เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 307 เบาะแสใหม่
ตอนที่ 307 เบาะแสใหม่
ตอนที่ 307 เบาะแสใหม่
“ไม่รู้ว่าพวกข้าสองคนทำอะไรให้ท่านต้องตื่นตกใจขนาดนี้?”
เสียงใสของหญิงสาวดังขึ้นอย่างชัดเจน ซูหวานหว่านก้าวเดินออกมาจากห้องอย่างเชื่องช้า มือของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ และเมื่อมองดูท่าทางของนางแล้ว ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่านางจะหลบหนีไปไหน แต่ดูเหมือนว่านางเพิ่งจะล้างมือเสร็จ
หรือว่าฮูหยินเฉียนจะถูกฆ่าตายในห้องจริงๆ! นายท่านเฉียนจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณหนูจ้าว เจ้าทำอะไรลงไปนางถึงกลายเป็นเช่นนี้ ที่บอกว่าจะมาเพื่อรักษานางก็เพื่อเอาไว้ใช้เป็นข้ออ้าง และหวังผลประโยชน์อะไรสักอย่าง!”
“ข้าคือคุณหนูจ้าว แต่นายท่านเฉียนเห็นกับตาหรือไม่ว่าข้าฆ่าฮูหยินเฉียน ท่านจะมาพูดจามัวซั่วเพียงเพราะได้กลิ่นเลือดแค่นี้ไม่ได้!” สิ้นประโยคซูหวานหว่านก็ฉีกหน้ากากตนเองออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง
เมื่อเห็นแบบนี้ นายท่านเฉียนจึงเชื่อว่าซูหวานหว่านไม่ได้มีเจตนาที่จะมาแก้แค้นตน จึงเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าอันแสนเย็นชา “ซูหวานหว่าน ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง ตระกูลเฉียนของข้ามาที่นี่ตามคำสั่งขององค์ฮ่องเต้ และไม่ได้มีเจตนาทำแบบนั้นกับตระกูลจ้าวของเจ้าเลย! หากแต่เจ้ากลับฆ่าภรรยาของข้า เจ้าสมควรตาย!”
พูดจบนายท่านเฉียนก็มองไปที่คนใช้หน้าประตูทันที แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ไปแจ้งเรื่องกับพลลาดตระเวนให้พวกเขามาจับตัวนาง!”
“หึ” ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหัว นางจับมือของฉีเฉิงเฟิงแล้ววิ่งออกไปที่ประตู “รีบออกไปเร็ว! ไม่อย่างนั้นจะถูกจับตัวได้”
ฉีเฉิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน แต่เขาก็ทำได้แค่กุมมือนางเอาไว้เท่านั้น
นายท่านเฉียนเดินเข้าไปหาพวกเขาด้วยความโกรธ แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเขาก็ต้องตกใจ
ภาพที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้คือฮูหยินกำลังนั่งพิงอยู่กับเตียง! อีกทั้งยังกำลังหยินลูกพลับขึ้นมากิน!
“เจ้า…เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง…”
ฮูหยินเฉียนวางลูกพลับที่ถืออยู่ในมือลง แล้วเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางน้อยเป็นคนน่าอัศจรรย์มาก หลังจากที่นางฝังเข็มให้ข้าสองสามรอบ ข้าก็รู้สึกสบายขึ้นมากและร่างกายของข้าก็รู้สึกโล่งขึ้น ตอนที่อาเจียนเอาเลือดออกมาหัวของข้าก็ปลอดโปร่ง”
ซูหวานหว่านถือว่าเป็นเป็นหมออัจฉริยะ! เขาไปใช้คำพูดเช่นนั้นกับซูหวานหว่านได้อย่างไร
“แล้วแม่นางน้อยคนนั้นไปไหนเสียแล้ว พวกเราควรขอบคุณนาง” ฮูหยินเฉียนกล่าวออกมา
“แน่นอนอยู่แล้ว” นายท่านเฉียนยิ้มออกมาอย่างขวยเขิน และอยากจะทุบตีตนเองกับการกระทำเมื่อครู่ เมื่อครู่เขาทำอะไรลงไป แย่เสียจริง ๆ!
นายท่านเฉียนประคองฮูหยินเฉียนให้นั่งลงบนเตียงดี ๆ เขาผละตัวเดินออกไปหน้าประตูและพูดกับผู้ใช้ว่า “รีบออกไปเดี๋ยวนี้! นำตัวพวกเขาทั้งสองคนกลับมาให้ข้า!”
เหล่าคนรับใช้กำลังจะเดินออกไป หากแต่นายท่านเฉียนก็เอ่ยเน้นย้ำว่า “โปรดระวังใช้คำว่า ‘ได้โปรด’!”
“ขอรับ! ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาทั้งสองคนก่อน แล้วจะจับกุมพวกเขาทั้งสองคนกลับมาให้ท่านอย่างแน่นอน!” คนใช้พูดออกมาและวิ่งออกไปทันที
“นี่!” ยิ่งนายท่านเฉียนคิดเรื่องนี้เกี่ยวกับมันมากเท่าไร เขาก็ยิ่งคิดว่ามันไม่ใช่ ชายวัยกลางคนรีบรุดขึ้นหน้าตามไปห้ามคนใช้ทันที “พวกเจ้ากลับไปดูแลฮูหยินเสีย เดี๋ยวข้าจะไปเอง!”
