เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 232.2
เล่ม 6 บทที่ 232.2
“เล่าเรื่องที่เจ้ากระทำลงไปเสีย หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์”
จักรพรรดิโยบาเนสหอบหายใจอย่างยากลำบาก ในขณะที่เอ่ยถามขึ้น
“หม่อมฉัน…”
หัวหน้านางกำนัลโอทัวร์หลับตาทั้งสองข้างแน่น ก่อนจะตอบออกไป
“หม่อมฉันวางยาพิษลงในขวดสุราของฝ่าบาทเพคะ”
“ใครเป็นผู้บงการ”
หัวหน้านางกำนัลยกปลายนิ้วสั่นเทาขึ้นชี้ไปยังจักรพรรดินี
“องค์…จักรพรรดินีเพคะ”
“มะ…ไม่ใช่นะเพคะ!”
จักรพรรดินีหวีดร้องเสียงแหลมจนแทบจะกลายเป็นเสียงตวาด
“ไม่นะเพคะ! นี่จะต้องเป็นการจัดฉากแน่ ฝ่าบาท! นางกำนัลคนนี้กับเจ้าชายลำดับที่สองร่วมมือกันวางแผนใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะ!”
ดูเหมือนจักรพรรดินีเลือกที่จะยืนกรานเสียงแข็งจนถึงที่สุด มากกว่าจะยอมแพ้และจมลงไปในน้ำลึก
“นี่คือขวดยาพิษที่องค์จักรพรรดินีมอบให้หม่อมฉันเพคะ”
หัวหน้านางกำนัลหยิบขวดแก้วใบเล็กขนาดเท่านิ้วออกมาจากแขนเสื้อ
“แค่นี้ไม่อาจใช้เป็นหลักฐานได้เพคะ!”
จักรพรรดินีสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้หัวหน้านางกำนัลอย่างขมขู่
สายตาจับจ้องเขม็งราวกับอยากจะฉีกปากนั่นให้ขาดเป็นชิ้นๆ
นางหลุบตาจ้องหัวหน้านางกำนัล ขณะเดียวกันก็ถามเสียงเย็นเยียบ
“รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำเรื่องบ้าอันใด”
นั่นเป็นคำขู่อย่างชัดเจน
หัวหน้านางกำนัลก้าวถอยไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัว แต่นางก็ยังคงพูดต่อไปทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้านิ่ง
“…องค์จักรพรรดินีมอบยาพิษให้หม่อมฉัน สั่งให้เทมันทั้งหมดผสมลงในขวดสุราของฝ่าบาทเพคะ”
“ฝ่าบาท! หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ!”
คราวนี้จักรพรรดินีรีบเข้าไปใกล้ข้างเตียงของจักรพรรดิ นางร้องคร่ำครวญส่งเสียงอ้อนวอน
“พระองค์จะเชื่อคำพูดของหัวหน้านางกำนัลนั่นมากกว่าคำพูดของหม่อมฉันหรือเพคะ มันเป็นเพียงแค่การวางแผนใส่ร้ายกันอย่างชั่วร้ายเท่านั้นเพคะ ฝ่าบาท!”
และก็เหมือนอย่างเมื่อตอนประชุมใหญ่ นางจับชายแขนเสื้อของจักรพรรดิเอาไว้แน่น
“ได้โปรดเชื่อหม่อมฉันเถอะเพคะ ฝ่าบาท”
ช่างดูน่าสงสารมากเหลือเกิน
เป็นการเล่นละครที่ไม่ว่าใครต่างก็สามารถตกหลุมพรางจนพร้อมที่จะหลงเชื่อ
ในตอนนั้นเอง เฟเรสก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วเอ่ยพูดขึ้น
“หากเป็นหลักฐานละก็ กระหม่อมมีพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ายังไงนะ”
จักรพรรดินีหันหน้าไปทางเฟเรสอย่างรวดเร็วจนแทบจะเกิดเสียงดังขวับ
“นี่เป็นสารที่องค์จักรพรรดินีส่งหาคนสนิท ขอให้ช่วยหา ‘พิษแมงมุมทีที’ พ่ะย่ะค่ะ”
ซองจดหมายสีม่วง มันคือของที่เซรัลมอบให้เธอเป็นการตอบแทนที่ช่วยชีวิตเบเลซักเอาไว้
“เป็นไปไม่ได้”
จักรพรรดินีมองจดหมายที่ถูกส่งถึงพระหัตถ์ของจักรพรรดิอย่างไม่อาจเชื่อในสายตาตัวเอง
“ได้ยังไงกัน…”
จักรพรรดิเหลือบมอบเนื้อหาในสารสั้นๆ
ริมฝีปากสีเขียวคล้ำที่ไม่อาจทำได้แม้แต่หายใจให้เป็นปกติกระตุกยิ้มเยาะไปทางจักรพรรดินีราวีนี
และเสียงพูดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงลมหายใจหอบถี่
“เจ้า กล้าดียังไง”
จักพรรดิปัดมือของจักรพรรดินีที่จับรั้งชายแขนเสื้อของตัวเองออกอย่างรุนแรง ก่อนจะออกรับสั่งทันที
“ลากตัวจักรพรรดินีไปยังคุกใต้ดิน”
อัศวินสองนายที่รออารักขาอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาจับกุมแขนของจักรพรรดินีเอาไว้คนละข้าง
“ปล่อยข้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ปล่อย!”
