เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 254.2
เล่ม 6 บทที่ 254.2
มือข้างขวาของเฟเรสลูบไล้ผ่านแขนของเธออย่างช้าๆ เป้าหมายของเขาคือมือข้างซ้ายของเธอที่จับที่เท้าแขนเก้าอี้แน่น
ปลายนิ้วแทรกผ่านเข้ามากอบกุมฝ่ามือของเธอเอาไว้ เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย
“หมาป่าเจ้าเล่ห์”
เด็กหนุ่มจุมพิตลึกซึ้งลงบนหลังมือของเธอ ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง
“ขอบใจ”
ตึ้กตั้ก
สุดท้ายหัวใจก็เต้นเร็วขึ้นจนผิดจังหวะจนได้
อุณหภูมิร่างกายของเฟเรสที่ขยับใกล้เข้ามามันเหนี่ยวรั้งเธอไว้จนขยับตัวไม่ได้
เธอลุกพรวดเดินตรงไปยังหน้าต่าง ไม่อาจทนต่อไปได้อีก
สายลมเย็นพัดลอดผ่านเข้ามาปะทะใบหน้าผ่านหน้าต่างที่ปิดแน่น ความร้อนรุ่มในใจจึงค่อยเย็นลงได้บ้าง
“เรื่องพิธีราชาภิเษกองค์รัชทายาทที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ ปล่อยให้แคทเธอรีนเป็นคนเตรียมการเถอะ”
เธอสูดหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้งจนเสียงที่ดังออกมาฟังดูนิ่งพอควร แล้วจึงค่อยหมุนตัวหันหลังกลับด้วยความพึงพอใจ
“ข้าคงยุ่งอยู่กับเรื่องของลอมบาร์เดียพักใหญ่ ไม่น่าจะว่างพอสนใจงานเลี้ยง…”
เฟเรสเดินเข้ามาอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“จะ…เจ้า…”
พยายามก้าวถอยหลังอย่างเงอะๆ งะๆ แต่ก็ไม่มีที่ว่างให้ถอยอีกจนสะโพกถอยไปชนเข้ากับขอบหน้าต่าง
“เทีย”
เฟเรสเรียกชื่อเธอเสียงทุ้ม แขนแกร่งโอบรัดเอวเธอไว้
รู้ได้ยังไงเนี่ยว่าเธอใจอ่อนกับเสียงแบบนั้น!
เฟเรสใช้มือแกร่งของเขาที่โอบรอบเอวรั้งตัวเธอเข้ามาอย่างช้าๆ
แพขนตาหลุบต่ำลง ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน
ถึงแม้เขาจะแสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็นก็เถอะ แต่เธอก็สามารถอ่านสีหน้าเขาออก
ความกระวนกระวายที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้ และความปรารถนาในตัวเธอที่เปี่ยมอยู่ในนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น
“อา จริงๆ เลย…”
สุดท้ายเธอก็ต้องยอมจำนนแล้วยกแขนขึ้นโอบรอบคอเฟเรส
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเด็กหนุ่มสะเทือนผ่านกายที่แนบชิดสัมผัสกัน
* * *
หลายวันให้หลัง
“ท่านปู่ทำงานพวกนี้ไหวได้ยังไงกันเนี่ย”
งานของเจ้าตระกูลยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาให้ได้ลืมหูลืมตาเลย
แน่นอนว่าท่านปู่ย่อมมีประสบการณ์และชำนาญงานมากกว่าเธอในตอนนี้หลายเท่า
สงสัยที่ท่านปู่มีสีหน้าเบิกบานขึ้นทุกวันหลังจากมอบตำแหน่งเจ้าตระกูลให้เธอ แล้วเกษียณตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ คงเป็นเพราะที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องจำนวนงานที่มากจนท่วมศีรษะนี่ละมั้ง
“แต่ก็โล่งอกไปทีที่ทุกคนช่วยงานกันอย่างดี”
เธอพึมพำเสียงแผ่ว วางเอกสารที่ลงนามอนุมัติเสร็จเรียบร้อยตลอดวันกองไว้มุมหนึ่งของโต๊ะ
