เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 250.1
เล่ม 6 บทที่ 250.1
ตอนที่ 250
เหล่าเจ้าตระกูลจากตระกูลใต้บังคับบัญชาทั้งหลายต่างก็นั่งประจำตำแหน่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา ก่อนจะถึงเวลานัดหมายที่พ่อบ้านโยฮันแจ้งไว้เสียอีก
ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอกกล่าว บรรยากาศภายในห้องก็ค่อยๆ สงบลงโดยธรรมชาติ ทุกคนเพียงแค่มองหน้าเธออยู่เงียบๆ
เธอเองก็หันไปมองหน้าพวกเขาทีละคนโดยไม่พูดอะไร
คนเหล่านี้คือบุคคลที่ช่วยนำพาตระกูลลอมบาร์เดียให้ยิ่งใหญ่มาได้จนถึงทุกวันนี้
ฉากที่จนถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนมีเพียงแค่ท่านปู่เท่านั้นที่สามารถรับชมได้ ตอนนี้เธอกำลังเฝ้ามองฉากที่ว่านั่นอยู่
เธอเอ่ยพูดหยอกล้อออกไป
“ได้พบกันแบบนี้แล้ว ทุกคนดูแปลกตาไปเล็กน้อยนะ เหมือนคนที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรกเลย”
“ฮ่าฮ่า”
คำหยอกเย้าของเธอช่วยให้ความตึงเครียดในห้องประชุมจางหายไป ในขณะที่ทุกคนต่างก็หัวเราะกันเสียงแผ่วอย่างสบายอารมณ์
“ทั้งๆ ที่ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ต่างก็เป็นคนที่ข้าเคยเห็นหน้ามาตั้งแต่เด็กแล้วแท้ๆ”
“พวกเราเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันครับ”
เจ้าตระกูลเบรย์กล่าว
เธอพยักหน้าเห็นด้วย
“จริง และต่อไปก็คงจะเป็นแบบนั้นสินะ ท่านชายทั้งหลายต้องถูกเด็กน้อยที่ได้เห็นมาตั้งแต่เล็กออกคำสั่งโน่นนี่ ข้าเองก็ต้องสั่งงานยากๆ กับทุกท่านที่เป็นดั่งญาติผู้ใหญ่ที่ได้พบเจอตั้งแต่เด็ก”
ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“แต่ถึงตอนนั้นขอให้เชื่อมั่นในตัวข้า หากท่านชายทั้งหลายเชื่อมั่นและติดตามข้าละก็ ข้าจะตอบแทนด้วยการทำให้ตระกูลนี้ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิม”
ทุกคนรับฟังนิ่งโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา
พวกเขามองเธอด้วยแววตาเปี่ยมความศรัทธาและความรัก
สายตานั่นเป็นเสมือนคำสัญญาที่มอบให้แก่เธอ
คำมั่นสัญญาจากตระกูลใต้บังคับบัญชาว่าต่อไปก็จะคอยช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถ
แบบนี้เธอจะยังต้องพูดอะไรอีกล่ะ
หลังจากพยักหน้าลงหนึ่งครั้งแทนความหมายว่าเธอรับคำมั่นจากพวกเขาแล้ว จึงค่อยเปิดปากพูดต่อ
“เช่นนั้นก็เริ่มประชุมกันเถอะ”
บรรดาเจ้าตระกูลเริ่มทยอยกันรายงานสถานการณ์และแผนงานของแต่ละตระกูลกันทีละคน
ยิ่งการประชุมดำเนินต่อไป เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ของท่านปู่
‘ไม่นึกเลยว่าจะจัดการทุกอย่างเอาไว้รอเธอก่อนแล้วแบบนี้’
กิจการหลักๆ ของแต่ละตระกูลถูกจัดการเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว
ไม่เหลือเรื่องหนักหนาอะไรให้เธอต้องลำบากมานั่งตามดูแล เพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ของแต่ละตระกูลเลย
ตอนนี้แต่ละตระกูลก็เหลือแค่รอคำสั่งของเจ้าตระกูลคนใหม่เพียงอย่างเดียว ราวกับหนังสือที่ถูกอ่านจนจบบทไปแล้ว
กระดาษแผ่นที่เหลือหลังจากนั้นขอเพียงแค่เธอเขียนเรื่องราวของตัวเองลงไปก็พอ
งานวันนี้จบเมื่อไหร่ สงสัยคงต้องแวะไปนวดไหล่ให้ท่านปู่หน่อยแล้วละ
ท่านปู่เองก็คงจะรอให้เธอไปเล่าเรื่องราวในฐานะเจ้าตระกูลวันแรกให้ฟังอยู่เหมือนกัน
การประชุมกินเวลายืดเยื้อนานกว่าปกติ
แต่อย่างไรก็เป็นการประชุมเจ้าตระกูลครั้งแรก ทุกคนเลยดูเหมือนจะเตรียมใจกันมาก่อนแล้ว จึงไม่มีใครมีสีหน้าร้อนรนเลยสักคน และเมื่อใกล้จบการประชุม เธอก็กระแอมไอเสียงค่อย ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น
