เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 339 ความกังวลใจของเลขา
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 339 ความกังวลใจของเลขา
ตอนที่ 339 ความกังวลใจของเลขา
ตอนที่ 339 ความกังวลใจของเลขา
“ผมไปซื้อมาจากในเมือง อีกเดี๋ยวผมจะหยิบมาให้เลขาเอากลับไปชิมดูสักหน่อยนะ”
“ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน! นี่นายจะให้ฉันทำความผิดร้ายแรงเหรอ!” เลขาถลึงตาใส่
จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “เลขา ดูพูดเข้าสิ ทำความผิดร้ายแรงอะไรกัน ผมดื่มจนจะหมดแล้ว เหลืออีกนิดหน่อย ผมยังเป็นกังวลเลยว่าเลขาจะรังเกียจที่ผมเอาของเหลือให้!”
เลขาชี้หน้าจ้าวเหวินเทา “เจ้าเด็กคนนี้นี่นะ ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ พ่อแม่ของนายก็เป็นคนซื่อสัตย์ดี ทำไมถึงได้มีลูกชายกะล่อนแบบนี้!”
“นี่ก็เป็นเพราะเลขาเป็นผู้นำที่ดีไม่ใช่เหรอครับ!” จ้าวเหวินเทายิ้ม
“เด็กคนนี้นี่ พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย!” เลขาด่าด้วยรอยยิ้ม
“เลขา ว่าแต่มาที่นี่มีอะไรจะแนะนำหรือเปล่าครับ?” จ้าวเหวินเทาถามเคล้ารอยยิ้ม
เลขารู้สึกว่าได้คุยกับจ้าวเหวินเทาแล้วสบายใจ ฟังเจ้าเด็กคนนี้สิว่าช่างเจรจาขนาดไหน คำว่า ‘แนะนำ’ ก็เกาตรงจุดที่คันได้พอดีจริง ๆ
“ก็ไม่ได้แนะนำอะไรหรอก กินข้าวมื้อค่ำแล้วก็ออกมาเดินเล่น มาถึงที่บ้านนายพอดี ก็เลยแวะมาคุยด้วย” เลขาพูดอย่างสบาย ๆ “ปีนี้ผลผลิตข้าวสาลีไม่เลวเลยนะ คนในหมู่บ้านได้กินข้าวสาลีที่ปลูกเองก็ต้องขอบคุณนายนี่แหละ!”
“เลขาอย่าพูดแบบนี้สิ” จ้าวเหวินเทารีบพูด “ทั้งหมดนั้นก็เป็นสิ่งที่ได้มาเพราะความเหน็ดเหนื่อยของทุกคน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย”
“ถ้าไม่มีนายเป็นผู้นำ ใครจะปลูกข้าวสาลี? สถานที่แห่งนี้ของพวกเราไม่เคยปลูกข้าวสาลีมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ!” เลขาพูดด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ บางครั้งฉันก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน ถ้าฉันตามไม่ทันขึ้นมา จะเป็นยังไง ในทีมนี้มีตั้งหลายหมู่บ้าน คนเฒ่าคนแก่เด็กหนุ่มสาว มีตั้งหลายพันชีวิต ต่างก็ฝากความหวังไว้ที่ฉันทั้งนั้น”
“เลขา มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก ข้างนอกต่อให้เปลี่ยนไปมากกว่านี้ก็ยังต้องกินข้าว นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเปลี่ยนแน่นอน พวกเราเป็นชาวบ้าน ในมือมีที่นา ปลูกธัญพืชตลอดทั้งปี มีอะไรต้องกลัว คุณไม่ต้องสร้างแรงกดดันมากขนาดนั้นก็ได้ครับ!” จ้าวเหวินเทาปลอบใจ
เลขาพยักหน้า “ฉันเองก็คิดแบบนี้ แต่ฉันก็คิดอีกว่า ขนาดนายยังไม่ตั้งอกตั้งใจทำไร่ทำสวนเลย ถ้าเป็นเหมือนนายทุกคนจะทำยังไง”
จ้าวเหวินเทาจนปัญญา “เลขา คนที่ไม่เอาการเอางานแบบผมมันจะมีสักกี่คน เลขาดูสิคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น อีกอย่างนะ ต่อให้ผมออกนอกลู่นอกทางมากกว่านี้ ผมก็ยังต้องกินข้าว จะกระโดดออกจากฝ่ามือของเลขาได้เหรอ?”
เลขายิ้ม “ไอ้เด็กบ้า ดูพูดเข้า จริง ๆ เล้ย!”
“เลขา คุณทำใจให้สบายเถอะ ไม่ว่าจะเวลาไหน การกินข้าวก็คือเรื่องใหญ่ ธัญพืชก็เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นไม่ต้องกลัวหรอกครับ!”
