เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 382 ในวันที่หิมะตก
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 382 ในวันที่หิมะตก
ตอนที่ 382 ในวันที่หิมะตก
ตอนที่ 382 ในวันที่หิมะตก
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นหิมะตกหนักเกินไป และยังคงตกไม่หยุด จึงเอนตัวนอนอีกครั้ง จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าลูกต้องไปโรงเรียน จึงรีบปลุกลูกทั้งสองคน “หิมะตกแล้ว พวกเธอจะไปโรงเรียนยังไง?”
เอ้อร์หยาพูดด้วยท่าทางงัวเงีย “วันนี้วันเสาร์ โรงเรียนหยุดค่ะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวส่งเสียง ‘อ๋อ’ หนึ่งเสียงและมีท่าทางผ่อนคลายลง เมื่อเห็นพี่สามจ้าวยังคงสวมเสื้อคลุมมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง จึงกล่าวว่า “หิมะตกแล้ว ไปทำเต้าหู้ไม่ได้แล้ว คุณยังจะมองอะไรอีก นอนพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”
“คุณคิดว่าผมเป็นพวกไม่มีสมองเหมือนกับคุณเหรอ? ยังจะนอนอีก ผมจะนอนหลับลงได้ไง!” พี่สามจ้าวพูดด้วยความฉุนเฉียว
“งั้นคุณก็ดูไปเถอะ ทางที่ดีก็ดูจนกว่าจะมีเต้าหู้โผล่ออกมาก็แล้วกัน” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดพลางเปลี่ยนหาท่าที่นอนหลับสบาย ๆ และนอนต่อ
พี่สามจ้าวแค่นเสียงออกมาด้วยความโมโห “คนแม่ไม่มีสมองแล้ว คนลูกก็ยังไม่มีสมองอีก!”
มีแค่เขาเท่านั้นที่มีสมอง ท้ายที่สุดก็กลับไปนอนใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
พี่สะใภ้รองจ้าวตื่นขึ้นมาตอนเช้า พอผลักประตูก็พบว่าเปิดไม่ออก ตอนที่มองออกไปถึงได้รู้ว่าหิมะตกแล้ว ตกหนักและยังไม่หยุด จึงรีบเรียกพี่รองจ้าวตื่นขึ้นมากวาดหิมะ
พี่รองจ้าวสวมเสื้อเดินออกมาดู หิมะเยอะมากเลย!
เขาพูดอย่างมีความสุขว่า “ปีนี้เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวอีกปีแล้ว!”
ชายหนุ่มยกพลั่วขึ้นมาและขุดหิมะที่อยู่ด้านหน้าประตูออกเป็นทางไปจนถึงประตูบ้าน เปิดเป็นเส้นทางเล็ก ๆ ไปถึงสถานที่เลี้ยงสัตว์ ทว่าเปิดทางไปได้ไม่นานก็ถูกหิมะกลบอีกครั้ง เป็นเช่นนี้คงทำได้เพียงแค่รอให้หิมะหยุดแล้วค่อยว่ากัน จากนั้นพี่รองจ้าวจึงเดินเข้ามาในบ้าน
พี่สะใภ้รองจ้าวที่กำลังทำอาหารกล่าวว่า “โชคดีนะที่เมื่อคืนฉันขนฟืนกลับมาแล้ว ไม่งั้นหิมะตกหนักขนาดนี้ฟืนคงชื้นหมด”
“หิมะตกหนักขนาดนี้ ถนนต้องถูกปิดแน่ ๆ คงไปทำเต้าหู้ไม่ได้แล้ว คุณจะทำอาหารเช้าขนาดนี้ไปทำไม” พี่รองจ้าวถาม
“จะเร็วหรือช้าก็ต้องทำอยู่ดี กินเร็ว ๆ นี่แหละดี” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “แล้วถนนไปฟาร์มกระต่ายจะทำยังไง?”
