เอ่ยตอบอันใด
หลังจากอ่านทุกแผ่นอย่างละเอียดจนจบ ประธานคิลเลียนก็พูดขึ้น
“เอกสารไม่มีสิ่งใดผิดแปลก อย่างที่มีการยื่นคำร้องมา เขตแดนทั้งหลายพวกนี้จะถูกโอนย้ายจากเซอเชาว์ให้ตระกูลบราวน์เป็นผู้ถือครอง”
“ประธานคิลเลียน!”
จักรพรรดินีตวาดลั่นเรียกประธานจนแทบจะกลายเป็นเสียงหวีดร้อง
ทว่าประธานคิลเลียนไม่คิดที่จะให้ความสนใจเลยสักนิด เขาเพียงแค่ส่งมอบเอกสารเหล่านั้นให้แก่เจ้าตระกูลบราวน์แทน
“ปัญหาเรื่องเขตแดนก็แก้ไขได้แล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดให้ต้องคัดค้านการคืนฐานะชนชั้นสูงให้แก่ตระกูลบราวน์อีกต่อไป แน่นอนว่าภาษีชนชั้นสูงที่ค้างชำระนั้น ทางตระกูลลอมบาร์เดียจะเป็นผู้จ่ายแทนให้ใช่มั้ย”
ประธานคิลเลียนพูดพลางหันมามองหน้าเธอ
“จ่ายงวดเดียวด้วยเงินสดเลยค่ะ”
เธอตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี
“ตระกูลที่เห็นด้วยกับการคืนฐานะชนชั้นสูงให้แก่ตระกูลบราวน์อีกครั้ง ขอให้ตอบ ‘เห็นด้วย’ ”
“เห็นด้วยครับ!”
“เห็นด้วย!”
มันเป็นการโจมตีที่ไม่ว่าใครก็ตั้งตัวไม่ทันทั้งสิ้น
“ประธานคิลเลียน! ทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ! ทำแบบนี้ไม่…!”
ดิวอิจลุกขึ้นจากที่นั่ง และตะโกนเสียงดังพลางวิ่งตรงไปยังที่นั่งตำแหน่งประธาน
“ทำไม จะบอกว่าแล้วข้าจะต้องเสียใจขึ้นมาทีหลังหรือไร”
ประธานคิลเลียนหันไปพูดกับดิวอิจด้วยใบหน้าบึ้งตึง คิ้วขมวดแน่นเป็นปม
เห็นได้ชัดเลยว่า คำพูดของจักรพรรดินั้นดูถูกศักดิ์ศรีของเขามากเกินไป จนไปสะกิดต่อมความโกรธของประธานคิลเลียนเข้าแล้วแน่ๆ
ก็สมควรแล้วละ ถึงแม้ประธานคิลเลียนจะดูเป็นคนทึ่มแค่ไหน แต่ยังไงก็ไม่ควรข่มขู่กันต่อหน้าในที่สาธารณะแบบนี้
เธอเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจะยกมือขึ้นสูง
“มีอะไรหรือ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
“สงสัยเรื่องหนึ่งน่ะค่ะ”
ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีแต่ความโกลาหลและความอลหม่านมากพออยู่แล้ว พวกขุนนางทั้งหลายต่างก็หันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าบ่งบอกว่า ‘คราวนี้มีเรื่องอะไรอีกล่ะ’
“เบลเลีย ริโพต้า โรโมล และริออง ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นเขตแดนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยไม่ใช่เหรอคะ”
“นั่นก็ใช่…”
“แล้วแบบนี้ตัวแทนเขตแดนตะวันตกจะกลายเป็นของใครล่ะคะเนี่ย อังเกนัส หรือว่าบราวน์คะ”
“เฮือก!”
เหล่าขุนนางที่เริ่มจะเข้าใจความหมายจากคำถามของเธอ ต่างก็สูดลมหายใจเสียงดังเฮือกด้วยความตกตะลึง
“ลองคิดดูคร่าวๆ แล้ว เขตแดนที่อังเกนัสกับบราวน์ถือครองก็แทบจะครึ่งต่อครึ่งเลยนะคะ”
เธอช่วยอธิบายเสริมต่อให้อย่างใจดี
“จะ จะว่าไปก็จริงนะ…!”
“ตระกูลตัวแทนแต่ละภาค ตัดสินใจกันจากขนาดของเขตแดนในครอบครองเสียด้วยสิ!”
ใช่ นั่นแหละที่เธอต้องการจะพูด
เจ้าตระกูลเซอเชาว์ฉลาดมากทีเดียว เขาจงใจเลือกเอาแต่ที่ดินที่ไร้ราคาและไร้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูก แต่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
“ดะ…เดี๋ยว…”
ประธานคิลเลียนกุมขมับ
“เรื่องนี้มันอยู่นอกเหนืออำนาจของข้า มันไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ในการประชุมสภาขุนนาง”
“ถ้าอย่างนั้นจะทำเช่นไรครับ ท่านประธาน”
ประธานคิลเลียนส่ายหน้าตอบคำถามของขุนนางท่านหนึ่ง
“ยกวาระนี้ขึ้นสู่การประชุมใหญ่ที่ฝ่าบาททรงเป็นผู้นำการประชุมด้วยตัวพระองค์เองเถอะ ใช่แล้ว ใช่แล้ว เป็นเรื่องที่ฝ่าบาทต้องเป็นผู้ตัดสินใจ”
โครม!
เสียงสนั่นดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออกและปิดลงอย่างแรง
พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าตำแหน่งที่นั่งที่จักรพรรดินีเคยนั่งอยู่กลับว่างเปล่าไปเสียแล้ว
คงจะโมโหมากเสียจนต้องปลีกตัวออกไปก่อนจะมีการประกาศเลิกประชุมด้วยซ้ำ
“ไร้มารยาท”
เธอจงใจเดาะลิ้นพูดพึมพำเสียงดังให้คนอื่นๆ ได้ยินกันถ้วนหน้า
“นะ…หน็อย…!”
และนั่นทำเอาดิวอิจ อังเกนัส จ้องเธอเขม็งราวกับอยากจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ ให้ตาย
แล้วทำไม อะไร คิดเหรอว่าจะทำอะไรเธอได้
“เอาละๆ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกประชุมแค่นี้”
พอเห็นว่าบรรยากาศเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ประธานคิลเลียนก็รีบแจ้งปิดการประชุมอย่างรวดเร็ว
“คือว่า ท่านประธานคะ”
“…อะไรอีกล่ะครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
ประธานคิลเลียนหันมามองเธอด้วยใบหน้าเหนื่อยล้าพอสมควร
เธอพูดพลางใช้ปลายนิ้วเคาะเสียงดังก๊อก ก๊อก ทำท่าทุบค้อน
“ต้องเคาะปึง ปึง ด้วยสิคะ”
ต้องรอให้มีการทุบค้อนสองครั้งก่อน ถึงจะถือว่าจบการประชุมอย่างเป็นทางการ
“อา…”
ประธานคิลเลียนก้มลงเหม่อมองค้อนขนาดเล็กอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับมือเคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติ
ปึง! ปึง!
อังเกนัสถูกแย่งเขตแดนไปกว่าครึ่ง ตระกูลบราวน์กลับคืนสู่ฐานะชนชั้นสูง เสียงประกาศสิ้นสุดการประชุมขุนนางอันแสนวุ่นวายดังก้องไปทั่ว