เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 235.2
เล่ม 6 บทที่ 235.2
“ท่านพ่อ”
ชานาเนสเอ่ยเรียกรูลลัก
เสียงเรียกของบุตรสาว ทำให้รูลลักที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างเฝ้ามองรถม้าที่เทียนั่งออกเดินทางสู่เมืองหลวงหมุนตัวกลับ
“มีเหตุผลอะไรกันคะ ที่ทำให้ฝ่าบาททรงสั่งให้เทียเป็นผู้จัดการเรื่องของตระกูลอังเกนัส”
ชานาเนสซึ่งหวงแหนในตัวหลานสาวเป็นพิเศษรู้สึกสงสัยในจุดประสงค์ที่แท้จริงของโยบาเนส
“ระแวงอำนาจของอังเกนัสมาตลอดชีวิต ตอนนี้กลับมอบหมายงานเช่นนั้นให้ผู้สืบทอดลอมบาร์เดียคนใหม่เป็นผู้รับผิดชอบ”
อำนาจในมือย่อมขึ้นอยู่กับภาระหน้าที่ที่แบกรับ
สำหรับพวกตระกูลชั้นสูงทั้งหลายที่ต้องการอยากได้เงินคืนจากอังเกนัส เทียจะกลายเป็นผู้ครอบครองอำนาจอันล้นพ้นที่พวกเขาต้องก้มศีรษะให้
“เพราะเจ้าชายลำดับที่สอง”
รูลลักตอบเสียงเรียบ
“คงคิดจะให้เก็บความรู้สึกที่มีต่อเทียลงไป ในระหว่างที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งของราชวงศ์กับลอมบาร์เดียน่ะสิ ในที่สุดโยบาเนสก็ทำเรื่องที่ถูกต้องเป็นอย่างคนอื่นเขาบ้างเสียที”
“ท่านพ่อเองก็เห็นด้วยหรือคะ”
“มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้มิใช่หรือ ข้าเองก็เป็นห่วงว่าเทียจะเจ็บปวดใจเหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์บางเรื่องก็ต้องหักห้ามใจ หากคิดจะทำการใหญ่”
รูลลักยกยิ้มด้วยความขมขื่น ทว่าเสียงที่กล่าวออกมากลับหนักแน่น
ทว่าชานาเนสกลับส่ายหน้า
“ครั้งนี้ข้าไม่เห็นด้วยกับท่านพ่อเลยค่ะ”
“เหตุใดกัน”
“เพราะข้าคิดมาตลอดว่า อยากให้เทียได้ครอบครองทุกสิ่งน่ะค่ะ”
ใบหน้าของชานาเนสแย้มยิ้มขมขื่นยามกล่าวเช่นนั้น
“เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย แต่ก็สามารถมีชีวิตร่วมกันกับคนที่รักได้”
ชานาเนสพึงพอใจในชีวิตปัจจุบันของตัวเองมาก
ทำงานเพื่อตระกูล ในแต่ละวันได้รู้จักคุณค่าของชีวิต ไม่ได้สนใจที่ว่างข้างกายอะไรขนาดนั้น
นางเคยเลือกความรักเหนือตระกูล คราวนี้ก็แค่เลือกตระกูลแทนเท่านั้นเอง
แต่เทียไม่ใช่แบบนั้น
“เจ้าชายกับเทียต่างก็มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน ท่านพ่อเองก็น่าจะทราบนี่คะ”
“ข้าเองก็ไม่ได้ตาบอด จะไม่รู้ได้ยังไง”
ถึงแม้หลานสาวจะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นไว้ก็เถอะ แต่ทุกครั้งที่เห็นเจ้าหมาล่าเนื้อนั่น นัยน์ตาของเทียคู่นั้นก็มักจะส่องประกายระยิบระยับ เพราะฉะนั้นต่อให้รู้สึกภูมิใจในตัวหลานสาวที่เลือกจะใช้ชีวิตในฐานะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแทนที่จะใช้ชีวิตคู่กับคนรัก แต่เขาเองก็รู้สึกสงสารนางมากเหมือนกัน
“เทียน่ะ คิดที่จะตัดความสัมพันธ์กับเจ้าชายลำดับที่สอง แล้วใช้ชีวิตเพื่อตระกูลค่ะ เพราะนางเป็นเด็กแบบนั้น”
ชานาเนสพูดกับรูลลักที่ปิดปากแน่น พยักหน้าลง
“แต่เส้นทางที่ท่านพ่อเคยเลือกเดิน ใช้ชีวิตเพื่อตระกูลมาตลอด อยากจะให้เทียเดินไปบนเส้นทางนั้นจริงๆ หรือคะ”
รูลลักไม่อาจตอบอะไรออกไปได้ง่ายๆ
