เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 242.1
เล่ม 6 บทที่ 242.1
ตอนที่ 242
เฟเรสตามหลังเธอมาเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
เธอเองก็พยายามเดินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่จะสลัดเฟเรสให้หลุดได้
สุดท้ายรถม้าก็ออกเดินทางโดยมีเฟเรสติดสอยห้อยตามมาด้วย
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเด็กหนุ่มนั่งอยู่ข้างกาย แต่เธอก็ไม่แม้แต่จะเหลียวหน้าหันไปมองทางด้านนั้น
หลังจากที่นั่งห่างออกมาจนแทบจะรวมร่างกับหน้าต่าง ก็ไม่หันไปมองเฟเรสเลยสักครั้ง
เธอไม่อยากให้เขาเห็นหน้าเธอตอนนี้
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่พูดอะไรหรอก แต่คนที่เป็นฝ่ายเปิดปากชวนคุยก่อน หลังจากกระแอมไอเบาๆ สุดท้ายก็เป็นตัวเธอเองนี่แหละ
ก็สายตากระวนกระวายใจของเฟเรสมันเว้าวอนมากเสียจนบีบคั้นให้เธอต้องทำนี่นะ
“…ตามมาทำไม”
โล่งอกที่เสียงของเธอยังนิ่งเป็นปกติดี
“น่าจะยุ่งเพราะมีนัดอยู่ก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ”
รู้สึกน้อยใจขึ้นมาอีกแล้ว
พอนึกถึงภาพเด็กหนุ่มที่รีบร้อนพุ่งออกไปราวกับลูกธนูทันทีที่การประชุมจบลง แต่กลับมาอยู่ด้วยกันกับราโมนาเสียได้ มันทำให้จู่ๆ ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะโกรธเขาเสียหน่อย
“ลงไปก่อนที่รถม้าจะพ้นเขตพระราชวัง…ฮึก”
อา พังหมดแล้ว
อุตส่าห์อดทนได้ดีแล้วแท้ๆ
พยายามห้ามน้ำมูกน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่สุดท้ายความรู้สึกโดยธรรมชาติของร่างกายก็เป็นฝ่ายชนะ
“…เทีย”
เสียงของเฟเรสที่ขยับเข้ามาใกล้สั่นเทา
และรู้สึกได้ถึงมือของเขาที่เอื้อมมาหาเธออย่างระมัดระวัง
“ทำไม มีอะไร”
เธอพลิกตัวหลบ ตอบเสียงเรียบเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่กลับหลอกเด็กหนุ่มไม่ได้
มือสั่นเทาไม่ต่างจากเสียงของเจ้าตัวคู่นั้น เอื้อมมาจับหน้าเธอให้หันไปหาตัวเอง
สุดท้ายเฟเรสก็เห็นหน้าเธอเข้าจนได้
มองเห็นนัยน์ตาสีแดงของเด็กหนุ่มผ่านสายตาพร่าเลือน
นัยน์ตาสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหว
เฟเรสเอาแต่มองหน้าเธอด้วยใบหน้าตื่นตกใจ
เด็กหนุ่มหยุดนิ่งไปไม่ขยับ เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า
“…ร้องไห้?”
“เปล่า ไม่ได้ร้อง”
เธอพูดพลางใช้แขนเสื้อถูหน้าไปด้วย แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย
“ฮึก”
น้ำตาไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย
เมินความรู้สึกของเธอที่ไม่อยากจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าเฟเรส หยาดน้ำตาเอาแต่ไหลรินลงมาไม่หยุด
เพราะอับอายหรือไงกัน
“เทีย อย่าร้องไห้ หากเจ้าร้อง…”
เฟเรสขมวดคิ้วช่วยซับน้ำตาให้เธอ
ใบหน้าเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกใครใช้ค้อนทุบลงมาอย่างแรง
ทั้งๆ ที่ไม่อาจคาดเดาเหตุผลได้สักหน่อยว่าทำไมเธอถึงร้องไห้
“ร้องไห้…ทำไม”
ดูสิ
ทำเอาเธอโมโหตัวเองขึ้นมาเลย
ร้องไห้ทำไมกัน เธอเป็นคนตัดสินใจเองแท้ๆ
ทั้งๆ ที่ตั้งใจแน่วแน่แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะยอมรับมันให้ได้น่ะ
“เทีย ได้โปรด บอกข้าเถอะ”
ในตอนนั้นเอง เฟเรสก็ดึงมือเธอไปจับไว้แน่น
มือที่มักจะอบอุ่นอยู่เสมอกลับเย็นเฉียบ มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกสิ้นหวังมากแค่ไหน
แต่ถึงยังไงก็บอกออกไปไม่ได้เด็ดขาด
เธอตั้งใจแน่วแน่แบบนั้น แต่ร่างกายมันกลับทรยศเธออีกแล้ว
“เฟรส เจ้ายิ้มให้คนอื่น”
“…หืม”
“เจ้ายิ้มให้คนอื่นข้างกาย ไม่ใช่ข้า เจ้าน่ะ”
“เรื่องนั้น…”
เฟเรสมีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย
เธอส่ายหน้ารัว ชิงพูดขึ้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกมา
“ข้าเองก็รู้นะ รู้ว่าตอนนี้ข้าทำตัวโง่เง่าขนาดไหน”
มันก็แค่ใบหน้ายิ้มแย้มเองไม่ใช่เหรอไง
ถึงจะเป็นเฟเรสที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้เห็นก็เถอะ แต่เขาก็สนิทสนมกับราโมนามาตั้งกี่ปีแล้วตั้งแต่รู้จักกันที่อะคาเดมี
พวกเขาอาจจะสนิทสนมกันมากกว่าที่เธอคิดก็ได้
“ข้าก็รู้นะ แต่มันแปลกมากจริงๆ หัวใจของข้า มันแปลกๆ”
พูดตามตรงก็คือ เธอหวาดกลัวมาก
“ขอโทษนะ เฟเรส แต่ข้าไม่มั่นใจแล้วละ”
“มั่นใจ?”
“ไม่มั่นใจว่าจะทนมองเจ้าอยู่กับคนอื่นได้”
หยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาบนนัยน์ตาของเธอที่พูดออกมาแบบนั้นอีกครั้ง
ไม่มีเวลาให้ทันได้หักห้ามใจเลย
“อา”
พอเธอเริ่มร้องไห้อีกรอบ เฟเรสก็ทำตัวไม่ถูก
มือสั่นเทาช่วยซับหยาดน้ำตาให้ แต่ตัวเขาเองกลับดูเจ็บปวดยิ่งกว่า
เธอดึงรั้งชายเสื้อของเฟเรสเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น
“ข้าไม่อยากให้เจ้ามีคนที่สำคัญกว่าข้าเลย”
ปลายนิ้วของเฟเรสที่ช่วยเช็ดน้ำตาบนแก้มของเธอหยุดชะงัก และเปลี่ยนมาโอบกอดเธอเอาไว้แน่น
“ข้าสาบาน”
มือใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่นจนพวกเราไม่อาจขยับเข้าใกล้กันได้แนบชิดไปมากกว่านี้อีก
“จะไม่มีใครสำคัญมากไปกว่าเจ้าทั้งสิ้น ทั้งตอนนี้ ทั้งในอนาคต ตลอดกาล”
และนัยน์ตาสีแดงคู่นั้นก็มองจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ
“แค่เจ้าร้องไห้ออกมาเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายอยู่แล้ว…”