เกิดใหม่เป็นสุนัขจิ้งจอก - ตอนที่ 105
ตอนที่ 105 ลาก่อนมังกรปลอม
ถังลี่เสวี่ย ญาญ่าและกิ้งก่าปีกตาแดงเพิ่งบินไปไม่กี่ร้อยไมล์จากภูเขาไฟที่ปะทุ แต่พวกเขาเกือบจะได้พบกับสัตว์ประหลาดตัวเก่าตัวแรกที่มีการฝึกฝนระดับสูงมากซึ่งมุ่งหน้าไปยังภูเขาไฟ
โชคดีที่ญาญ่าเตือนพวกเขาสักสองสามนาทีก่อนที่กลุ่มของพวกเขาจะได้พบกับผู้ฝึกฝนคนนั้น
ทันทีที่กิ้งก่าปักตาแดงเข้าใจคําเตือนของญาญ่า มันก็ลงมาที่พื้นทันที และวิ่งด้วยเท้าเหมือนสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ
อันที่จริงมีสัตว์ร้ายอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนที่วิ่งหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการระเบิดของภูเขาไฟ ดังนั้นพวกมันจึงวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ที่ภูเขาไฟอยู่ เช่นเดียวกับถังลี่เสวี่ยและกลุ่มของเธอ
กิ้งก่าปีกตาแดงและถังเสวี่ยสามารถผสมผสานกับสัตว์ร้ายตัวอื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ญาญ่านั้นโดดเด่นมาก เนื่องจากวิญญาณธาตุทั้งหมดหายากและมีค่ามาก
ถังเสวี่ยกลัวว่าญาญ่าจะดึงดูดความโลภของผู้ฝึกฝนระดับสูง ดังนั้นเธอจึงเก็บญาญ่ากลับ เข้าไปในระบบของเธอก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ผู้ฝึกฝนตนแรกที่มีการฝึกฝนระดับสูงก็บินไปเหนือพวกมันโดยใช้ดาบบินของเขา และมุ่งหน้าไปยังภูเขาไฟที่ปะทุ
แรงกดดันที่เปล่งออกมาจากผู้ฝึกตนนั้นรุนแรงมาก และทําให้สิ่งมีชีวิตทุกตัวที่อยู่ใกล้เขาหายใจไม่ออก
ซึ่งแตกต่างจากพ่อแม่ของญาญ่าที่ระงับความกดดันจากพลังของมันเอาไว้ ทําให้ไม่ได้ทําร้ายใครที่อ่อนแอกว่าเลย แต่กับผู้ฝึกฝนตนนี้ เขาจงใจที่จะปล่อยแรงกดดันนี้ออกมาเพื่อครอบงําผู้ที่อ่อนแอกว่า
ถังลี่เสวี่ยเกือบจะยกหัวของเธอขึ้นมามอง แต่กิ้งก่าปักตาแดงได้เตือนเธอเอาไว้ก่อน
“อย่ามองเขาเชียวนะ! ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทุกคนไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ร้ายมีความรู้สึกที่เฉียบแหลมมาก! พวกเขาจะสังเกตเห็นได้ทันทีหากมีคนกําลังดูพวกเขาอยู่!” กิ้งก่าปักตาแดงกระซิบกับถังเสวี่ยโดยใช้กระแสจิต
ผู้ฝึกตนชราระดับสูงคนนั้นบินเร็วมาก
หลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองวินาที ความกดดันอย่างหนักจากผู้ฝึกตนชราคนนั้นก็หายไปจากที่ที่ถังลี่เสวี่ยและกิ้งก่าปีกตาแดงอยู่
ถังเสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเธอพยายามถามอะไรบางอย่างจากกิ้งก่าปักตาแดงโดยใช้ท่าทางของเธอ
เธอใช้กําปั้นและชี้ไปที่กิ้งก่าบิกตาแดงแล้วชี้ไปที่หัวของพวกมัน
“คุณอยากถามว่าระหว่างฉันกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นใครแข็งแกร่งกว่ากัน ฮ่าฮ่าฮ่า…. อสูรแก่นั่นน่าจะอยู่ในระดับแรกๆของขั้นเริ่มตั้งจิตวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงแข็งแกร่งกว่าฉันมาก แต่เขาไม่สามารถทําร้ายฉันได้ เนื่องจากการป้องกันที่แข็งแกร่งของฉัน ดังนั้นจึงไม่สามารถจะสู้กันได้หรอก” กิ้งก่าปีกตาแดงแสดงท่าทางภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของมันก็หม่นหลังจากนั้นและพิมพ์
