เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 225.1
เล่ม 6 บทที่ 225.1
ตอนที่ 225
เฟเรสเหม่อมองน้ำชาร้อนกรุ่นจนควันขึ้นในขณะที่ครุ่นคิดถึงความทรงจำบางอย่าง
“จำเอาไว้นะ เฟเรส ผู้ที่เป็นคนเลือกองค์รัชทายาทคือจักรพรรดิ เจ้าต้องระวังอย่าทำตัวให้พระองค์เพ่งเล็ง”
พูดอีกแง่ก็คือ ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ ขอให้เขาถอยห่างไปอยู่ข้างหลัง
เพราะกลัวว่าตัวเขาจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วยจากการประจันหน้ากันระหว่างลอมบาร์เดียกับโยบาเนสที่เลือกถือหางข้างฝ่ายอังเกนัส
รอยยิ้มจางแต่งแต้มขึ้นบนมุมปากของเฟเรสอย่างไร้เสียง
มันเป็นเรื่องปกติที่มักจะเกิดขึ้นอยู่แล้วเวลาที่นึกถึงเทียขึ้นมา
‘ช่างโหดร้ายเสียจริง’
ทั้งๆ ที่บอกกับเขาว่า ไม่อาจแต่งงานและสาบานว่าจะเป็นของกันและกันไปชั่วชีวิตได้ แต่ก็ยังเป็นห่วงเขาขนาดนี้
ทั้งๆ ที่ห้ามไม่ให้รักกัน แต่ก็ยังทำตัวน่ารักมากเหลือเกิน
เพราะอย่างนั้นเฟเรสจึงเติมชาอุ่นร้อนลงในแก้วชาของจักรพรรดิที่พร่องไปแล้วกว่าครึ่งเพิ่มอีก
“ว่ามาสิ เจ้าชายลำดับที่สอง”
โยบาเนสพูดพลางจิบชาลงคอเพิ่มหนึ่งจิบ
“ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเจ้าอยากจะพูดเรื่องอะไร”
เฟเรสมองหน้าจักรพรรดิ
สถานการณ์ที่บุคคลที่น่ารังเกียจที่สุดกลับให้ความไว้วางใจเขาในตอนนี้ มันช่างน่าขันเสียจนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
“ลองทอดพระเนตรสิ่งนี้ดูพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เฟเรสหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งที่พับเก็บไว้ในอกเสื้อออกมาส่งให้โยบาเนส
ของสิ่งนั้นคงจะเก็บรักษามาเนิ่นนาน มันเป็นเอกสารฉบับหนึ่งที่ตัวหนังสือเลือนรางไปมากแล้ว
“นี่มันอะไรกัน”
โยบาเนสรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็เริ่มอ่านเอกสารที่เฟเรสส่งให้อย่างช้าๆ
ในกระดาษมีอะไรมากมายถูกเขียนเอาไว้เต็มทั้งแผ่น
หน้าผากของจักรพรรดิขมวดนิ่วลงจนเห็นริ้วรอยเด่นชัด ริมฝีปากเปิดอ้าเอ่ยถามเฟเรส
“ใบสั่งซื้อสินค้ากับกลุ่มการค้าลอมบาร์เดีย”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสพยักหน้าลง
“หนังสัตว์ ไม้ ม้า ธัญพืช และเหล็ก”
โยบาเนสอ่านรายการสินค้าที่เขียนไว้ในเอกสารทีละรายการเสียงทุ้ม
ที่เหลือเป็นเพียงแค่พวกของทั่วไปที่ไม่ว่าใครก็สั่งซื้อได้ทั้งนั้น
แต่รายการหนึ่งในนั้นกลับดึงดูสายตาของโยบาเนส
“เหล็กงั้นหรือ”
จักรพรรดิมองย้ำให้แน่ใจในจำนวนเหล็กที่เขียนไว้ในใบสั่งซื้อ ก่อนจะเอ่ยถามเฟเรส
“มีใครคิดที่จะก่อสงครามหรือไงกัน”
เสียงราบเรียบคล้ายแฝงไปด้วยความขบขันราวกับเป็นเรื่องตลกนั่น แท้จริงแล้วเปี่ยมไปด้วยน้ำเสียงเสียดสี ทว่าเฟเรสยังคงนิ่งสงบเหมือนเคย
“มันอาจจะจางไปหน่อย แต่ด้านล่างสุดมีนามของผู้สั่งซื้ออยู่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทลองทอดพระเนตรดู”
“เจอราร์ด…บราวน์”
นามของอดีตเจ้าตระกูลบราวน์
นัยน์ตาของโยบาเนสเบิกกว้าง และเริ่มกวาดสายตาอ่านเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้ง
“ที่ฝ่าบาทตรัสนั้นถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลบราวน์ในตอนนั้นเตรียมก่อสงคราม”
เฟเรสบอกจักรพรรดิตามตรง
“สินค้าพวกนี้ อดีตเจ้าตระกูลบราวน์ใช้เงินที่ยืมจากอังเกนัส ไปสั่งซื้อสินค้าจากกลุ่มการค้าลอมบาร์เดียพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสใช้สายตาเย็นชามองโยบาเนสที่กำลังอ่านใบสั่งซื้อด้วยใบหน้านิ่ว
“และในสมัยนั้นอาณาจักรก็กำลังเตรียมก่อสงครามกับอาณาจักรรูมัน”
บิดาของโยบาเนส อดีตองค์จักรพรรดิผู้นั้นมีความฝันอยู่เรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือการเอาชนะในสงครามยึดครอง และขยายอาณาเขตของอาณาจักรให้กว้างไกล
