เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 318 กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง
- Home
- เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田
- ตอนที่ 318 กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ตอนที่ 318 กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ตอนที่ 318 กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง
“สาวใช้ในบ้านของเขาล้วนแต่เป็นสาวบริสุทธิ์ เจ้าจะให้พวกนางไปปรนนิบัติรับใช้เจ้าได้อย่าง!” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องและลงกลอนทันที
เย่หลิงเฉินทุบประตูเสียงดัง หากแต่ซูหวานหว่านก็ทำเป็นไม่สนใจ หญิงสาวยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเพื่อรอดูอะไรเพื่อดูความหรรษาที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้!
เวลาเพียงไม่นาน ซูหวานหว่านก็ได้ยินเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงของชายหนุ่มดังออกมาจากในห้อง หญิงสาวคิดว่าจะเปิดประตูให้ทุกคนได้เห็นภาพข้างใน แต่อีกใจก็คิดว่าการทำเช่นนั้นก็คงมากเกินไป จึงเปิดหน้าต่างและก็ได้พบกับภาพกิจกรรมอันร้อนแรงภายในห้อง โดยไม่สนใจว่าภายนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น
สาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้า แต่เมื่อได้ยินเสียงอันร้องแรงนั้นใบหน้าของนางก็แดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “คุณหนูสวี คุณหนูสวีซูมาขอพบท่าน ท่านต้องการให้นางเข้ามาหรือไม่?”
“ให้นางเข้ามา แต่เจ้าไม่ต้องไปรายงานนางหรอก ให้นางเดินเข้ามาเอง” ซูหวานหว่านเอ่ย แล้วสั่งให้สาวใช้เข้าไปนั่งอยู่ในห้องข้าง ๆ เพื่อนนวดคลายเมื่อยให้นาง ซูหวานหว่านในตอนนี้มีท่าทางที่นิ่งสงบอย่างมาก หากแต่สาวใช้ยังคงอ่อนต่อโลกมากที่จะรับรู้ถึงเรื่องแบบนี้ และเมื่อสาวใช้ได้ยินเสียงของคนภายในห้องก็ทำให้ใบหน้าของนางแดงก่ำ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากนอกประตูบ้าน “พวกเจ้านี่มันยังไงกัน! ข้าเป็นถึงลูกสาวของแม่ทัพสวี! อีกทั้งยังเป็นว่าที่ของพระสนมขององค์ชายสาม ข้ามาที่นี่เพราะตั้งใจจะมาหาคุณหนูของพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับมาขวางทางข้า!”
คิดไม่ถึงว่าคุณหนูสวีซูจะมาเร็วกว่าที่คิดไว้! ใบหน้าของซูหวานหว่านเผยรอยยิ้มออกมา และบอกให้สาวใช้หยุดมือของนาง ทั้งสองคนมองออกไปนอกหน้า เมื่อเห็นร่องรอยความสุขในแววของคุณหนูสวีซู ซูหวานหว่านก็รับรู้ทันทีว่าเรื่องนี้เป็นแผนการของผู้ใด
คุณหนูสวีซูชี้ไปที่ด้านในห้อง และถามออกมาว่า “ในห้องนั้นคือคุณหนูจ้าวใช่หรือไม่?”
“เอ่อคือ…ข้าน้อยจะไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน!” คนใช้ตอบออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ โดยมีสายตาของคุณหนูสวีจับจ้องอยู่ สาวใช้เกาหัวราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วพูดออกมาว่า “ข้าน้อยเห็นเหมือนว่าคุณหนูเย่ซิงซินประคองคุณหนูเข้าไปในห้อง แต่ข้าน้อยก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือห้องไหน”
เมื่อได้ยินแบบบนี้สวีซูก็คิดว่าแผนการที่วางไว้สำเร็จแล้ว
สวีซูรู้สึกว่าหัวใจของนางมีความสุขมากมาย แต่ใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นกังวล คิ้วของนางขมวดแน่น แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรพร้อมกับพูดว่า “องค์ชายสามก็มาที่นี่ด้วย!”
สวีซูแสร้งบีบน้ำตา “ท่านพี่หวานหว่าน ข้าไม่ดีเอง! ถ้าข้ามาเร็วกว่านี้! ข้าอาจจะหยุดเรื่องทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ชายอื่นมารังแกเจ้า และทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าเด็ดขาด ข้าควรจะทำอย่างไรดี!”
