เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 249.1
เล่ม 6 บทที่ 249.1
ตอนที่ 249
“เรื่องที่ต้องทำ”
“อึก เจ้า!”
เธอผละมือออกด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกได้ว่าเฟเรสกำลังจะพูดอะไรบางอย่างจากใต้ฝ่ามือของเธอ
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ยถาม
“เรื่องที่ต้องทำคืออะไรกัน”
ความปรารถนาอันแรงกล้าสาดส่องออกมาจากนัยน์ตาของเฟเรสราวกับเลเซอร์พุ่ง เด็กหนุ่มทำท่าเหมือนกับถ้าเธอยอมบอกออกมาละก็ เขาจะวิ่งไปจัดการงานนั่นให้เสร็จทันทีประเดี๋ยวนี้เลย
“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าทำได้หรอกน่ะ ข้าต้องเป็นคนทำ”
เฟเรสหลุบตาลง สีหน้าหมองหม่น
แต่ก็ยังดูหล่อมากอยู่ดีนะเนี่ย
เธอลูบแก้มเฟเรสเบาๆ
“พอดีว่าคู่หมั้นข้าไม่ใช่คนธรรมดา ก็เลยมีเรื่องให้ต้องเตรียมการหลายเรื่องหน่อย”
“เทีย ถ้าเป็นเพราะพวกชนชั้นสูงละก็ เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรก็ได้ เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าขัดราชพินัยกรรมของจักรพรรดิได้อยู่ดี”
เฟเรสกล่าวอย่างเป็นกังวล
“ข้ารู้ แต่ศักดิ์ศรีข้ามันไม่ยอมให้เอาแต่หลบซ่อนโดยใช้ของแบบนั้นเป็นโล่หรอกนะ”
“อืมมมม”
เฟเรสเม้มปากแน่นอีกครั้ง
เธอรู้ดีว่ามันเป็นนิสัยของเด็กหนุ่มที่มักจะทำเป็นประจำด้วยความเคยชินเวลาที่มัวแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่ไม่อาจพูดออกมาได้
เธอโยนคำถามออกไป พยายามล้วงความคิดในใจของเขา
“แต่ก็แบบนะ เฟเรส ข้าตกใจจริงๆ นะ”
“อะไรหรือ”
“กว่าจะได้รับราชพินัยกรรมแบบนี้ ปกติน่าจะต้องต่อสู้กับจักรพรรดิเป็นเวลานานมากแท้ๆ ข้านึกว่าเจ้าจะอยากได้บัลลังก์มากกว่าเสียอีก”
“อา”
เฟเรสหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
“เทีย ไม่มีสิ่งใดสำคัญกับข้าไปมากกว่าการได้อยู่ด้วยกันกับเจ้า เพราะฉะนั้นหากฝ่าบาทไม่ยอมเขียนราชพินัยกรรมให้ ข้าก็ตั้งใจว่าจะออกจากวังจริงๆ”
ใช่แล้วละ นั่นถึงจะเข้ากับนิสัยของเฟเรสที่เธอรู้จักมากกว่า
“แต่ว่า”
รอยยิ้มจางค่อยๆ แต่งแต้มขึ้นบนริมฝีปากของเฟเรส
“เทีย เจ้าคงเป็นคนเปลี่ยนแปลงข้า”
“ข้าเหรอ”
เฟเรสช่วยอธิบายให้เธอที่กำลังสับสนได้เข้าใจ
“เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้า ยาที่เจ้ามอบให้ข้าในวันนั้นมันเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง”
ปลายนิ้วของเฟเรสลูบหน้าผากมนของเธออย่างอ่อนโยน
“ข้าเคยคิดว่า หากข้าขึ้นครองบัลลังก์ได้ละก็ บางทีข้าคงสามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย เหมือนอย่างที่เจ้าช่วยข้าเอาไว้ก็ได้”
เฟเรสดึงมือของเธอเข้าหาตัว ก่อนจะจุมพิตลงบนปลายนิ้ว
“เพราะยาขวดนั้นที่เจ้าทิ้งไว้ให้ข้า มันเป็นของที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ยังไงล่ะ”
เสียงพูดพึมพำที่ปลายนิ้วช่างอบอุ่นเหลือเกิน
เฟเรสประทับริมฝีปากไล้ตามเรียวนิ้วของเธอ ก่อนจะมองสบตาเธอพร้อมกับเอ่ยพูดขึ้น
“ข้าเองก็มีเรื่องอยากถามเจ้าเหมือนกัน”
“อะ…อะไร”
เธอพูดตะกุกตะกักโดยไม่รู้ตัว
เวลาที่เฟเรสมองเธอด้วยนัยน์ตาหวานซึ้งนั่นทีไร หัวใจมันเอาแต่เต้นเสียงดังโครมครามอย่างไม่อาจควบคุมได้ทุกทีเลย
“ทำไมถึงได้ยอมตอบรับคำขอแต่งงานของข้าล่ะ”
“อา เรื่องนั้นความจริงแล้ว…”
ความรู้สึกน้อยใจที่เผลอลืมไปพลันถาโถมเข้าใส่อีกครั้ง
“ข้าเองก็มาที่พระราชวังเพราะตั้งใจจะขอเจ้าแต่งงานเนี่ยแหละ แต่เพราะเจ้าชิงขอข้าก่อน ก็เลยได้แต่ตอบรับอย่างรวดเร็วแทน”
น้อยใจ น้อยใจจริงๆ
เธอเองก็อยากจะขอแต่งงานเท่ๆ เหมือนกันนะ!