“แต่อย่าพยายามต่อสู้กับเขา ถ้าคุณตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกันสักวันหนึ่ง! โดยปกติ ผู้ฝึกฝนแก่ตนนั้นจะมาสอดแนมเท่านั้น และกําลังเสริมจากนิกายของเขาจะมาในภายหลัง ถ้าฉันต่อสู้ไปสักพัก กําลังเสริมของเขาก็จะมาช่วยในภายหลัง และแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถทําร้ายฉันได้ แต่พวกเขาสามารถจับฉันโดยใช้สมบัติจากนิกายของพวกเขา
ถังเสวี่ยพยักหน้าทันที ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทําไมนิกายปีศาจอสูรถึงจับมังกรปลอมตัวนี้ได้ แม้ว่าจะมีการป้องกันที่สมบูรณ์แบบ คงเกิดสถานการณ์เดียวกันกับวันนี้กับกับมังกรปลอมตัวนี้
สองสามวันหลังจากที่ถังเสวี่ย และกิ้งก่าปีกตาแดงหนีจากภูเขาไฟที่ปะทุไปในทิศทางตรงกันข้ามแล้วนั้น ก็เหมือนกับพวกเขาถูกบังคับให้ใช้ทางอ้อม ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกสองสามวันกว่าจะถึงที่หมาย
อันที่จริงการเดินทางของพวกเขาหลังจากนั้นก็อันตรายจริงๆ เหมือนเหยียบย่ําบนน้ําแข็งบางๆ
แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้ มีผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนคอยตรวจตราและตรวจสอบสิ่งของของทุกคน
แน่นอนว่าถังลี่เสวี่ยยังคงเดินทางโดยใช้ [ร่างเทพ] ของเธอตั้งแต่นั้นมาเพื่อที่เธอจะได้ข้าม การตรวจสอบทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและระหว่างทางนั้นก็มีการปล้นและฆ่าในพื้นที่นี้นับไม่ถ้วนซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากมนุษย์
มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่ปล้นเครือญาติของตัวเอง แต่ยังฆ่าสัตว์จํานวนมากเพื่อดึงแกนสัตว์ เลือด กระดูก และขนของพวกมัน หลายส่วนของสัตว์อสูรมีค่ามาก ดังนั้นมนุษย์ที่โลกจะปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปเช่นนั้นได้อย่างไร
โชคดีที่สัตว์อสูรระดับ [หายาก] ในระดับเดียวกันกับกิ้งก่าปีกตาแดงมักจะฉลาด ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องยากสําหรับกิ้งก่าปักตาแดง เมื่อพวกเขาพบมนุษย์ก็จะโจมตีเพื่อฆ่าในทันที!
สถานการณ์นี้ทําให้ถังลี่เสวี่ยสับสนจริงๆ
“ดังนั้นสัตว์ร้ายทุกตัวจึงเกลียดชังมนุษย์มาก ในขณะที่มนุษย์ทุกคนต้องการล่าสัตว์ป่า เพราะว่าพวกมันสามารถขายส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ในราคาที่สูง อย่างไรก็ตามมนุษย์ยังคงฆ่าญาติของตัวเองเพื่อเงิน ความสนุก ผู้หญิง และสมบัติ ในขณะที่สัตว์เดรัจฉานจะไม่ค่อยฆ่าเพื่อนสัตว์ของพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลใดๆ?”
ถังเสวี่ยเกาหัวที่มีขนยาวด้วยความงุนงง
“ทําไมฉันถึงรู้สึกว่าสัตว์ร้ายมีจิตใจที่เมตตากว่ามนุษย์ซะอีกนะ? อืม..ช่างมัน!”