ซูหวานหว่านอยากจะปรบมือให้กับทักษะการแสดงนี้ของสวีซูเสียจริง เสียงร้องไห้ที่บีบคั้นหัวใจนางทำมันได้ดีเหลือเกิน สวีซูไม่รู้ว่าซูหวานหว่านได้เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ในสายตาของสวีซู คงคิดว่าตัวเองนั้นทำสำเร็จ ถึงร้องไห้ออกมาแบบนั้น และฉีเฉิงเฟิงก็เข้ามาอย่างที่ได้คาดการณ์เอาไว้
หญิงสาวทำเป็นเหลือบมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง และพอเห็นฉีเฉิงเฟิงจะก้าวไปในห้องนางก็รีบวิ่งเข้าไปและร้องไห้ออกมาทันทีว่า “องค์ชายสาม มันเป็นความผิดของข้า ท่านอย่าโทษท่านพี่หวานหว่านเลย นางอาจจะถูกคนอื่นลวนลามโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้แล้ว ท่านควรปล่อยท่านพี่หวานหว่านไป ปล่อยให้ท่านพี่หวานหว่านอยู่กับผู้ชายคนนั้นเถอะ”
“…”
ฉีเฉิงเฟิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหอบกระเส่าของชายหญิงคู่หนึ่ง ชายหนุ่มรับรู้อะไรบางอย่าง เขาจำเสียงหญิงสาวของตนเองได้ดี เสียงของหญิงสาวไพเราะกว่าหญิงภายในห้องมาก
“องค์ชายสาม เหตุใดท่านถึงไม่ตื่นตระหนกเลย ท่านไม่เป็นห่วงท่านพี่หวานหว่านแล้วอย่างงั้นหรือ? พวกเรารีบเข้าไปดูกันเถอะ!” สวีซูก็พูดออกมาพลางกัดฟันตัวเอง เมื่อลองผลักประตูก็พบว่าห้องถูกล็อก นางจึงร้องไห้ออกมา “ชายที่อยู่ข้างในเป็นคนบอกให้คนใช้ปิดประตูอย่างแน่นอน! พี่หวานหว่านโชคไม่ดีเสียจริง ๆ!”
พูดจบ สวีซูก็ทำตัวราวกับตนเองเป็นเจ้าบ้านสั่งให้คนใช้นำเอาขวานมาสับกุญแจ แล้วเดินนำหน้าเข้าไปในห้องทันที
“สวรรค์! เย่…คุณชายเย่! พี่หวานหว่าน!” สวีซูทำท่าปิดตาของตัวเอง หากแต่ก็ฉีเฉิงเฟิงดึงแขนเสื้อนางเอาไว้ และดึงมือของสวีซูออกแล้วพูดว่า “ดูให้ดีเสียว่าคนที่อยู่บนเตียงคือใคร?”
“จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ท่านพี่หวานหว่าน?” สวีซูพูดขึ้นมา แต่ก็รู้สึกสังหรณ์ภายในใจอยู่เล็กน้อย นางมองออกไปก็พบร่างสองร่างกอดรัดกันอยู่บนเตียง
หญิงสาวตกตะลึง ถึงแม้ว่านางจะเดาได้ว่าชายคนนั้นคือใคร แต่หญิงสาวกลับกลายเป็นเย่ซิงซินที่นางไปไหว้วานให้มาจัดการซูหวานหว่าน!
เย่ซิงซินและเย่หลิงเฉินเป็นญาติกัน!
ในตอนนี้ฤทธิ์ยาของเย่หลิงเฉินยังไม่หมด และทั้งสองคนก็ยังคงทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ แต่เย่ซิงซินนั้นไม่สามารถขยับตัวได้ มีเพียงแค่เย่หลิงเฉินเท่านั้นที่กระทำนางฝ่ายเดียว เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ความเกลียดชังพลันเกิดขึ้นในใจของพวกเขา เหตุผลครึ่งหนึ่งที่นางตกลงช่วยคุณหนูสวีซูจัดการซูหวานหว่าน นั่นเป็นเพราะนางเกลียดซูหวานหว่าน และเหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็คือว่านางชอบฉีเฉิงเฟิง!