“คำพูดนี้สมเหตุสมผล!” เลขาพูด จากนั้นก็กลับไปที่เรื่องข้าวสาลีอีกครั้ง “การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีปีนี้ไม่เลวเลย ปีหน้าทุกคนคงปลูกกันหมด ถึงเวลานั้นจะจัดการกับเครื่องนวดข้าวยังไง ปีนี้นายเช่ามา ปีหน้าปลูกไว้เยอะฉันเกรงว่าคงเช่าไม่ได้แล้ว ถ้ามีน้อยไม่เพียงพอจะทำยังไง? ตอนที่เก็บข้าวสาลีเป็นช่วงหน้าฝนพอดี ฝนในตอนนั้นตกแบบต่อเนื่องเลยด้วย หากเก็บข้าวสาลีกลับมาไม่ทันแล้วขึ้นราคงได้เหนื่อยเปล่า!”
“เลขาหมายความว่ายังไงครับ?” จ้าวเหวินเทาถาม
“ความหมายของฉันก็คือ นายช่วยดูหน่อยว่านายพอจะเป็นผู้นำได้ไหม หมู่บ้านเราซื้อสองเครื่อง ถึงเวลานั้นมีเครื่องนวดข้าวเป็นของตัวเองก็สามารถใช้ได้ตลอดเวลา ถ้าหมู่บ้านเราซื้อแล้ว หมู่บ้านอื่นก็คงซื้อตามด้วย” เลขาถอนหายใจ “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ชาวนาจะปลูกอะไรสักอย่าง”
จ้าวเหวินเทาคิดในใจ แม้ว่าชายชราคนนี้จะมีปัญหาสารพัดอย่าง แต่ก็ไม่เลวเลยจริง ๆ ที่คิดแทนทุกคนรอบด้านขนาดนี้
“ได้ เลขา ผมสนับสนุนคุณ คุณบอกให้ทำยังไงก็ทำแบบนั้น” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างใจถึง
เลขารู้สึกซึ้งใจมากจริง ๆ จ้าวเหวินเทาไม่ใช่แค่พวกปากดี แต่ยังสนับสนุนเขาจริง ๆ ด้วย!
“เหวินเทา นายพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ ฉันคิดไว้ตอนที่ประชุมปีที่แล้ว ทำงานกันเองแล้ว ในทีมก็ไม่ได้มีการล้มหมู เลยไม่เกิดความครึกครื้นอะไรแล้ว” เลขาบ่น “ทำได้แค่เปิดประชุมให้ทุกคนมาปรึกษากันเรื่องนี้ แต่ละบ้านช่วยกันออกสักหน่อย จะได้ซื้อเครื่องนวดข้าว ส่วนนาย ก็ช่วยไปถามดูหน่อยว่าเครื่องนวดข้าวราคาเท่าไร ถึงเวลานั้นก็เลือกตัวแทนหมู่บ้านสักสองคนไปซื้อเครื่องนวดข้าวพร้อมกับนาย”
“ได้เลย เลขา ไม่ต้องเป็นห่วง สองวันนี้ผมจะไปถามมาให้ชัดเจนเลย” จ้าวเหวินเทาตอบ “เลขา คุณต้องการเครื่องจักรแบบไหนเหรอ?”
เรื่องนี้ง่ายมาก ไปถามจางหมิงก็รู้แล้ว ถึงเวลานั้นจะได้ต่อรองราคาให้ถูกลงสักหน่อย
เลขาตอบ “ขอแบบทนทาน!” หลังจากนั้นก็ครุ่นคิดแล้วพูดเสริมขึ้นมา “แล้วก็ขอถูก ๆ หน่อยนะ”
“ได้เลย เลขา ไม่ใช่เรื่องยาก” จ้าวเหวินเทาตอบ
“แล้วก็ นายต้องดูให้ดีนะ พวกเราต้องเลือกของดี ๆ อย่าให้อีกฝ่ายหลอกได้ล่ะ” เลขาพูดอีก “ฉันได้ยินมาว่า ด้านนอกมีคนทำตัวผิดศีลธรรมด้วย ฉ้อโกงเงินเกษตรกรโดยเฉพาะเลยด้วย พวกเราจะปล่อยให้คนอื่นมาหลอกไม่ได้นะ!”
จ้าวเหวินเทา “ไม่มีทางอยู่แล้ว เรื่องนี้เลขาไม่ต้องห่วงเลย เพื่อนของพี่ภรรยาผมทำงานอยู่ที่สถานีส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรในเมือง มีเขาอยู่ ไม่มีใครหลอกพวกเราได้หรอก!”
“เยี่ยมเลย!” เลขาพูดด้วยความดีใจ “ฉันว่าแล้วเชียวว่ามาหานายนี่แหละถูกต้องแล้ว!”