ถังลี่เสวี่ยเริ่มตื่นเต้นอีกครั้งเมื่อเธอคิดถึงสมบัติลูกแก้วสีแดงเข้มที่เธอกู้ฟื้นคืนมันมาก่อน
เธอไม่กล้าที่จะนําลูกแก้วสีแดงออกจากกระเป๋าอวกาศของเธอ และตรวจสอบอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งตอนนี้หลังจากที่เธอวิ่งไปไกลจากภูเขาไฟที่ปะทุมาสองสามวันแล้ว
อย่างไรก็ตามมันก็ไร้ประโยชน์สําหรับเธอที่จะตรวจสอบลูกแก้วสีแดงเข้มด้วยความสามารถของเธอในปัจจุบัน เธอคงไม่สามารถค้นพบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ได้ในตอนนี้
“อืม… รอสักครู่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันซื้อความสามารถที่สามารถช่วยระบุไอเทมจากหน้าต่างทักษะของระบบได้? มาดูกัน
แต่ก่อนที่ถังลี่เสวี่ยจะสามารถเปิดหน้าต่างทักษะในระบบของเธอได้
“สาวน้อย เปลี่ยนแผน ดูเหมือนว่าเจ้าต้องไปคนเดียวแล้วนะต่อจากนี้” กิ้งก่าปิกตาแดงพูด กับถังลี่เสวี่ย ในขณะที่ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
ถังลี่เสวี่ยขมวดคิ้วและจ้องกลับไปที่กิ้งก่าปิกตาแดงด้วยความงุนงง
“เพื่อนจากเผ่าพันธุ์ของฉัน เขาสังเกตเห็นฉันตอนที่ฉันอยู่บริเวณที่สมบัติศักดิ์สิทธิ์อันล้ําค่าของเผ่ามันกรปรากฏขึ้น และเนื่องจากที่ฉันหายตัวไปนานแล้วด้วย พวกเขาก็เลยสงสัย ฉันแล้วในตอนนี้ ฉันคงต้องตามเขากลับไปที่เผ่าพันธุ์ของฉันเพื่อที่ยอมรับการสอบสวนโดยเร็วที่สุด เฮ้อ…” กิ้งก่าปีกตาแดงส่ายหัวหลังจากอธิบาย
ถังเสวี่ยขมวดคิ้วลึกยิ่งขึ้นหลังจากที่เธอได้ยินคําอธิบายของกิ้งก่าปักตาแดง เธอถามกลับทันทีโดยใช้ท่าทางของเธอ
“คุณกําลังถามว่า ฉันโอเคไหม และถ้ามันอันตรายเกินไปสําหรับฉัน คุณจะให้สมบัติศักดิ์สิทธิ์นั้นกับฉันเพื่อที่ฉันจะมอบให้กับเผ่าพันธุ์กิ้งก่าของฉัน จริงเหรอเนี่ย? นี่ นี่ไม่เหมือนคุณเลย!!” กิ้งก่าปีกตาแดงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่มันรู้สึกดีกับถังลี่เสวี่ยอย่างมาก
ถังลี่เสวี่ยกลอกตาแล้วพยักหน้าอย่างเกียจคร้าน และจ้องไปที่กิ้งก่าปีกตาแดงเพื่อรอคําตอบ
“หมายความว่ายังไง นี่ไม่เหมือนฉันงั้นหรอ!!?! ฉันก็ใจดีเหมือนกันนะ โอเค๊! แล้วฉันจะละทิ้งสัตว์ขี่ของฉันได้อย่างไร? ฉันไม่รู้ว่าจะใช้ลูกแก้วสีแดงนั้นยังไงดี และฉันสงสัยว่าคนในเผ่าของคุณคงรู้วิธีใช้มันในระยะเวลาอันสั้น ฉันสามารถขโมยมันกลับมาโดยใช้ [ร่างเทพ] ของฉันได้เสมอหลังจากที่พวกเขาพบวิธีที่จะใช้มัน! อื้อหือ….”