แต่ว่าตอนนี้ฉีเฉิงเฟิงได้เห็นภาพอื้อฉาวของนาง
เย่ซิงซินคิดในใจว่าทุกอย่างได้จบลงแล้ว
เย่ซิงซินหลับตาลง พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลรินออกมาจากหาง และนางก็ตะโกนออกมาว่า “อ๊ะ~ เป็นเพราะซูหวานหว่านที่ทำร้ายข้า…องค์ชายสามจะต้องลงโทษนาง!”
หญิงสาวที่ร่วมเตียงกับคนอื่นเอ่ยออกมาเช่นนี้ มันช่างดูไม่น่าเชื่อถือ!
ฉีเฉิงเฟิงเดินออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา และไม่สนใจผู้หญิงที่อยู่ในห้องอีกต่อไป สวีซูกัดฟันออกมาอย่างขมขื่น และเดินตามฉีเฉิงเฟิงออกไปด้วยความตกใจ “องค์ชายสาม ทั้งสองคนนั้นก่อเรื่องขึ้นในบ้านของคุณหนูจ้าว เรื่องนี้ต้องมีความเชื่อมโยงกับพี่หวานหว่าน เขาเป็นถึงคนตระกูลเย่ เราต้องให้ความสนใจแก่พวกเขาหรือไม่?”
“เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นลูกชายตระกูลเย่ ทำไมถึงไม่ยังหุบปากอีก เจ้าพูดมากเช่นนี้ไม่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือย่างไร” เสียงของหญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา ร่างกายสั่นสะท้านใบหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นซูหวานหว่านเดินออกมา “ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าควรที่หุบปากไว้เสียจะดีกว่า? นี่ไม่ใช่แผนการที่เจ้าวางแผนเอาไว้ไม่ใช่หรือไง?”
“ข้าจะเป็นคนวางแผนได้อย่างไร…” สวีซูถึงกับหน้าซีดลง “คุณหนูจ้าวเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นเพียงหญิงเปราะบางคนหนึ่ง จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไรกัน!”
เมื่อพูดจบ สวีซูก็ชี้ไปที่ซูหวานหว่านและกล่าวออกมาว่า “เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนทำลายพวกเขาทั้งสองคน เจ้าไม่มีหลักฐานอะไรเหตุใดถึงกล้าพูดจาใส่ร้ายต่อหน้าข้าได้กัน…”
“คุณหนูสวี เจ้าก็ว่าสิ่งใดคือหลักฐาน?” ซูหวานหว่านเยาะเย้ยออกมา “เหตุใดถึงยังมาพูดจาใส่ร้ายข้าอีก ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่มายืนยัน?”
“เจ้า…” สวีซูถึงกับสำลัก ความโกรธจุกอยู่ในลำคอจนไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ฉีเฉิงเฟิงจับมือของซูหวานหว่านและพูดออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องไปสนใจนางแล้ว ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว พวกเรา ไปกินข้าวกันเถอะ”
“ก็ได้” ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงเดินจากกันไป และสีหน้าของสวีซูก็เปลี่ยนไปทันที แต่เมื่อนางได้ยินเสียงหอบหายใจอีกครั้ง นางก็นึกถึงคนที่อยู่ในห้องทั้งสองคน หญิงสาวก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยภายในใจ และนางก็เดินออกไปและสั่งให้คนใช้ของนางมาเฝ้าไว้ เพื่อที่ไม่ให้คนอื่นเข้ามาใกล้ในห้องนั้น แต่ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปอย่างรวดเร็ว คนรับใช้ทั้งหมดในตระจ้าว ยกเว้นคนรับใช้สองสามคนของคุณหนูสวีซูต่างเข้ามามุ่งดูความสนุกสนาน และเกาะติดอยู่กับกำแพง สวีซูต้องการขับไล่พวกคนใช้ออกไปหากแต่พวกเขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าก็พลันมืดลง และในที่สุดเย่หลิงเฉินและเย่ซิงซินที่อยู่ภายในห้องก็หยุดกิจกรรมลง คนใช้มารายงานกับซูหวานหว่านว่าทั้งสองคนได้ออกไปแล้ว แม้แต่คุณหนูสวีซูก็ออกไปด้วย
สายลมหวานพัดผ่านกระแทกเข้าประตูและหน้าต่างจนเกิดเสียงดัง ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปในห้อง และได้ยินเสียงเคาะประตูของคนใช้ “คุณหนู! คุณชายเย่ให้คนมาเชิญท่านไปที่ตระกูลเย่!”
ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น คุณชายเย่กำลังเรียกนางไปลงโทษอย่างงั้นเหรอ?