คนแก่และชายหนุ่มพูดคุยกันอย่างออกรส จ้าวเหวินเทาพูดถึงเรื่องที่จะเดินทางไปซื้อขายข้าวสารที่ผานจิ่น เลขาก็รีบบอกให้เหลือให้เขาหนึ่งร้อยชั่งด้วย จะให้แลกด้วยเงินหรือข้าวฟ่างก็ขึ้นอยู่กับจ้าวเหวินเทาเลย
ผานจิ่นอยู่ใกล้กับที่นี่ ข้าวสารก็อร่อย โดยพื้นฐานแล้วข้าวสารทางฝั่งนี้ก็มาจากผานจิ่นทั้งหมด
หลังจากคุยกันครู่หนึ่ง เลขาก็เดินทางกลับ โดยจ้าวเหวินเทาไปส่งอีกฝ่ายจนเข้าไปถึงด้านในหมู่บ้านจึงกลับมา
เสี่ยวไป๋หยางนอนหลับไปแล้ว ส่วนเย่ฉูฉู่กำลังปูฟูก
“ภรรยา เดี๋ยวผมทำเอง” จ้าวเหวินเทาขึ้นมาบนเตียงเตา และกางฟูกออก
เย่ฉูฉู่ถอดชุดของเสี่ยวไป๋หยาง แล้วจับตัวลูกเข้าไปนอนใต้ผ้าห่ม
“เลขาจะซื้อข้าวสารเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
จ้าวเหวินเทาตอบ “ใช่ ให้เหลือข้าวสารไว้หนึ่งร้อยชั่ง”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ข้าวสารของคุณยังไม่มาก็มีลูกค้าแล้ว”
จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ ๆ “นั่นน่ะสิ ของยังมาไม่ถึงก็เปิดการขายแล้ว!”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา “เลิกหลงตัวเองได้แล้วค่ะ ถึงเวลานั้นคุณจะรับเงินจากเขาเหรอ?”
“ก็ต้องไม่รับอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทายอมรับอย่างใจถึง “อายุมากขนาดนี้แล้ว ทำงานหนักเพื่อหมู่บ้านมาตั้งหลายปีขนาดนี้ อยากกินข้าวสวยสักหน่อยยังจะรับเงินจากคนเฒ่าคนแก่ได้เหรอ จริงไหมภรรยา”
เย่ฉูฉู่พูดอย่างขบขัน “เลขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องประจบประแจงก็ได้ค่ะ”
จ้าวเหวินเทาเอนตัวลง “ภรรยา คุณพูดผิดแล้ว ผมไม่ได้ประจบประแจงจริง ๆ นะ ผมคิดแบบนี้จริง ๆ แต่ถึงเวลานั้นเลขาคงให้เงินผมแน่นอน”
“แล้วคุณจะรับไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ไม่รับไม่ได้หรอก ตาเฒ่าคงได้โกรธแน่ คงต้องรับล่ะ แต่คงรับเป็นข้าวฟ่างแทนเงิน” จ้าวเหวินเทาคำนวณ “ผ่านไปอีกปี ไม่สิ ปีหน้า ผมคิดว่าจะเหมาภูเขาลูกนั้นที่อยู่ทางใต้ฟาร์มกระต่ายของเรา!”
เย่ฉูฉู่ชะงัก “ภูเขาทางใต้ฟาร์มกระต่าย ที่ดินตรงนั้นดูเหมือนไม่ค่อยดีเท่าไรนะคะ”
“ก็เพราะไม่ดีไงผมถึงเหมา ถ้าเหมาที่ดินดี ๆ คงยุ่งยากตายเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมคิดไว้ว่าจะย้ายกระต่ายและสัตว์ตัวอื่น ๆ ไปที่นั่น”
“ทำไมล่ะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ
“ที่หนึ่งเอาไว้เลี้ยงหมูแบบปล่อย ส่วนอีกที่ไว้เป็นสถานที่ออกกำลังกายของพวกกระต่าย ภรรยา ถ้ามีสถานที่ออกกำลังกายขนาดใหญ่ เนื้อที่ออกมาก็จะแน่น อร่อยด้วย พี่สะใภ้สามของคุณสร้างแบรนด์เสื้อผ้าตระกูลโจวไปแล้ว ผมเองก็อยากสร้างแบรนด์กระต่ายและหมูตระกูลจ้าวด้วย!”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากได้ความช่วยเหลือต้องมาหาจ้าวเหวินเทาจริงๆ ค่ะ แปบเดียวปิดดีลเรียบร้อย
พี่เทาคิดจะซื้อภูเขาขยายฟาร์มแล้วเหรอ
ไหหม่า(海馬)