แม้พวกเขาจะไปทำงานที่โรงเต้าหู้ของพี่สามจ้าว แต่ก็คุ้นชินกับการพูดว่าไปฟาร์มกระต่ายอยู่ดี
“รอให้หิมะหยุดก่อนค่อยใช้พลั่วขุดเปิดทางแล้วกัน ไม่งั้นหิมะเยอะขนาดนี้คงเดินไปไม่ไหวหรอก” พี่รองจ้าวพูดพลางเดินไปล้างหน้าล้างตา
พี่สะใภ้รองจ้าวทำอาหารแบบประหยัด เป็นบะหมี่น้ำร้อน ๆ โปะด้วยไข่ดาว แม้แต่น้ำซุปก็มีทั้งข้าวและผัก นอกจากนี้ยังมีผักกาดขาวดองเค็มและผักก้อนดองเค็มเป็นเครื่องเคียง นี่เป็นอาหารที่ถือว่าไม่เลวแล้วสำหรับในชนบท
เด็ก ๆ ทั้งสามคนได้กลิ่นหอม เมื่อเห็นว่าเป็นบะหมี่เส้นละเอียดก็ดีใจอย่างมาก
“วันนี้วันหยุดของพวกเธอ รอให้หิมะหยุดก็ออกไปช่วยพ่อกวาดหิมะด้วย” พี่รองจ้าวกล่าว
ลูก ๆ ทั้งสามคนขานตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ สำหรับพวกเขา การกวาดหิมะคือการได้ออกไปเล่น กวาดหิมะให้กองพะเนินเป็นตุ๊กตาหิมะ จากนั้นค่อยกลิ้งลงมาจากก้อนหิมะ สนุกจะตายไป!
ทางฝั่งพี่สามจ้าว หลังนอนไปถึงเจ็ดโมงก็นอนต่อไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นมาจัดการกับหิมะ เรียกให้พี่สะใภ้สามจ้าวไปทำอาหาร อีกเดี๋ยวหลังจากหิมะหยุดจะได้ออกไปทำเต้าหู้
พี่สะใภ้สามจ้าวแอบรำพึงในใจ ‘ต่อให้หิมะหยุดตกแล้ว ทางที่จะไปฟาร์มกระต่ายก็ผ่านไม่ได้อยู่ดี จะไปทำเต้าหู้ได้ยังไงกัน’ แต่หล่อนขี้เกียจจะพูด จึงลุกขึ้นไปทำอาหาร กับข้าววันนี้คือโจ๊กข้าวฟ่าง แป้งจี่ข้าวโพด ผักเส้นดองเค็มและผักกาดขาวดองเค็ม ตอนที่กินข้าวพี่สามจ้าวก็พูดเหมือนกับที่พี่รองจ้าวพูด บอกให้ทุกคนไปช่วยกันกวาดหิมะหลังจากหิมะหยุดตกแล้ว
เอ้อร์หยาตอบ “หนูยังมีการบ้านต้องทำนะ”
หม่าต้านตอบ “ผมเองก็ต้องทำการบ้านเหมือนกัน”
พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอ้พวกเด็กเวร พอบอกให้พวกแกไปทำงานก็จะทำการบ้านขึ้นมาทันที การบ้านมันเยอะแยะขนาดนั้นซะที่ไหน! ”
หม่าต้านกล่าว “อาเล็กของผมบอกว่าถ้าสอบได้คะแนนเต็มจะให้รางวัล ไปกวาดหิมะพ่อก็ไม่ได้ให้รางวัลสักหน่อย!”