กิ้งก่าปักตาแดงหัวเราะคิกคักและเคาะหัวของถังเสวี่ยเบาๆ โดยใช้กรงเล็บยักษ์ของมัน
“สาวน้อย ฉันเป็นหนี้บุญคุณเธอมากแล้วที่ปล่อยฉันจากที่ที่เลวร้ายนั่นมา ฉันจะให้คุณทําอีกตอนนี้ได้ยังไงกันล่ะ! ความเย่อหยิ่งของสัตว์อสูรจะลดลงเหลือเพียงความว่างเปล่า ถ้าคุณทําอะไรแบบนั้นเพื่อฉันอีกครั้ง ไม่ต้องห่วงฉัน นี่เป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ ฉันจะบอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันอย่างจริงใจ ยกเว้นเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นที่ภูเขาไฟนั้น”
ถังเสวี่ยยังคงจ้องมองที่กิ้งก่าปีกตาแดงที่เต็มไปด้วยความกังวล เธอรู้ดีว่าโดยธรรมชาติของกิ้งก่าปิกตาแดง มันเป็นไปไม่ได้ที่กิ้งก่าปิกตาแดงจะปล่อยให้เธอเดินทางคนเดียวหากมีทางเลือกอื่น เนื่องจากสถานการณ์ในโลกภายนอกนั้นคาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยอันตราย
“ฮ่าฮ่าฮ่า…สาวน้อย คุณคิดจริงๆหรือว่าฉันจะกลับไปที่เผ่าพันธุ์กิ้งก่าเพื่อถูกสอบสวนจากพวกนั้น เหตุผลหลักที่ฉันจะกลับไปที่เผ่าพันธุ์กิ้งก่าคือการพักฟื้นและเตรียมตัวเพื่อวิวัฒนาการ “ กิ้งก่าปีกตาแดงช้าๆ พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
“วะ…วะ…วิ… วิวัฒนาการ! มังกรปลอมตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับ [หายาก] อยู่แล้ว ถ้ามันวิวัฒนาการอีกครั้ง แสดงว่ามังกรปลอมตัวนี้จะกลายเป็นสัตว์วิญญาณใช้ไหม! ว้าว!”
กิ้งก่าปักตาแดงหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นถังเสวี่ยจ้องมองด้วยความคารวะ
“ถูกต้อง! ฉันจะกลายเป็นสัตว์วิญญาณ! ดังนั้นไม่ว่าเผ่าพันธุ์ของฉันจะสงสัยฉันแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้าทําอะไรฉันหรอก เพราะถ้าฉันสามารถวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์วิญญาณได้สําเร็จ ฉันก็อาจจะได้เข้าสมัครเป็นหัวหน้าเผ่าอย่างเป็นทางการ!!” กิ้งก่าปักตาแดงลูบหัวที่มีขนยาวของถังลี่เสวี่ยอีกครั้งโดยใช้กรงเล็บยักษ์ของมันเบาๆ
“ดังนั้นคุณไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับฉันเลย! ฉันจะกลับมาหาคุณหลังจากที่ฉันเสร็จสิ้นธุระในเผ่าพันธุ์ของฉัน โอ้ใช่! ฉันเกือบลืมบอกคุณ ที่สําคัญที่สุด! ที่จริงฉันอยากจะบอกคุณหลังจากที่เราไปถึงบ้านจิ้งจอกแล้ว เพื่อที่คุณจะไม่ลืมมันในภายหลัง” การแสดงออกของกิ้งก่าปีกตาแดงกลายเป็นเคร่งขรึม
ถังเสวี่ยรู้สึกเศร้ามากเมื่อได้ยินว่าเธอต้องแยกจากมังกรปลอมที่นี่ แต่การแสดงออกของเธอก็กลายเป็นจริงจังเมื่อเห็นการแสดงออกที่เคร่งขรึมของมังกรปลอม
“นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเปลวไฟสีน้ําเงินของคุณ คุณต้องใช้มันอย่างไม่ระมัดระวังต่อจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่คุณเข้าไปในบ้านจิ้งจอกแล้ว!” กิ้งก่าปีกตาแดงเตือนถังเสวี่ยด้วยน้ําเสียงที่เข้มงวดมาก
“นกฟีนิกซ์สีน้ําเงินแห่งความภาคภูมิใจฉัน? ทําไมล่ะ?” ถังเสวี่ยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
เธอไม่เคยคิดว่าคําเตือนครั้งสุดท้ายที่กิ้งก่าปิกตาแดงจะเตือนเธอนั้น จริงๆแล้วเกี่ยวกับเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจของเธอ
“เป็นเพราะว่าเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจของฉันเป็นหนึ่งจิตวิญญาณแห่งความปรารถนาทางโลกทั้งเจ็ดงั้นหรอ แสดงว่ายังมีเปลวไฟอีกเจ็ดดวงเช่นเดียวกับเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจ อะไรแบบนั้นหรอ? เฮ้อ…ปวดหัว…”
ถังลี่เสวี่ยลูบหัวที่มีขนยาวของเธอด้วยอุ้งเท้าอันอ่อนนุ่มของเธอ