“อะแฮ่ม ข้ามีเรื่องอยากจะบอกน่ะ”
“เชิญกล่าวมาได้เลยครับ ท่านเจ้าตระกูล”
เครย์ลีบันที่กำลังจัดเก็บกระดาษจดโน้ตการประชุมเอ่ยพูดกับเธอ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของข้าก็จริง แต่ในเมื่อเป็นเจ้าตระกูลแล้ว จะเรียกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมันก็ไม่ถูกนัก ดังนั้นเลยอยากบอกให้ท่านชายทั้งหลายทราบไว้”
ฮู่ว ตื่นเต้นจัง
ความคิดเห็นของเหล่าเจ้าตระกูลใต้บังคับบัญชาอย่างไรก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
หากพวกเขาไม่เชื่อใจเธอ เธออาจจะไม่สามารถทำงานในฐานะเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียได้อย่างลุล่วงก็ได้
เธอถอนหายใจเสียงแผ่วเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเอ่ยพูด
“ข้าหมั้นแล้วละ”
…แปลกจัง ทำไมไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะเนี่ย
บรรดาเจ้าตระกูลต่างก็นิ่งเงียบจนน่าแปลก หลังจากนั้นพวกเขาก็มองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั่งอยู่ตรงข้าม มองหน้ากันไปมาอยู่อย่างนั้น
“แบบว่า ทุกท่านก็น่าจะทราบกันอยู่แล้วมิใช่หรือครับ”
“วันนี้ท่านเองก็สวมแหวนวงใหม่ด้วย ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
และเจ้าตระกูลเฮย์ลิ่งก็ถามขึ้นเพื่อความมั่นใจ
“เจ้าชายลำดับที่สองใช่มั้ยครับ”
“คนที่กล้าขอท่านเจ้าตระกูลแต่งงาน นอกจากเจ้าชายแล้วจะมีใครได้อีกล่ะ”
“นั่นก็จริง”
พวกเขาเอาแต่พูดคุยกันเอง เมื่อได้บทสรุปก็พากันหันมามองหน้าเธอ
นัยน์ตากำลังกล่าวว่า ‘แล้วยังไงต่อหรือครับ’
“อืมมมม”
คราวนี้กลับกลายเป็นเธอที่ต้องเป็นฝ่ายตกใจ
“ไม่คัดค้าน…เหรอ”
มันเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างลอมบาร์เดียกับราชวงศ์
พวกชนชั้นสูงคนอื่นๆ น่ะช่างเถอะ แต่นี่เธออุตส่าห์เตรียมใจว่าอย่างน้อยในลอมบาร์เดียก็จะต้องมีความเห็นขัดแย้งบ้างไม่มากก็น้อย
“คัดค้านหรือครับ”
คลังก์ เดวอน เบิกตากว้าง เขาหันไปมองเลอมาเบาว์ วิลเคย์ ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอียงคอด้วยความงุนงง
เจ้าตระกูลวิลเคย์ผู้ใจเย็นกว่าเจ้าตระกูลคลังก์ เดวอน เล็กน้อยจึงเป็นฝ่ายเอ่ยพูดแทน
“ท่านเจ้าตระกูลเพียงแค่ทำตามที่ตัวเองต้องการก็พอครับ อย่างไรก็เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมิใช่หรือครับ”
เจ้าตระกูลคนอื่นๆ เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่สิ ถ้าไม่ชอบใจก็บอกว่าไม่ชอบมาตามตรงเถอะ”
เพราะเธอเองก็อยากฟังความเห็นจากใจของเจ้าตระกูลแต่ละคนเหมือนกัน
แต่คลังก์ เดวอน กลับขมวดคิ้วมุ่น แล้วเอ่ยถามเธอ
“หรือมีชนชั้นสูงตระกูลใดเสนอหน้าคัดค้านขึ้นมาแล้วครับ”
เดิมทีคลังก์ เดวอน ก็มีร่างกายสูงใหญ่ดูแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว พอทำหน้าแบบนั้นเลยยิ่งดูดุดันน่ากลัวมากเข้าไปใหญ่
ขณะเดียวกันบรรยากาศของเจ้าตระกูลคนอื่นๆ เองก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมาทันตา
“ใครกันครับ ใครมันกล้าคัดค้าน”
เจ้าตระกูลเฮย์ลิ่งเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ
“ตั้งแต่ไหนแต่ไร พอลอมบาร์เดียกับราชวงศ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันหน่อย ก็จะต้องมีพวกก่อความวุ่นวายคัดค้านขึ้นมากันทุกที เอาแต่โวยวายว่าถ้าอำนาจของลอมบาร์เดียยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้แล้วจะทำเช่นไร!”