ใช้ชีวิตโดยยอมเสียสละทุกสิ่งเพื่อตระกูล แต่หลายๆ สิ่งที่ต้องสูญเสียไปนั้นกลับเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคนคนหนึ่ง
รูลลักไม่เคยได้ใช้เวลาร่วมกับบุตรหลานตัวน้อย เขายอมรับว่าเขาไม่ใช่บิดาที่ดีเสียเท่าไหร่ และยิ่งไม่ใช่สามีที่ดีพอที่จะคอยดูแลภริยาที่ร่างกายอ่อนแอจนอาการแย่ลงในทุกๆ วัน
ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะลอมบาร์เดีย
เพราะสำหรับรูลลักแล้ว ตระกูลย่อมมาก่อนสิ่งอื่นใด
‘หากมีชีวิตได้ใหม่อีกครั้ง คงไม่ใช้ชีวิตแบบนั้น’
มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และรู้สึกเสียใจอยู่หลายต่อหลายครั้งตอนอยู่ข้างเตียงคนป่วย
หากมีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง
ถึงแม้จะเป็นแค่จินตนาการเพ้อฝัน แต่หากทำได้จริงละก็ เขาคงจะขอโลภมากกว่านี้ จะไม่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะครอบครองเอาไว้ทุกสิ่ง
รูลลักพยักหน้าลงอย่างช้าๆ
“ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกต้องแล้วละ ชานาเนส”
และหลังจากรถม้าเคลื่อนตัวผ่านไป ประตูคฤหาสน์ลอมบาร์เดียก็ปิดลงอย่างเชื่องช้า รูลลักเหม่อมองภาพนั้นไปจนลับสายตา ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้น
“ข้าเองก็เผลอทำให้เทียต้องเสียสละไปโดยไม่รู้ตัวสินะ”
เสียสละความรักที่ไม่มีวันหักห้ามใจได้แม้จะใช้ชีวิตไปจนแก่เฒ่า
ทั้งๆ ที่ตัวรูลลักเองก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองต้องใช้ชีวิตเพียงเพื่อตระกูลอย่างหน้ามืดตามัว แต่เขาก็ยังเอาแต่หวังอยากให้หลานสาวต้องแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ แล้วใช้ชีวิตต่อไปเพื่อลอมบาร์เดียเสียได้
* * *
“เป็นยังไงบ้างคะ เครย์ลีบัน”
เครย์ลีบันถอดแว่นสายตาสำหรับใช้ทำงานที่ไม่ได้สวมมาเสียนานออก ก่อนจะมองเธอยิ้มๆ
เครย์ลีบันผู้มากความสามารถได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘เงินที่ข้าต้องได้รับ ข้าจะไปหามันเองครับ’ แล้วบุกค้นคฤหาสน์อังเกนัสด้วยตัวเองมาตลอดตั้งแต่วันแรก
“กิจการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นครับ ถึงแม้หนี้สินของอังเกนัสจะน่ากลุ้มใจมากกว่าที่คิดก็เถอะ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ดูตรงนี้สิครับ…”
เครย์ลีบันส่งกระดาษหลายแผ่นให้เธอ
“นี่ของใหม่ที่เพิ่งพบวันนี้เหรอคะเนี่ย”
“ครับ ได้มาจากตู้นิรภัยใต้ดิน”
“ให้ตายเถอะ ยิ่งหาก็ยิ่งเจอมากขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย”
ลองพลิกดูเอกสารกู้หนี้ยืมสินฉบับใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ก็ยิ่งรู้สึกสมเพชนัก
ยืมเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง แต่ไม่ระบุระยะเวลาการจ่ายคืน แถมยังไม่มีดอกเบี้ยด้วย
ทั้งยังมีหมายเหตุเพิ่มเติมต่อด้วยว่า ‘หากเกิดสถานการณ์ให้ไม่อาจชำระหนี้สินได้ อังเกนัสจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น’