เอ้อร์หยาไม่ได้พูดอะไร แต่ความหมายก็ชัดเจนมากกว่าคิดแบบเดียวกับหม่าต้าน
พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “ฉันจะไปกวาดหิมะกับคุณเอง ให้พวกเด็ก ๆ ทำการบ้านไปเถอะ อนาคตจะได้เป็นแบบพี่สะใภ้สามของฉูฉู่ สอบเข้ามหาลัยได้ดีกว่ากวาดหิมะอีก”
พี่สามจ้าวคิดว่าที่ภรรยาพูดก็ถูก เขาต้องทำงานตื่นเช้านอนดึกไปเพื่ออะไรกัน ก็เพื่อให้ลูก ๆ ไม่ต้องตื่นเช้านอนดึกในภายภาคหน้า เป็นนักศึกษาดีจะตายไป คนเรียนหนังสือไม่ต้องทำงานหนัก แถมยังได้หน้าได้ตา อืม เรื่องนี้ไม่ผิดเลย!
“ก็ได้ งั้นพวกแกก็ตั้งใจทบทวนบทเรียน ถ้าสอบเข้ามหาลัยได้ ฉันก็มีรางวัลให้เหมือนกัน”
“พ่อ ขี้งกเกินไปแล้ว สอบเข้ามหาลัยเมื่อไรล่ะ ทำไมพ่อถึงไม่พูดว่าจะให้รางวัลสอบปลายภาคครั้งนี้ล่ะ!” หม่าต้านดูหมิ่น
พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “นั่นสิ สอบเข้ามหาลัยก็อีกตั้งหลายปีเลยนะ!”
พี่สามจ้าวก็รู้สึกว่าสอบเข้ามหาลัยยังห่างไกลเกินไปหน่อย จึงกล่าวว่า “ก็ได้ ปลายภาคนี้ ถ้าพวกแกสอบได้คะแนนเต็ม ฉันจะให้รางวัลพวกแก”
เอ้อร์หยารีบพูด “พ่อ พ่อจะให้รางวัลอะไรเหรอ?”
“เรื่องนี้…ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน” พี่สามจ้าวพูดด้วยความระมัดระวังไม่ให้ตนเองตายเพราะปาก
“ห้ามซื้อดินสอมาหลอกผมนะ” หม่าต้านกล่าว
“ซื้อดินสอมาหลอกอะไรของแก! เขาเรียกว่าให้แกตั้งใจเรียนต่างหากล่ะ!” พี่สามจ้าวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ดีแต่หาเหตุผลให้ตัวเอง” หม่าต้านบุ้ยปาก
“ไอ้เด็กเวร ทำไมถึงมาพูดจาแบบนี้ใส่พ่อตัวเอง!” พี่สามจ้าวจ้องเขม็ง
“พอแล้ว ๆ รีบกินข้าวเถอะ กินข้าวเสร็จยังต้องไปกวาดหิมะอีกนะ!” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว
“เป็นเพราะคุณนั่นแหละที่เลี้ยงลูกจนเสียคน!” พี่สามจ้าวพูดจบก็เริ่มกินข้าว
ทางฝั่งบ้านจ้าวเหวินเทานั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงกันตอนแปดโมงเช้า “ภรรยา พวกเราห่อเกี๊ยวกินกันเถอะ”
เย่ฉูฉู่อ้าปากหาว “ได้สิ คุณพาเสี่ยวไป๋หยางไปฉี่ก่อน กวาดหิมะด้วย เดี๋ยวฉันจะไปทำไส้เกี๊ยว”
“ได้เลย เจ้าลูกชายตื่นได้แล้ว!” จ้าวเหวินเทาขุดเสี่ยวไป๋หยางให้ลุกขึ้นมาจากเตียง สวมเสื้อและพาไปฉี่ จากนั้นก็พาออกไปจัดการกับหิมะ
“ลูกใส่กางเกงขากว้างอยู่ อย่าให้นั่งบนหิมะเชียวนะคะ เดี๋ยวเป็นหวัด!” เย่ฉูฉู่ตะโกน
“เข้าใจแล้ว!” จ้าวเหวินเทาตะโกนตอบ “เสี่ยวไป๋หยาง ลูกยืนเล่นนะ อย่านั่งเล่นนะลูก!”