หลังจากพูดอย่างนั้น นายท่านเฉียนวิ่งออกไปทันที วิ่งออกมาไม่นานก็เห็นฉีเฉิงเฟิงและซูหวานหว่านนั่งอยู่บนม้านั่งหินตรงหัวมุมถนน ราวกับว่ากำลังตั้งใจรอเขาอย่างไรอย่างงั้น ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงจาง ๆ เพราะความเหนื่อย ก่อนจะรีบเดินไปเอ่ยขอบคุณทั้งสอง “คุณหนูจ้าวได้โปรดอย่าถือสาข้าเลย เมื่อครู่ที่ข้านั้นเอ่อ…”
“ไม่เป็นไร” ซูหวานหว่านใจกว้างมาก พูดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน ก่อนจะยิ้มออกมา “สิ่งที่เจ้าพูดมาบางส่วนนั้นถูกต้อง ข้าเข้าไปในตระกูลเฉียนของเจ้าก็เพื่อชื่อเสียงของตระกูลจ้าว แต่ดูเหมือนว่านายท่านเฉียนจะเป็นคนซื่อตรงกว่าที่ข้าคิด และไม่ใช่คนแบบนั้น”
“ขอบคุณคุณหนูจ้าวที่เข้าใจ” นายท่านเฉียนรู้สึกดีใจ และยิ่งเขามองไปที่ซูหวานหว่านเขาก็ยิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้น
“นายท่านเฉียน ท่านอย่าเพิ่งดีใจไป ดูเหมือนว่าเจ้าจะรับรู้ถึงความสามารถของข้าแล้ว เจ้าต้องการให้ข้ารักษาฮูหยินเฉียนหรือไม่?” ซูหวานหว่านก็ได้ถามออกมา
“แน่นอนว่าต้องการ! คุณหนูจ้าวสามารถเรียกค่ารักษามาได้เลย ข้ายินดีจ่ายเท่าที่เจ้าต้องการ!” นายท่านเฉียนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง และเอ่ยยกย่องทักษะทางการรักษาของซูหวานหว่านทันที หญิงสาวเกือบจะลอยตัวเพราะคำชม หากแต่นางก็ส่งเสียงไอมาก่อน ซูหวานหว่านจึงกล่าวออกมาว่า “นายท่านเฉียน ข้าจะยอมช่วยท่าน เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาอะไร ข้าแค่อยากรู้ว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดกับตระกูลจ้าว ถ้าเจ้าบอกข้า ข้าจะช่วยรักษาฮูหยินเฉียนให้จนหายเอง”
“เจ้า นี่…” นายท่านเฉียนหยุดคิดไปครู่หนึ่ง พร้อมกับถอนหายใจพลางก้มหน้าลง เหลือบมองไปทางซ้ายและขวา เมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงรีบพาซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงกลับเข้าไปที่บ้านของตัวเอง และสั่งให้คนปิดประตูทันที พวกเขาทั้งหมดเดินกลับไปยังห้องของฮูหยินเฉียนแล้วหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และหินฝนหมึกออกมาแล้วเขียนอะไรสักอย่างลงไป
ซูหวานหว่านโน้มตัวเข้าไปดูก็เห็นคำว่า ‘สือ’ หญิงสาวตกตะลึงเมื่อเห็นคำนี้ ในหัวได้แต่สงสัยว่าคนในตระกูลสือทำเรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร “ตระกูลสือไม่ได้ถูกฝ่าบาทลงโทษประหารชีวิตไปแล้วอย่างงั้นหรือ แม้แต่กระทั่งคนใช้ก็ถูกส่งตัวไปยังชายแดนหมดแล้ว”
“ข้าบอกพวกเจ้าได้แค่นี้ ไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้แล้ว” หลังจากพูดแบบนั้นนายท่านเฉียนก็รีบเก็บกระดาษ และวิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อโยนมันลงเข้าไปในเตาปล่อยให้มันมอดไหม้ไป จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงมองหน้ากันและรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนว่าจะไม่ง่ายเลย ถึงแม้ว่านายท่านเฉียนจะปฏิเสธที่จะบอกความจริงทั้งหมด แต่ซูหวานหว่านก็จดใบสั่งยาและมอบให้นายท่านเฉียนพร้อมกับบอกว่า “ยาต้มชนิดนี้ เติมน้ำเข้าไปหนึ่งต่อสี่ส่วน ต้มให้นางดื่มวันละสามครั้ง แล้วอาการป่วยนั้นจะหายภายในสองเดือน”
เมื่อบอกวิธีการใช้ยากับเขาแล้ว ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็ขอตัวกลับทันที
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของทั้งสองคน ฮูหยินเฉียนก็รู้สึกผิดเล็กน้อยและกล่าวว่า “นายท่านเฉียน ทำไมเจ้าถึงไม่พูดออกไปล่ะ?”