ฟันเฟืองของลอมบาร์เดียทุกคนต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ขอแค่เธอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ก็ไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องคอยตามแก้ไข
บางทีเบเจอร์ในชีวิตก่อนก็อาจจะเป็นคนที่น่าทึ่งมากก็ได้ เก่งจนถึงกับสูบเงินจากตระกูลที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นจนสิ้นอำนาจได้ในเวลาไม่กี่ปีเนี่ย
ก๊อก ก๊อก
ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเบาๆ
“ท่านเจ้าตระกูล ข้าโยฮันครับ”
“เข้ามาได้”
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเธอแล้ว พ่อบ้านโยฮันก็เปิดประตูเดินเข้ามา ข้างหลังเขามีเบ็ตเดินตามมาด้วย
ไม่นานมานี้เบ็ตเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเปิดกิจการร้านอาหารอย่างภัตตาคารได้อย่างประสบความสำเร็จ
แต่นั่นก็เป็นแค่มุมมองของคนนอก
ที่จริงแล้วเบ็ตกำลังดีใจต่างหากล่ะ เพราะนอกจากเรื่องเงินแล้ว ระหว่างเปิดภัตตาคารเขายังได้ข้อมูลชั้นยอดที่ลับกว่าเดิมเข้ามาในกิลด์ข้อมูลของเขาเยอะมาก
“มาถึงที่นี่มีธุระอะไร”
เบ็ตเหลือบมองพ่อบ้านโยฮัน ก่อนจะโค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อม แล้วเอ่ยขึ้น
“นำสเต๊กจานพิเศษที่สั่งจองไว้ที่ภัตตาคารของพวกเราเมื่อคราวก่อนมาส่งให้ที่ห้องครัวของคฤหาสน์ครับ อีกครู่ยกใส่จานร้อนเข้ามาก็สามารถรับประทานได้เลยครับ”
เธอไม่เคยสั่งจองของอะไรแบบนั้น
ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามีข่าวที่ด่วนมากจนต้องแสร้งทำเป็นมาส่งอาหารถึงที่นี่เพื่อแจ้งข่าวให้เธอทราบโดยไวสินะ
“กำลังหิวพอดีเลย ช่วยไปเอาอาหารมาให้หน่อยได้มั้ย โยฮัน”
เธอส่งพ่อบ้านโยฮันออกไปนอกห้อง
ทันทีที่ประตูปิดลงส่งเสียงดังแกรก และเสียงฝีเท้าของโยฮันห่างออกไปเรื่อยๆ เบ็ตก็โยนภาพลักษณ์สงบเสงี่ยมทิ้ง แล้วเอ่ยขึ้น
“จำได้หรือเปล่าครับ ที่ข้าเคยบอกว่าพบตัวคนที่ลงมือสังหารแม่นมของเจ้าชายแล้ว”
เธอพยักหน้าลง
คนคนนั้นได้รับคำสั่งจากอดีตจักรพรรดินีให้ลากตัวแม่นมไป โดยทิ้งเฟเรสที่ยังเด็กเอาไว้อยู่ในวังเล็กตามลำพัง และสุดท้ายก็ถูกพบตัวเป็นศพแถวริมแม่น้ำเซเบสทางตอนใต้
“คนคนนั้นพูดอะไรแปลกๆ น่ะครับ”
“พูดอะไรแปลกๆ”
เบ็ตเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน เขาพูดเสียงแผ่วจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
“ว่าคนที่สังหารมารดาขององค์รัชทายาท ไม่ใช่อดีตจักรพรรดินีครับ”
“ไม่ใช่อดีตจักรพรรดินีงั้นหรือ”
เธอส่ายหน้า
“นอกจากราวีนีแล้ว ก็ไม่มีใครมีแรงจูงใจมากพอจะสังหารมารดาของเฟเรสหรอกนะ ยิ่งเป็นนางกำนัลไร้ปากเสียงที่มีชาติกำเนิดเป็นสามัญชนด้วยยิ่งแล้วใหญ่”
“เรื่องนั้น…เห็นว่าก่อนที่แม่นมขององค์รัชทายาทจะเสียชีวิต นางร้องไห้แล้วกล่าวทิ้งไว้เช่นนั้นน่ะครับ”
อย่างไรแม่นมก็เป็นคนที่คอยดูแลรับใช้อยู่ข้างกายเฟเรสกับมารดา
ถ้าได้ยินจากปากนั่นโดยตรง ก็น่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน
เธอถามเบ็ต
“งั้นใครฆ่ากันล่ะ”