จักรพรรดินีราวีนีตะเบ็งเสียงลั่นจนเส้นเลือดปูนขึ้นบนลำคอ นางดีดดิ้นขัดขืนไม่หยุด
ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวจนไม่น่ามอง เรือนผมแสนสวยที่เคยม้วนขึ้นเป็นมวยอย่างสมบูรณ์แบบหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง
“อ๊าก! ปล่อย! รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร! ปล่อยข้า!”
จักรพรรดินีราวีนีขัดขืนอย่างรุนแรงจนกระทั่งเหล่าอัศวินเองยังรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วจู่ๆ นางก็ตวัดหน้าจ้ององค์จักรพรรดิที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเขม็ง ก่อนจะเริ่มด่าทอสาปแช่งไม่หยุด
“ไม่ยุติธรรม! โยบาเนส เหตุใดเจ้าจึงไม่ตายๆ ไปเสียที นี่มันไม่ยุติธรรม!”
นัยน์ตาสีฟ้าของจักรพรรดินีบ้าคลั่งไปแล้ว
“ไอ้หมูตอนบ้าตัณหาดีแต่ติดสัด!”
คราวนี้นัยน์ตาโกรธแค้นมองจ้องตรงไปที่เฟเรสแทน
“เฟเรส! ไอ้ชั้นต่ำโสโครก! ข้าน่าจะฆ่าเจ้าให้ตายไปซะพร้อมกับนังแม่ของเจ้า!”
และเริ่มกรีดร้องคร่ำครวญ
“เหตุใดสวรรค์จึงไม่เข้าข้างข้า! เหตุใดจึงได้ขวางทางข้าอยู่เรื่อย! ทำไมกัน!”
หยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้าของจักรพรรดินีที่กรีดเสียงร้องโหยหวนไม่หยุด
โมโหโกรธเคือง คับแค้นใจ กรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง
วินาทีนั้นเอง นัยน์ตาของเธอก็พลันสบเข้ากับนัยน์ตาของจักรพรรดินีที่กำลังโมโหเดือดเข้าพอดี
ใบหน้าของจักรพรรดินีบิดเบี้ยวราวกับปีศาจร้าย นางเปิดปากอ้าออกอย่างช้าๆ
นัยน์ตาสั่นเทาสีฟ้ามองตรงมาที่เธอ
“เจ้านี่เอง”
จักรพรรดินีพึมพำเสียงแผ่วอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า”
เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หลบสายตาของจักรพรรดินี
“ฮ่า…”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังเล็ดลอดออกจากริมฝีปากสั่นระริก
และเพียงครู่เดียวเสียงหัวเราะดังสนั่นก็ดังตามออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
จักรพรรดินีหัวเราะจนตัวโยนราวกับบ้าไปแล้ว
“…น่ารังเกียจเสียจริง ข้าทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว ลากตัวนางไปเสีย”
องค์จักรพรรดิขมวดคิ้วแน่น ออกคำสั่งแก่เหล่าอัศวิน
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
จักรพรรดินีไม่ได้ต่อต้านมือแกร่งของเหล่าอัศวินที่ลากตัวนางออกไปอย่างรุนแรงเหมือนเมื่อครู่นี้อีกแล้ว
“ข้าถูกหลอกนี่เอง! ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ามันโง่เขลานัก!”
เพียงแค่หัวเราะเสียงดังจนตัวโงนเงนไปมาเหมือนคนบ้าเท่านั้น
หยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นในนัยน์ตาของจักรพรรดินีอีกครั้ง
“ฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของจักรพรรดินีที่ถูกลากตัวออกไปดังก้องสะท้อนไปทั่วจากไกลๆ