เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 316 เร่งรัดให้เขาแต่งงาน
ตอนที่ 316 เร่งรัดให้เขาแต่งงาน
ตอนที่ 316 เร่งรัดให้เขาแต่งงาน
ในตอนนี้ซูหวานหว่านยังไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องใดอยู่ นางจึงนั่งลงคุยกับพวกเขาอย่างสบายอารมณ์
เป่ยฉวนเฟิงหลิวอยู่ที่ตำหนักขององค์ชายสามเพื่อกินมื้อเย็น ก่อนที่จะขอตัวกลับไป และฉีเฉิงเฟิงกับซูหวานหว่านต่างพากันพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อซูหวานหว่านตื่นขึ้นก็พบว่าข้างนอกกำลังเกิดความโกลาหล นางได้ยินเสียงฆ้อง และเสียงกลองดังกึกก้อง ดูเหมือนว่ากำลังจะมีงานมงคลเกิดขึ้น ทันใดนั้นเปลือกตาก็กระตุกขึ้นมา นางมีลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านตื่นแล้ว สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จึงยกอ่างน้ำอุ่นเข้ามาและกล่าวว่า “คุณหนูจ้าว ได้โปรดล้างหน้าก่อน”
“อืม” ซูหวานหว่านพยักหน้า พร้อมกับมองไปด้านนอกแล้วถามว่า “พระราชกฤษฎีกาของฝ่าบาท ประกาศออกไปหรือยังว่าตระกูลข้านั้นบริสุทธิ์”
“ป่าวประกาศแล้วเจ้าค่ะ ประกาศไปเมื่อเช้านี้” สาวใช้เอ่ยออกมา แต่ก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูจ้าว การที่ท่านได้เป็นพระชายาขององค์ชายสามถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ข้าน้อยไม่ต้องการให้คุณหนูสวีมาเป็นพระชายาขององค์ชายสามเลย”
“งั้นหรือ? เพราะเหตุใดเล่า” ซูหวานหว่านเอ่ยถาม สาวใช้จึงกล่าวออกมาว่า “คุณหนูสวีเคยมาที่ตำหนักนี้แล้วครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าภายนอกนางจะดูอ่อนโยนและใจกว้าง แต่ข้าก็รู้สึกว่านางเป็นคนแปลก ๆ อีกทั้งนางยังชอบทำให้คนใช้อย่างพวกข้ารู้สึกลำบากใจอยู่เรื่อย ๆ แต่ท่านนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าท่านนั้น…จะเป็นคนที่เปิดเผยมากกว่า แต่ว่าภายในจิตใจของท่านเป็นคนที่ดีมากจริง ๆ”
คนใช้สามารถมองมองตัวตนของคุณหนูสวีออก แน่นอนว่าคนอย่างฉีเฉิงเฟิงก็สามารถมองคุณหนูสวีออกได้อย่างแน่นอน? เมื่อคิดได้ดังนี้ซูหวานหว่านก็ยิ้มออกมา นางเดินไปที่ประตูและทันใดสาวใช้คนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “คุณหนูจ้าว! แม่ทัพสวีได้พาคนมาถึงที่ตำหนักแล้วเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขามาที่นี่เพื่อที่จะหารือเรื่องการแต่งงานขององค์ชายสาม! และกำหนดวันแต่งงาน!”
“ว่าอย่างไรนะ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น และลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปจากห้องทันที
ตอนนี้ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยความคึกคัก และเมื่อซูหวานหว่านมาถึงห้องข้าง ๆ นางก็ยืนพิงกำแพงและแอบฟังว่าฉีเฉิงเฟิงจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างไร ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของฉีเฉิงเฟิงดังขึ้น “แม่ทัพสวีมาที่นี่เพื่อประกาศพระราชโองการ ข้ารู้ดีว่าฝ่าบาทอยากจะอุ้มหลานแล้ว เสด็จพ่อบอกว่าอีกสามวันจะถึงวันแต่งงานของข้ากับคุณหนูสวี งั้นวันนี้ข้าจะส่งสินสอดทองหมั้นไปก่อน”
ฉีเฉิงเฟิงยอมรับการคลุมถุงชนครั้งนี้งั้นเหรอ คิ้วของซูหวานหว่านขมวดเข้าหากัน และฟังฉีเฉิงเฟิงก็พูดออกมาอีกครั้งว่า “ข้าสงสัยว่าแม่ทัพสวีต้องการสินสอดทองหมั้นเท่าไร?”
“เรื่องนี้มันก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร” แม่ทัพสวีพูดออกมา เขากวาดสายตามองซูหวานหว่าน แต่เขาก็ได้ยินฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาว่า “ข้าได้ยินมาว่าเรื่องของการแต่งงานจะต้องให้คนในตำหนักเป็นคนจัดการ ดังนั้นข้าจะให้หว่านเอ๋อร์เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้กับข้าเอง”
นี่กำลังจะประกาศว่าอำนาจตกมาอยู่ที่มือของนาง!
ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น และทันใดก็รู้สึกว่าช่วยไม่ได้ที่ฉีเฉิงเฟิงจะแต่งงานกับคุณหนูสวีแล้วให้นางเข้ามาอยู่ในตำหนัก งั้นนางก็จะหาเรื่องสนุก ๆ ทำเสีย! เมื่อหญิงสาวคิดได้แบบนี้ก็เดินออกไปทันที นางเดินเข้าไปในห้องโถง ฉีเฉิงเฟิงจึงกวักมือเรียกนาง “หว่านเอ๋อร์มานี่หน่อยสิ”
ซูหวานหว่านเดินตรงเข้าไปนั่งบนตักของฉีเฉิงเฟิงโดยไม่อายสายตาผู้ใด ทำให้ใบหน้าของแม่ทัพสวีเปลี่ยนไปในทันใด “องค์ชายสาม ท่านอย่าลืมพระราชโองการของฝ่าบาท! คนที่ประทานพิธีอภิเษกสมรสนั้นคือฝ่าบาท! คนที่ท่านจะต้องแต่งงานด้วยลูกสาวของข้า ซึ่งก็คือสวีซู ไม่ใช่ซูหวานหว่าน!”
“ข้ารู้แล้ว” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ย และเป่าผมของซูหวานหว่านเล่นอย่างนุ่มนวลแล้วพูดว่า “แม่ทัพสวี เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคนนี้วางแผนอะไรไว้บ้าง?”
“วางแผนอะไรเอาไว้อย่างงั้นหรือ?” แม่ทัพสวีรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ฉีเฉิงเฟิงจะพูดออกมาคืออะไร มันต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เขาไม่มีความสุขอย่างแน่นอน แต่เขาก็ยังเลือกที่จะถามออกมา
ฉีเฉิงเฟิงเงยหน้าขึ้น และสบตาไปแม่ทัพสวีทันทีแล้วกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาทอยากที่จะให้องค์ชายสามและคุณหนูสวีซูแต่งงานกัน ถ้าข้าต้องทำแบบนั้น ข้าก็ไม่ต้องการเป็นองค์ชายสาม! แต่ถ้าข้าต้องทำจริง ๆ เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรต่อไปอย่างงั้นหรือ?”
เพื่อซูหวานหว่านแล้ว ฉีเฉิงเฟิงคนนี้ไม่ต้องการตำแหน่งใด ๆ ทั้งนั้น! เขาควรทำอย่างไรกับความอุตสาหะของฉีเฉิงเฟิง! แม่ทัพสวีหน้าซีดเผือด และก็ไม่ถามอะไรออกมาอีกเลย เขารู้ดีว่าการที่จะให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับองค์ชายสามไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป แต่เขาก็ได้ยืนขึ้นป้องมือแล้วกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะถือซะว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่องค์ชายสามพูดก็แล้วกัน และข้าอยากขอให้องค์ชายสามทำการนัดหมายเรื่องนี้ซะ ดังนั้นวันนี้ข้าจะกลับไปรอที่บ้านก่อนแล้วกัน”
“เดี๋ยวก่อน!” ซูหวานหว่านก็เรียกแม่ทัพสวีเอาไว้ แล้วพูดเสริมออกมาว่า “องค์ชายสามเพิ่งจะเป็นคนบอกเองว่าให้ข้าเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ข้าจะเอาสินสอดของขวัญทองหมั้นให้เจ้านำกลับไปด้วยเลย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องให้คนใช้ที่ตำหนักขององค์ชายสามไปส่ง”
หลังจากพูดจบ ซูหวานหว่านก็สั่งให้คนใช้ไปนำกล่องไม้เล็ก ๆ ที่บรรจุชาเอาไว้และกล่าวออกมาว่า “ชานี้ถือกำเนิดบนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะของเมืองเหยียน และมีหยดน้ำค้างคอยหล่อเลี้ยงใบชา มันทั้งสะอาด และมีรสชาติที่กลมกล่อม กลิ่นของมันหอมรัญจวนใจ เป็นของที่ดีเหมือนยาอายุวัฒนะ แน่นอนว่ามันสามารถออกผลผลิตได้หนึ่งปีต่อหนึ่งครั้ง มีบางคนที่ได้ลองชิมรสแล้วก็พูดออกมาว่า ทองคำหนึ่งพันแท่งสามารถแลกกับการได้จิบชานี้เพียงจิบเดียว ถ้าทำตามคำกล่าวของเขา ชานี้มันจะเพียงพอสำหรับเจ้า และมันมีมูลค่าเทียบเท่ากับทองคำหลายล้านตำลึงเลย เจ้าอย่าคิดว่ามันเป็นของที่ล้ำค่ามากขนาดนั้น รับเอาไว้เถอะ!”