“พวกเราไม่สามารถไปเล่นกับบุคคลคนนั้นได้นะสิ” หลังจากพูดออกมาอย่างนั้น นายท่านเฉียนก็ส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าป่วยหนัก ข้าคงไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายแบบนั้นแน่นอน”
ทั้งสองคนต่างสบตากันและไม่อยากจะเอ่ยชื่อของบุคคลนั้นมากเท่าไร
ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงเดินออกมาจากบ้านตระกูลเฉียน ในหัวของพวกเขาขบคิดถึงผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง เพราะตระกูลสือสิ้นสลายไปหมดแล้ว ซูหวานหว่านก้มศีรษะลงและทำท่าทางคิดหนัก แต่ก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าเป็นใคร
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้นมา ท้องถนนเต็มไปด้วยฝุ่นผงพร้อมกับม้าตัวใหญ่ที่วิ่งตรงออกมา คนบนหลังม้าสวมใส่ชุดเกราะเพื่อปกปิดใบหน้าของตนเองเอาไว้ และเผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่ดุร้ายเท่านั้น
ชายคนนั้นขี่ม้านำอยู่ด้านหน้า ด้านหลังตามมาด้วยขบวนทหาร โดยมีเสียงโห่ร้องของชาวบ้านดังขึ้นตามระยะทาง
ชาวบ้านพากันปรบมืออย่างมีความสุข และมีคนกล่าวสรรเสริญว่า “แม่ทัพเหนียนกลับมาอย่างมีชัย! พวกเราชนะศึกสู้รบที่ชายแดนในครั้งนี้!”
“แม่ทัพเหนียนยอดเยี่ยมมาก! แม่ทัพเหนียนเป็นวีรบุรุษผู้กล้า!”
“…”
เหตุใดนางถึงไม่เคยได้ยินชื่อแม่ทัพเหนียนมาก่อนเลย? คิ้วของซูหวานหว่านขมวดเข้าหากันเป็นปม หญิงสาวรู้สึกว่าตนเองคุ้นเคยกับแม่ทัพเหยียนผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยพบเจอที่ใดมาก่อน
เขาคือใครกันแน่!
เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูหวานหว่านก็แอบปล่อยนกในมิติฟาร์มออกมาสองสามตัวอย่าง เพื่อให้มันไล่ตามขบวนทหารไป
“ภูมิหลังของแม่ทัพเหนียนเป็นอย่างไร?” ซูหวานหว่านกระซิบถามฉีเฉิงเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ
“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเด็กกำพร้า ครานั้นเขาสมัครเข้ามาเกณฑ์ทหาร เวลาผ่านไปก็ถูกส่งเสริมโดยแม่ทัพซู ตอนนั้นเขามีอายุเพียงยี่สิบปี ภายในระยะเวลาสามปีเขาร่วมรบมานับไม่ถ้วน ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง ทำให้เขากลายเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท” หลังจากพูดแบบนั้นฉีเฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้ว
เมื่อพูดแบบนั้นออกมา แม่ทัพเหนียนเป็นเด็กกำพร้า แต่ความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมดา! แต่ตระกูลใหญ่ ๆ ที่มีตังค์ส่งลูกชายของตัวเองไปเรียนทหารทั้งนั้น แต่เขากลับโดดเด่นกว่าคนอื่น ทั้งที่ภูมิหลังของเขาเป็นแค่เด็กกำพร้า!
เมื่อคิดไปคิดมา จู่ ๆ ก็มีคนใช้กลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้าไปแย่งสิ่งของบางอย่างที่ตกอยู่บนถนน พร้อมทั้งร้องตะโกนออกมา “พวกเราตระกูลจ้าวไม่ได้ผิดอะไร! พวกเราตระกูลจ้าวนั้นไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น!”
“เกลือของตระกูลจ้าวของพวกเรา คือเกลือบริสุทธิ์”
“…”
กำลังยื้อแย่งฉุดกระชากกันและเอ่ยออกมาแบบนี้ ต้องมีเจตนาไม่ดีอย่างแน่นอน! ตรงกันข้ามมันกำลังทำให้คนอื่นคิดว่าพวกเขากำลังพยายามปกปิดอะไรบางอย่างอยู่!
ซูหวานหว่านนิ่งไปพร้อมกับขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนของตระกูลจ้าว!
หญิงสาวกำลังจะเข้าไปหยุดเหตุการณ์ แต่ทันใดนั้นก็เห็นแม่ทัพเหนียนกระโดดลงมาจากหลังม้า ใช้ดาบจ่อไปยังคนตรงหน้า และเอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าเป็นคนรับใช้ของตระกูลจ้าวหรือ?”
หลังจากพูดออกมาแบบนั้น เขาก็ยกดาบในมือขึ้นมาช้า ๆ
“คนของตระกูลจ้าวล้วนชั่วช้า ตอนนี้แม่ทัพคนนี้จะลงโทษสั่งสอนคนชั่วและส่งเสริมความดีเอง!”