แต่อาณาจักรในตอนนั้นยังไม่มีกำลังที่แข็งแกร่งพอจะก่อสงครามยึดครองอาณาจักรอื่นได้ ทว่าอดีตจักรพรรดิก็ยังคงยืนกรานที่จะทำมัน
สุดท้ายจึงยืมมือเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อที่จะได้ก่อสงครามขึ้นให้ได้สำเร็จ
ตระกูลบราวน์เป็นตระกูลที่มอบเสบียงให้มากที่สุดในบรรดาตระกูลเหล่านั้น
“ของสิ่งนี้เจ้า…”
และความจริงที่ว่านั่นย่อมไม่มีทางที่โยบาเนสจะไม่ทราบ เพียงแต่พระองค์ก็แค่เฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ เท่านั้น
“ตระกูลบราวน์เก็บมันไว้พ่ะย่ะค่ะ และกระหม่อมก็ยังได้ยินเรื่องน่าสนใจจากพวกเขาด้วย”
เฟเรสพูดในขณะที่มองนัยน์ตาสั่นเทาของโยบาเนส
“ทั้งเรื่องยืมเงินจากอังเกนัส ทั้งเรื่องที่ช่วยให้อังเกนัสแย่งชิงเอาโฉนดค้ำประกันไปได้ก่อนเวลาที่ควร ทั้งหมดเป็นรับสั่งของอดีตจักรพรรดิ”
ใบหน้าของโยบาเนสแดงก่ำจนไม่อาจจะแดงไปมากกว่านี้ได้อีก
เฟเรสเรียก ‘อดีตจักรพรรดิ’ ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่น แต่คนคนนั้นอย่างไรก็เป็นบิดาของโยบาเนส
โยบาเนสนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเฟเรส
“เจ้าตระกูลบราวน์คิดที่จะใช้เรื่องนี้ข่มขู่ข้าหรือไง ให้เปลี่ยนตัวแทนเขตแดนตะวันตกไปเป็นตระกูลบราวน์”
โยบาเนสโมโหเสียจนอยากจะเพิกถอนการคืนฐานะชนชั้นสูงให้ตระกูลบราวน์มันเสียประเดี๋ยวนี้
แต่เฟเรสกลับส่ายหน้า
“เอกสารฉบับนี้กระหม่อมตั้งใจจะมอบมันให้ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้ข้า…”
“ตระกูลบราวน์อาจจะเป็นตระกูลที่สามารถเป็นภัยต่อฝ่าบาทได้ก็จริง แต่สถานการณ์ก็ไม่เคยบานปลายจนถึงขนาดนั้นมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ทั้งพวกเขาเองก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องราวอันน่าคับแค้นใจที่เก็บไว้มาเนิ่นนาน เพียงแค่เก็บมันไว้กับตัวเท่านั้น”
และเฟเรสก็ยังคงพูดต่อไปราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“แต่หากเรื่องแบบนี้หลุดออกไปถึงหูคนนอก หน้าตาของราชวงศ์จะเป็นเช่นไร ก็เห็นกันได้ชัดอยู่แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิผู้ใช้ความภักดีของผู้ใต้บังคับบัญชา หลอกให้พวกเขาช่วยก่อสงคราม แต่แล้วกลับปิดปากด้วยการสั่งให้กำจัดทิ้งจนล่มสลายไปทั้งตระกูล
“เพราะอย่างนั้นกระหม่อมจึงขอร้องพวกเขา แล้วนำมันมาพ่ะย่ะค่ะ เพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจปล่อยให้เรื่องน่าอับอายของราชวงศ์ที่อาจถูกเปิดเผยออกไปได้ทิ้งไว้แบบนั้นอยู่แล้ว”
หากเรื่องพวกนี้หลุดออกไปละก็
โยบาเนสกำหมัดแน่น เขาไม่อยากแม้แต่จะจินตนาการ
เอกสารซื้อขายที่ถูกเก็บไว้นานยับย่นอยู่ในอุ้งมือ
“กระหม่อมไม่คิดหรอกพ่ะย่ะค่ะ ว่าการตัดสินใจของอดีตจักรพรรดิจะเป็นเรื่องผิดเสียทีเดียว”
เฟเรสเอ่ยพูดอย่างสบายอกสบายใจกับโยบาเนส
“พวกเราก็แค่ต้องเปลี่ยนจากเสร็จศึกฆ่าขุนพล ไปเป็นอย่างอื่นเท่านั้นเอง”
ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นจากด้านนอก ก่อนจะมีเสียงแจ้งว่าถึงเวลาเริ่มประชุมแล้ว
เฟเรสติดกระดุมเสื้อคลุม ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง
“วันนี้ ตัวแทนเขตแดนตะวันตกจะถูกเปลี่ยนมือ”
พูดราวกับเป็นเพียงแค่การคาดเดา
โยบาเนสเงยหน้าขึ้นมองเฟเรส
“จะไม่มีเรื่องให้ฝ่าบาทต้องเสียพระพักตร์ เพียงแค่เพราะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับองค์จักรพรรดินีอย่างแน่นอน กระหม่อมขอกล่าวไว้ล่วงหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสกล่าวทิ้งท้ายไว้แบบนั้น เด็กหนุ่มโค้งศีรษะลง แล้วเดินออกไปยังห้องประชุม
ลำคอแห้งผากพูดอะไรไม่ออก โยบาเนสที่เหลืออยู่คนเดียวในห้องรับรองกรอกชาที่เหลืออยู่ลงคอจนหมดแก้ว
* * *