เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 236.2
เล่ม 6 บทที่ 236.2
เฟเรสกวาดสายตาอ่านเนื้อหาในเอกสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ต้องการให้ข้าทำเช่นไรดีครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
ทันใดนั้นฟีเรนเทียก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ ราวกับเฝ้ารอจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว
“ให้ทางราชวงศ์ถอนตัวจากสิทธิ์การเก็บหนี้เงินกู้เพคะ”
“เฮือก!”
คราวนี้บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างก็สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว
และเริ่มลอบสังเกตท่าทีระหว่างฟีเรนเทียกับเฟเรส
ต่อให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหนก็ตาม แต่ออกคำสั่งราชวงศ์แบบนั้นได้ด้วยหรือ
ไม่สิ เพราะเป็นลอมบาร์เดียงั้นหรือ ถึงได้ไม่เป็นอะไร
แต่ถึงอย่างไรเจ้าชายลำดับที่สองก็กำลังจะกลายเป็นองค์รัชทายาทนะ
หรือเป็นเพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเลยมีตำแหน่งสูงกว่า
ความคิดต่างๆ นานาแวบผ่านหัวสมองของเหล่าเจ้าหน้าที่ราชการทั้งหลาย และเทียก็เริ่มกดดันเฟเรสหนักขึ้น
“เรื่องที่จักรพรรดินีกับตระกูลอังเกนัสกู้หนี้ยืมสินอย่างไร้ซึ่งความรับผิดชอบเช่นนี้เกิดขึ้นได้ ทั้งหมดเป็นเพราะราชวงศ์ไม่เคยห้ามปราม ทั้งยังเอาแต่มองข้ามปล่อยผ่านไปเฉยๆ เพคะ”
ถึงแม้จะฟังดูหยาบคายไปเสียหน่อย แต่คำพูดประโยคนั้นก็ไม่มีจุดผิดเลยแม้แต่จุดเดียว
“ตามกฎอาณาจักรแล้ว ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด สิทธิ์ในการทวงหนี้นั้นย่อมมอบให้ทางราชวงศ์เป็นอันดับแรก ดังนั้นเจ้าชายโปรดถอนตัวจากสิทธิ์นั่นเถอะเพคะ ทางราชวงศ์ควรที่จะรับผิดชอบความเลินเล่อของตัวเองด้วยมิใช่หรือเพคะ”
ไม่สิ หยาบคายมากทีเดียว
ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วห้องทำงานจนหนักอึ้ง แต่ฟีเรนเทียก็ไม่มีสีหน้ายอมถอยเลยสักนิด
ทั้งยังเอาแต่จ้องหน้าเฟเรสนิ่ง ไม่แม้แต่จะกะพริบตาเลยสักครั้ง
ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร จักรพรรดินีก็เคยเป็นคนของราชวงศ์ ดังนั้นเรื่องที่พระนางเป็นผู้ก่อ ทางราชวงศ์ก็สมควรต้องมีส่วนรับผิดชอบก็ถูกต้องแล้ว
เฟเรสพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเทีย ก่อนจะเอ่ยตอบ
“…ได้ตามนั้นครับ”
“แต่เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ!”
ไอ้เด็กใหม่นั่น!
เวเทอร์รีบถลึงตาไปทางเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ยืนอยู่แถวประตูอย่างรวดเร็ว
คนที่ส่งเสียงทักท้วงด้วยความไม่พอใจในการตัดสินใจของเฟเรสคนนั้นคือ สปีโอ้ เจ้าหน้าที่ราชการที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหกเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
สปีโอเพิ่งจะอายุได้ 20 ปีหมาดๆ ปกติก็เป็นพวกคนรุ่นใหม่ที่มีนิสัยเลือดร้อนอยู่แล้ว เลยมักจะมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบตัวอยู่บ่อยๆ
สุดท้ายเจ้านั่นก็ก่อเรื่องจนได้
ซ้ำร้ายเจ้าชายลำดับที่สองก็กำลังจ้องสปีโอ้ด้วยนัยน์ตาเย็นชา สีหน้าบึ้งตึง
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ เวเทอร์ก็เป็นเจ้าหน้าที่รุ่นพี่ผู้คอยดูแลรับผิดชอบสปีโอ้ เขาจึงได้แต่หลับตาแน่น
คราวนี้สงสัยเขาคงต้องเขียนจดหมายขออภัยบรรพบุรุษทุกรุ่นแล้วกระมัง
“ไม่พอใจอะไร”
เทียหันไปถามสปีโอ้ มุมปากแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าดูค่อนข้างสนอกสนใจ
“เรื่องนั้น…”
สปีโอ้เหลือบมองเฟเรสเล็กน้อยเพื่อเป็นการขออนุญาต แต่ฟีเรนเทียกลับชิงพูดขึ้นก่อน
“คนที่ถามคือข้า แต่กลับหันไปมองทางอื่นเสียได้ มองหน้าข้าแล้วตอบมาเสีย”
เวเทอร์ที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เงียบๆ ได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่ว
เพราะยังเป็นเด็กใหม่ ถึงได้ไม่เข้าใจโครงสร้างอำนาจอันแปลกประหลาดระหว่างลอมบาร์เดียกับราชวงศ์
แน่นอนว่าตามกฎหมายแล้ว ในห้องนี้คนที่มีฐานะสูงที่สุดย่อมต้องเป็นเจ้าชาย
แต่รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมีอำนาจมากพอที่จะสั่งการเจ้าชายที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ
ที่หญิงสาวเอ่ยเช่นนั้นมันมีความหมายแบบนั้น กำลังบอกว่าในห้องนี้นางเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุด
เจ้าหน้าที่เวเทอร์รีบส่งสายตาตำหนิไปทางสปีโอ้ สั่งให้เด็กหนุ่มตอบคำถามของรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเร็วๆ
“ข้าต้องขอเสียมารยาทแล้วครับ ในความคิดของข้า…”
“ชื่ออะไร”
“ครับ? …”
“พอดีจู่ๆ ก็รู้สึกอยากรู้นามกับตำแหน่งของเจ้าน่ะ”
“ข้า…เจ้าหน้าที่ระดับ 6 ริคกี้ สปีโอ้ ครับ”
“ได้ เจ้าหน้าที่สปีโอ้ ไหนเจ้าลองว่าต่อซิ”
ใบหน้าของสปีโอ้กระตุกเกร็ง
การกล่าวชื่อตัวเองออกไปมันทำให้เจ้าตัวรู้สึกถึงภาระที่กดทับลงมาบนบ่า
ความรับผิดชอบที่แต่ก่อนไม่เคยต้องพึงระวัง
“มะ…มันเหมือนกับรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียกำลังได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้อื่นเอาเสียเลยครับ”
“โฮ่ว ผลประโยชน์ที่ไม่ยุติธรรม”
“เป็นเช่น…นั้นครับ ทั้งเรื่องที่ผลักไสความรับผิดชอบทั้งหมดในการกระทำส่วนตัวขององค์จักรพรรดินี แล้วยังมีเรื่องที่พยายามจะปกป้องผลประโยชน์ของร้านค้าเพลเลส…อีกด้วยครับ”
เสียงค่อยๆ เบาลงจนแทบจะกลายเป็นเสียงมด แต่เจ้าหน้าที่สปีโอ้ก็ยังคงพูดต่อจนจบประโยค
“แล้วถ้าข้าทำให้เจ้าหน้าที่สปีโอ้ต้องเสียผลประโยชน์บ้างล่ะ เจ้าจะทำอย่างไร”
เจ้าหน้าที่สปีโอ้สะดุ้งเฮือกจนตัวโยนเมื่อได้ยินคำกล่าวของฟีเรนเทีย
“จะ…จะทำเช่นนั้นหรือครับ”
และหันไปมองเวเทอร์ซึ่งเป็นรุ่นพี่ด้วยใบหน้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
แต่เวเทอร์กลับหลบสายตา
ในตอนนั้นเอง ฟีเรนเทียก็ยกยิ้ม ในขณะที่หันไปพูดกับเครย์ลีบันแทน
“เครย์ลีบัน ช่วยส่งเอกสารข้อเสนอให้เจ้าชายทีค่ะ”