แน่นอนว่าเธออาจจะดูเท่แบบเขาไม่ได้ เพราะไม่สามารถหาแหวนพกติดตัวมาได้เหมือนอย่างที่เฟเรสทำ
เธอครุ่นคิดในขณะที่ก้มลงมองแหวนที่ส่องประกายระยิบระยับอย่างงดงามอยู่บนนิ้วนาง
“อ๊ะ แน่นอนว่าเจ้าขอแต่งงานได้เยี่ยมที่สุดเลย ถึงกับได้ราชพินัยกรรมมาด้วยแบบนี้เนี่ย”
เงยหน้าขึ้นเหม่อมองหน้าของเฟเรสนิ่ง
จู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ต่อไปเธอจะได้มองใบหน้าตรงหน้านี่จนแก่เฒ่าเลยสินะ
ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ เหลือเพียงแค่ความปีติยินดี
เมื่ออายุมากขึ้นและแก่ชราจนถึงช่วงบั้นปลายชีวิต เธอจะมีความทรงจำร่วมกันกับเฟเรสมากมาย
“ก็แค่ตระหนักได้น่ะ”
เธอมองเฟเรสยิ้มๆ
“ว่าข้ามีชีวิตได้เพียงแค่รอบเดียว”
“เทีย”
เฟเรสดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้แน่นอีกครั้ง เขาจุมพิตลงบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
เธอไม่ได้ผลักไสเด็กหนุ่ม
ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเสียหน่อย
ตอนนี้พวกเราเองก็สัญญาว่าจะแต่งงานกันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหวงเนื้อหวงตัวอะไรกันอีก
เธอเองก็กอดตอบเฟเรสแน่นเหมือนกัน
“ข้ากลัว”
เฟเรสสารภาพเสียงแผ่วข้างใบหูเธอ
“ถึงเจ้าจะบอกว่ารักข้าก็เถอะ แต่ข้ากลัวว่าเรื่องแต่งงานเจ้าจะยังยืนกรานที่จะปฏิเสธจนถึงที่สุด”
“ข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง”
เธอยืนยันหนักแน่น
“ข้าไม่คิดจะทำให้ลูกข้ากลายเป็นบุตรนอกสมรสหรอกนะ”
เธอเติบโตขึ้นมาโดยได้รับความรักอย่างล้นหลามจากท่านพ่อ และวันนี้ก็ได้ทราบความจริงเกี่ยวกับท่านแม่
ว่าท่านเป็นคนที่รักเธอกับท่านพ่อมากจนยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเอง
เพราะอย่างนั้นเธอจึงไม่ได้มีปมด้อยอะไรเกี่ยวกับการที่ต้องเป็นบุตรที่ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในครอบครัว แต่หากถามว่าอยากจะทำให้ลูกของตัวเองต้องเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกันหรือเปล่า มันเป็นคนละคำถามกัน
“เพราะลูกข้าจะต้องไม่มีจุดด่างพร้อย”
ถึงแม้เธอจะไม่สามารถมองเห็นลูกของตัวเองในอนาคตได้เหมือนท่านแม่ก็ตาม แต่ถ้าเป็นไปได้ เธอก็อยากจะมอบแต่สิ่งดีๆ ให้เด็กคนนั้น