ผลลัพธ์ที่ได้คือเสี่ยวไป๋หยางถึงกับลงไปนอนทันที กลิ้งไปกลิ้งมาบนหิมะ ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เจ้าลิงน้อยเห็นก็รู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ ถึงขั้นโยนหิมะจนฟุ้งกระจาย
“เสี่ยวไป๋หยาง!”
จ้าวเหวินเทามีความสุข เหลือบมองไปที่ประตูบ้าน เมื่อไม่เห็นเย่ฉูฉู่ก็โล่งอก เขาเดินเข้ามาหาเสี่ยวไป๋หยางพร้อมกับเล่นอยู่ในหิมะด้วยกัน จนกระทั่งเย่ฉูฉู่มาเห็น สองพ่อลูกก็กลายเป็นมนุษย์หิมะไปแล้ว!
“ดูคุณทำเข้าสิ โตขนาดนั้นแล้ว ยังมาเล่นหิมะแบบนี้อีก!” เย่ฉูฉู่ใช้ไม้กวาดปัดหิมะออกจากตัวสองพ่อลูก
“เสี่ยวไป๋หยางอยากเล่นนี่นา ภรรยา ไม่ต้องห่วงหรอก คุณดูลูกสิ ไม่ได้นั่งบนหิมะสักหน่อย” จ้าวเหวินเทากล่าว แต่แอบพูดในใจว่า ‘แต่กลิ้งบนหิมะไปแล้ว’
เย่ฉูฉู่ขี้เกียจคิดเล็กคิดน้อย “เอาเถอะ พวกเราห่อเกี๊ยวน้ำแล้วกันค่ะ น้ำซุปร้อน ๆ อร่อยดี”
“ได้เลย! ลูกชาย วันนี้พวกเรากินเกี๊ยวน้ำกันนะ!” จ้าวเหวินเทาอุ้มเสี่ยวไป๋หยางยกลอยตัวสูง
เสี่ยวไป๋หยางหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
เย่ฉูฉู่เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของเสี่ยวไป๋หยางแดงแล้ว จึงได้แต่ส่ายหน้า เด็กคนนี้ชอบทำตัวบ้าบอเหมือนสามีของเธอไม่มีผิดเลย
ทั้งคู่เริ่มลงมือห่อเกี๊ยว ส่วนเสี่ยวไป๋หยางและเจ้าลิงน้อยกำลังนั่งเล่นแป้งอยู่ข้าง ๆ เพียงไม่นานก็ห่อเกี๊ยวจนเสร็จ เย่ฉูฉู่นำต้นหอมซอยลงไปคั่วในกระทะ เติมน้ำ เปิดไฟให้ร้อน ใส่เกี๊ยวลงไป รอจนกระทั่งเกี๊ยวสุกได้ที่ ก็หั่นเต้าหู้ วุ้นเส้น ผักกาดขาวหั่นฝอยและสาหร่ายเส้นลงไป ก็ได้เกี๊ยวหอมกรุ่นหนึ่งหม้อแล้ว
เย่ฉูฉู่ไม่ชอบใส่เครื่องปรุง กลิ่นหอมที่ลอยออกมาเป็นกลิ่นหอมจากวัตถุดิบล้วนๆ เสี่ยวไป๋หยางและเจ้าลิงน้อยถูกดึงดูดความสนใจก็เริ่มโวยวายอยากกินแล้ว
“ภรรยา คุณทำอาหารอร่อยขึ้นทุกวันจริง ๆ!” จ้าวเหวินเทาหอมเย่ฉูฉู่
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะค่ะ ต่อให้ทำอาหารอร่อยกว่านี้ฉันก็ไม่ยอมทำทุกวันหรอก!” เย่ฉูฉู่ตักเกี๊ยวในหม้อพลางกลอกตาใส่สามี
…………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เด็กๆ เริ่มดื้อเริ่มย้อนเก่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะคะ เด็กบ้านสามก็คือเริ่มพัฒนาฝีปากแบบพี่สามแล้ว
ไหหม่า(海馬)