เอกสารหลายฉบับถูกมอบให้เฟเรสทันที
“ร้านค้าเพลเลสจะขอรับเงินคืนจากอังเกนัสเพียงแค่ครึ่งเดียวเพคะ ส่วนที่เหลือขอแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นแทน”
“…กลุ่มการค้าดิวรัก”
“เพคะ เงื่อนไขมีแค่ว่า ขอให้มอบสิทธิ์ในการทำธุรกิจของกลุ่มการค้าดิวรักทั้งหมดให้แก่ทางร้านค้าเพลเลสก็พอ”
เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างก็พยักหน้าหงึกหงักโดยไม่รู้ตัว
ร้านค้าภายใต้กลุ่มการค้าดิวรักที่ไร้ซึ่งผู้นำอย่างตระกูลอังเกนัส ตอนนี้ย่อมไม่มีค่าอะไรให้แลกเปลี่ยนเป็นเงินทองได้ในทันที แต่มันยังเหลืออยู่สิ่งหนึ่งที่ยังพอใช้ประโยชน์ได้บ้าง
“พูดถึงกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีสินะครับ”
เฟเรสเอ่ยเสียงทุ้ม
“วัสดุผ้าฝ้ายโคโรอีของกลุ่มการค้าดิวรักที่ประชาชนทั่วอาณาจักรสวมใส่เพคะ ทางร้านค้าเพลเลสจะขอรับช่วงต่อ แล้วจัดการผลิตมันต่อไปเพคะ หัวหน้ากลุ่มการค้าเพลเลสของหม่อมฉันเองก็มีประสบการณ์เคยช่วยเหลือกิจการผ้าฝ้ายโคโรอีตั้งแต่ช่วงยุคแรกเริ่มอยู่แล้ว ดังนั้นพระองค์ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการค้าของพวกเราเลย”
“ถ้าทำแบบนั้น เงินที่จะคืนให้กับตระกูลชั้นสูงตระกูลต่างๆ ก็จะมีเพิ่มขึ้น”
“ร้านค้าเพลเลสถือสิทธิ์ในการเรียกคืนเงินกู้สูงที่สุด ก็คงจะเป็นตามนั้นเพคะ”
เทียเอ่ยพูดอย่างอ้อยอิ่ง ทำท่าราวกับว่าอย่างไรนั่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
เฟเรสกระตุกยิ้มจาง เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความจริงในใจของหญิงสาว
“ทำตามที่ต้องการเถอะครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
ได้ยินเฟเรสตอบตกลง เทียก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง
ไม่มีธุระอะไรให้ต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก
หญิงสาวเดินตรงออกไปนอกห้องทำงาน ระหว่างทางก็หยุดชะงักหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่สปีโอ้
“ระวังตัวอย่าได้บุ่มบ่ามใจร้อนเกินไป ถึงเจ้าจะน่าชมเชยที่กล้าพูดในเรื่องที่ถูกต้องก็เถอะ”
“ขะ…ขอบคุณครับ”
เจ้าหน้าที่สปีโอ้ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าแดงก่ำเอาไว้
ฟีเรนเทียออกไปจากห้อง ภายในห้องทำงานเงียบสงัด เจ้าหน้าที่เวเทอร์ลูบใบหน้าตัวเองด้วยความงุนงงเมื่อพบว่าตนกำลังยิ้มอยู่เสียอย่างนั้น
และเมื่อได้เห็นเจ้าชายที่เคยแผ่รัศมีเย็นชาไปทั่วห้องกำลังแย้มรอยยิ้มจาง เวเทอร์ก็ตระหนักได้ว่ารุ่นพี่ไรอันกล่าวถูกต้องแล้ว
เป็นหญิงสาวที่จับเจ้าชายลำดับที่สองผู้น่ากลัวเอาไว้ได้อยู่หมัดจริงๆ
กระทั่งวิธีการคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างราชวงศ์กับชนชั้นสูง ก็ยังช่วยหาวิธีให้ได้อย่างชาญฉลาด
และเจ้าหน้าที่เวเทอร์ก็หยุดครุ่นคิด
‘ถ้าท่านนั้นขึ้นเป็นจักรพรรดินีในอนาคตละก็ คงจะเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว’
* * *
หัวสมองเจ็บจี๊ดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง เพราะดื่มเหล้าเมามายตลอดวันตลอดคืน
เบเจอร์พยายามกลืนความรู้สึกคลื่นเหียนกลับลงท้อง ในขณะที่เอื้อมมือไปยกแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มอึกใหญ่
ไม่ได้พบหน้าบิดาเสียตั้งนาน จะมาอาเจียนเอาตอนนี้ได้ยังไง
รูลลักเหม่อมองเบเจอร์ด้วยนัยน์ตาซับซ้อน ก่อนจะเปิดปากอ้าออกอย่างช้าๆ
“ออกไปจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเสียเถอะ เบเจอร์”