“เจ้า!” ใบหน้าของแม่ทัพสวีเต็มไปด้วยความโกรธ และคำกล่าวนั้นมันก็เป็นแค่เพียงคำอธิบายที่เกินจริงของคนที่จิบน้ำชาเท่านั้น ใครจะไปคิดกันว่าซูหวานหว่านนั้นจะคิดจริงจังได้ขนาดนี้! ไม่รู้นางนั้นโง่หรือจงใจกันแน่! แม่ทัพสวีคิดว่าเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า และเขากล่าวออกมาว่า “องค์ชายสาม ท่านอยากที่จะมอบชีวิตนี้ให้กับผู้หญิงแบบนี้นะหรือ!”
“เจตนาของข้ายังชัดเจนไม่พออีกอย่างงั้นหรือ?” ฉีเฉิงเฟิงถอนหายใจออกมา “ท่านเคยเห็นสามีคนที่รักภรรยาที่สุดหรือไม่? ถ้ายังเจ้าจะได้เห็นอย่างแน่นอน”
“พวกท่าน…” ความคับแค้นสุมอยู่ในอกแม่ทัพสวี เขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองของบนโต๊ะเลย
“เดี๋ยวก่อนท่านแม่ทัพสวี อย่าลืมเอาของหมั้นไปด้วยสิ จะได้ไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับความตระหนี่ของข้าคนนี้” ฉีเฉิงเฟิงก็ได้กล่าวออกมา และให้ทหารองครักษ์ของตัวเองหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ ไปส่งให้แม่ทัพสวีแล้วพูดกับคนใช้ว่า “เอาล่ะ ส่งแขก”
สีหน้าของแม่ทัพสวีก็เปลี่ยนสีเต็มไปด้วยความโกรธ เขากำกล่องไม้ที่อยู่ในมือแน่น หากจะโยนมันทิ้งไปก็เสียดาย แต่ถ้ารับเอาไว้เขาก็จะขายขี้หน้า ฉีเฉิงเฟิงทำแบบนี้กับเขามันเหมือนไม่เห็นแก่หน้าเขาเลย!
หลังจากที่แม่ทัพสวีเดินออกไป ซูหวานหว่านที่นั่งอยู่บนตักของฉีเฉิงเฟิงก็ย้ายตัวเองมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้าง ๆ คนใช้ก็ได้นำอาหารเช้าที่จัดเตรียมเอาไว้เข้า ซูหวานหว่านมองดูเขาจัดจานพลางกล่าวว่า “เจ้าไม่กลัวว่าแม่ทัพสวีจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับฝ่าบาทหรือ ว่าเจ้าหยิ่งผยอง อวดดี และไม่ต้องการที่จะแต่งงานกับลูกสาวของเขา?”
“หากเขานำไปบอกฝ่าบาทแล้วมันอย่างไร?” ฉีเฉิงเฟิงยิ้มออกมาเบา ๆ แล้วพูดออกมาแบบสบาย ๆ เขาฉีกหน้าของฝ่าบาทออกมาเป็นชิ้น ๆ ตั้งนานแล้ว เขานั้นจะไปกลัวอีกฝ่ายได้อย่างไรกัน?
“แล้วถ้าพวกเขายกเลิกแต่งงานล่ะ? เจ้าจะไม่อับอายอย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านถามขึ้นด้วยความสงสัย ฉีเฉิงเฟิงก็ตักโจ๊กร้อน ๆ ขึ้นมาและจ่อไปที่ปากของซูหวานหว่าน หญิงสาวอ้าปากรับโจ๊กเข้าไป
“ข้าเหรอที่จะกลัวการอับอาย?” ฉีเฉิงเฟิงเลิกคิ้วขึ้นถามแล้วมองไปที่ซูหวานหว่าน เขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ข้ายังมีหน้ามีตาอยู่อย่างงั้นหรือ ตั้งแต่ข้าพบเจ้า หน้าของข้าในตอนนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าไปอยู่ไหนแล้ว”
คำพูดที่ไร้ยางอายและไร้ความปรานีก็ออกมาจากปากของผู้ชายคนนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมนางถึงรักผู้ชายคนนี้! ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาดัง ๆ จนเกือบจะสำลักโจ๊กที่กินเข้าไป
ทั้งสองคนกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ ส่วนอีกด้านหนึ่งที่จวนของแม่ทัพสวีก็กำลังรับประทานอาหารเช่นกัน แต่ทุกคนนั้นไม่มีอารมณ์ในการที่จะรับประทานอาหารเลย และบรรยากาศในห้องโถงก็เงียบเชียบมาก
สวีซูกล่าวออกมาว่า “ท่านพ่อ ข้ามีแผนที่จะจัดการกับซูหวานหว่านแล้ว”
“ลองพูดมาสิ” แม่ทัพสวีเอ่ยออกมาด้วยความสนใจ