“ใช่แล้ว ทำอย่างกับว่าลอมบาร์เดียจ้องอยากได้บัลลังก์!”
ที่ผ่านมาคงจะเก็บกดกันน่าดู คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง
“ว่ากันตามตรง เหตุใดลอมบาร์เดียจะต้องอยากได้ของแบบนั้นด้วย!”
“ถ้าอยากได้จริงๆ คงลงมือไปนานแล้วใช่มั้ยล่ะครับ”
คำสบถดูหมิ่นต่างๆ นานาที่ไม่สมควรจะได้ยินในห้องประชุมลอมบาร์เดียดังขึ้นไปทั่วห้อง
“ท่านเจ้าตระกูล”
ในตอนนั้นเอง เครย์ลีบันที่นั่งฟังพวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ ก็เอ่ยเรียกเธอ
นัยน์ตาสีฟ้าหลังแว่นตาดูติดจะเย็นชามากเป็นพิเศษ
“มีหลายวิธีที่จะปิดปากไม่ให้พวกชนชั้นสูงเอ่ยได้กระทั่งคำว่า ‘คัด’ จากคัดค้านได้อยู่นะครับ”
ได้ยินเครย์ลีบันพูดแบบนั้น ตระกูลเบรย์ผู้รับผิดชอบกิจการธนาคารลอมบาร์เดียก็รีบออกความเห็นอย่างรวดเร็ว
“คนที่ค้างชำระดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ในตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่ตระกูลสองตระกูลเสียด้วย ให้ส่งใบทวงหนี้ออกไปเลยดีมั้ยครับ แค่ท่านเจ้าตระกูลเขียนรายชื่อตระกูลที่คัดค้านให้ ข้าก็จะจัดการให้ทันทีครับ”
“องค์กรนักเรียนทุนของพวกเราก็ด้วย…”
“แค่เพิ่มค่าขนส่งสินค้าการเกษตรขึ้นสักหน่อย พวกนั้นก็พูดอะไรไม่ได้…”
ไม่สิ ทุกคนนี่จริงๆ เลย
เธอรีบโบกมือปฏิเสธ เกรงว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวคงได้เกิดเรื่องใหญ่แน่
“เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการประกาศอะไรออกไป เพราะฉะนั้นอย่าได้กังวลกันเลย ข้าตั้งใจว่าจะประกาศหลังจากเจ้าชายลำดับที่สองได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทอย่างเป็นทางการแล้วน่ะ อีกอย่าง ก็ได้รับราชพินัยกรรมจากองค์จักรพรรดิแล้วด้วย อย่างไรถึงจะไม่พอใจก็คัดค้านกันไม่ได้หรอก”
“ราชพินัยกรรมจากองค์จักรพรรดิ…”
ใครบางคนในหมู่เจ้าตระกูลพึมพำเสียงแผ่ว และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจก็ดังขึ้นทั่วห้อง
“สมแล้วที่เป็นท่านเจ้าตระกูล!”
“เป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมมากครับ!”
พวกเขาทำท่าราวกับจะลุกขึ้นปรบมือให้เธอกันอย่างไรอย่างนั้น
มันดูน่าขบขันไปเสียหน่อย แต่เธอก็ยิ้มออกมาด้วยความขอบคุณ
ได้ยินเสียงเครย์ลีบันเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจจากข้างๆ
“ข้าบอกแล้วไงล่ะครับ”
ดูเหมือนกำลังพูดกับเจ้าตระกูลที่นั่งอยู่รอบๆ
“บอกแล้วไง แค่เชื่อมั่นแล้วติดตามท่านก็พอ”
* * *