มันเป็นยอดเงินจำนวนมากพอจะทำให้ตระกูลเหล่านั้นต้องแบกรับภาระอันหนักหนา เรียกได้ว่าปล้นกันชัดๆ จะดีกว่า
เครย์ลีบันเอ่ยพูดกับเธอที่ยังคงเอาแต่อ่านรายละเอียดในกระดาษพวกนั้น
“ไม่ทราบว่าหลังจากนี้พอจะมีเวลาว่างมั้ยครับ”
“เวลาว่างเหรอคะ ถ้ามีเรื่องอะไรจะบอกก็พูดตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ เครย์ลีบัน”
เครย์ลีบันโบกมือทั้งสองข้างเป็นพัลวัน
“ไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรขนาดนั้น เอาไว้งานของท่านฟีเรนเทียเริ่มทรงตัวเมื่อไหร่ ค่อยคุยกันอีกครั้งก็ได้ครับ”
ทำเอาอยากรู้ขึ้นมาเลย
เพราะเครย์ลีบันทำหน้าจริงจังมากตอนพูดกับเธอเนี่ยสิ
เรื่องที่ทำให้เครย์ลีบัน เพลเลส ผู้ไร้เทียมทานกระวนกระวายได้ขนาดนั้น
“คงไม่ใช่เรื่องแย่นะคะ”
“ไม่ใช่…หรอกครับ”
ดูเหมือนเครย์ลีบันเองก็ยังไม่ได้เตรียมใจไว้สักเท่าไหร่
เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้เวลา กว่าจะพูดออกมาจากปากได้นี่นะ
“งั้นก็ได้ค่ะ”
เธอพยักหน้าตกลง แล้วเริ่มเรียบเรียงเนื้อหาในสัญญากู้ยืมเงินอีกครั้ง
แต่แล้วเครย์ลีบันที่กำลังจัดการงานอย่างยุ่งวุ่นวายก็เดินเข้ามาพูดกับเธอ
“ดูท่าจะมีปัญหาแล้วละครับ ท่านฟีเรนเทีย”
* * *
“ต่อให้ขายทรัพย์สินของอังเกนัสทั้งหมด ก็ยังไม่พอจะจ่ายหนี้ที่มีได้”
เฟเรสเลิกคิ้วมองรายงานที่ได้รับจากทางสำนักราชการ
“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย ถึงแม้จะขายอสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ และถอนเงินจากบัญชีทั้งหมดออกมาแล้วก็ตาม…”
“ทรัพย์สินของพวกผู้ใต้บังคับบัญชาล่ะ”
คำถามของเฟเรสทำเอาเจ้าหน้าที่สะดุ้งเฮือก
หากพูดออกมาตามตรงก็คือ ให้จัดการขายทรัพย์สินของบรรดาตระกูลใต้บังคับบัญชาทั้งหลายที่ลงเรือลำเดียวกันกับอังเกนัสด้วยถึงจะถูกต้อง
แต่ถ้าทำเช่นนั้น คงได้เกิดกระแสต่อต้านในสังคมชั้นสูงหนักกว่าเก่าเป็นแน่
“เจ้าชาย เรื่องนั้น…”
พอเห็นเจ้าหน้าที่ไม่ตอบอะไร แถมยังดูมีท่าทางลังเล เฟเรสก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“ทางฝั่งลอมบาร์เดียมีความเห็นเช่นไรกับปัญหาเรื่องที่ว่านี้”
“ยังไม่ได้ลองพูดคุยกับทางนั้นพ่ะย่ะค่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไรทางร้านค้าเพลเลสเองก็ถือเป็นเจ้าหนี้รายหนึ่งมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”
เจ้าหน้าที่ลองถามเลียบเคียงในขณะที่ลอบสังเกตสีหน้าของเฟเรส
“หากทางลอมบาร์เดียทราบเรื่องนี้แล้วขอให้มอบลำดับความสำคัญให้แก่ทางร้านค้าเพลเลสก่อนล่ะพ่ะย่ะค่ะ…”
เงินทองขาดแคลน และยังมีคนอีกมากมายที่รอรับเงินชำระหนี้พวกนั้นอยู่
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ลำดับความสำคัญจะถูกจัดเรียงตามอำนาจของตระกูล
“…ทำตามที่รักษาการเจ้าตระกูลเรียกร้อง”
นึกแล้วเชียว
แต่แล้วในจังหวะที่เจ้าหน้าที่พยักหน้าลง ตั้งใจจะตอบกลับไป
“เจ้าชาย สนทนากันสักครู่ได้มั้ยเพคะ”
เทียที่มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่ากำลังหงุดหงิดน่าดู สาวเท้าเดินเข้ามาในห้องทำงานของเฟเรส