เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 274 จะส่งนายขึ้นสวรรค์
ตอนที่ 274 จะส่งนายขึ้นสวรรค์!
“อะไรนะครับ?”
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำพูดของผู้เป็นปู่ก็กล่าวทันที “ทำไมล่ะครับ? คุณปู่ ก็หมอนี่รู้เรื่องผมแถมยังแตะต้องเมียผมอีก มันดูถูกตระกูลเย่เราชัดๆ! ตระกูลซูของพวกเขาจะต้องมีความแค้นอะไรกับพวกเราแน่ๆ วันนี้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือผม ผมปล่อยเขาไปง่ายๆ ไม่ได้!”
เย่ฉงไห่กล่าว “เฉินเอ๋อร์ หลานอย่างเพิ่งใจร้อน ตระกูลซูกับพวกเราไม่ได้มีความแค้นอะไร แต่ถ้าจะมีขึ้นมาจริงๆ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะพี่ชายคนที่สองของหลานมันก่อเรื่องเอาไว้ เอาเป็นว่าหลานอย่าเพิ่งแตะต้องคนตระกูลซูแล้วกัน ถ้าหลานทนรับความอายครั้งนี้ไม่ได้ต้องซ้อมเขาให้ได้ งั้นถ้าหลานฆ่าเขาแล้วก็รีบกลับมาอังกฤษทันที แล้วทั้งชีวิตนี้ก็ห้ามกลับไปที่นั่นอีก!”
เย่เฉินได้ยินคำพูดของผู้เป็นปู่ก็ตะลึงไป “อะไรนะ? ชีวิตนี้จะกลับมาที่นี่ไม่ได้เลยเหรอครับ?”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าแค่แตะต้องหมอนี่ จะต้องชดใช้ขนาดนี้!
แล้วทำไมปู่ของเขาไม่เห็นเคยพูดเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะ
“ตระกูลซู…ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?” เย่เฉินตกตะลึง
เย่ฉงไห่กล่าว “ตระกูลซูมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในประเทศนี้ ตอนนี้ตระกูลของพวกเราได้รามือจากที่นั่นแล้ว ตอนนี้ศักยภาพของเราที่นั่นสู้พวกเขาไม่ได้แล้ว ตระกูลซูไม่เหมือนตระกูลหลิ่ว ตระกูลหลิ่วหลานใข้เงินแก้ปัญหาได้ แต่ตระกูลซูนั้นต่างออกไป
ยิ่งไปกว่านั้นหลายสิบปีก่อน ตอนที่ปู่ลงทุนอยู่ที่เทียนไห่ก็เคยรู้จักกับคนตระกูลซู เขายังเคยเสนอตัวช่วยปู่่ด้วย ปู่สามารถบอกให้หลานพวกเขาขอโทษหลาน หรือไม่ก็ให้ชดเชยด้วยวิธีอื่น แต่ถ้าหลานยังรู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วก็ยังไม่พอ อยากจะฆ่าเขาให้ได้ ก็เชื่อปู่ ฆ่าเขาแล้วรีบออกประเทศมาเลย”
เย่เฉินตกอยู่ในความเงียบ เขาพอจะจับกระแสความกังวลในน้ำเสียงของปู่เขามีต่อตระกูลซูได้!
“ครับ ผมรู้แล้วครับ”
เย่เฉินกดวางสาย
และในเวลานี้เองชายแซ่ซูที่โดนจับมัดไว้กับเก้าอี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ว่าไงล่ะ เย่เฉิน? เย่ฉงไห่คงจะบอกนายเรื่องศักยภาพของตระกูลฉันแล้วใช่ไหมล่ะ? ไม่ต้องพูดเรื่องตอนนี้เย่ฉงไห่อยู่ในประเทศหรือเปล่า ต่อให้เป็นตอนที่เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นได้แค่เด็กหิ้วรองเท้าให้คนในบ้านฉันเท่านั้นแหละ!”
“เพี้ยะ!”
เย่เฉินฟาดฝ่ามือใส่หน้าผู้ชายแซ่ซูคนนั้น!
“แก…แกกล้าตบฉัน?” ใบหน้าเขาฉายแววเหลือเชื่อ
“ตบแก? ฉันอยากจะฆ่าแกด้วยซ้ำไป!”
เย่เฉินรับมีดมาจากซีกวา แล้วชี้ไปที่ใบหน้าสวยๆ ของหมอนั่น
“แก…แกเป็นบ้าไปแล้ว! เย่ฉงไห่…”
เพี้ยะ!
เย่เฉินฟาดฝ่ามือลงไปอีกหนึ่งฉาด “ไอ้เดียรัจฉานซูมู่ชิว แกไม่คู่ควรจะเรียกชื่อจริงๆ ของคุณปู่ฉัน!”
ชายคนนั้นหัวเสียแต่ก็ทำอะรไม่ได้ “ฉันคือซูมู่หลินเว้ย!”
เมื่อครู่เย่เฉินสุ่มไปเรื่อย คิดไม่ถึงว่าเขาจะทายผิด
ซูมู่หลินกล่าว “เย่เฉินฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะกล้าฆ่าฉัน! ฉันไม่ใช่คนในตระกูลเล็กๆ แบบตระกูลหลิ่ว ตระกูลหวัง ถ้าแกฆ่าฉันก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุขเลย!”
เย่เฉินใช้มีดเคาะหน้าซูมู่หลินแล้วกล่าว “ทำไมจะไม่กล้า? ฉันรู้ว่าตระกูลซูของแกแข็งแกร่งที่นี่ ถ้ายากมากฉันก็แค่ไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วไง”
และในเวลานี้จู่ๆ ซีกวาก็เดินมาแย่งมีดไปจากมือเย่เฉิน “คุณชายครับ ผมเอง! ให้ผมเป็นคนฆ่าเขาก็ได้! ถ้าทำแบบนี้คุณชายก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว!”
ถุย!
ซูมู่หลินถ่มน้ำลายใส่หน้าซีกวา “เรื่องที่ฉันมาที่นี่ ลูกน้องของฉันน่าจะรายงานตระกูลฉันไปหมดแล้ว ขอแค่ฉันเกิดเรื่อง พวกเขาก็พร้อมจะถือว่าเป็นฝีมือของเย่เฉิน เย่เฉินแกหนีไม่รอดหรอก! พวกแกทุกคนก็ต้องเดินตามเขาลงโลงไปด้วย!”
เย่เฉินชะงักไป
เขาสามารถระบายโทสะจัดแจงฆ่าหมอนี่ได้ จากนั้นก็หนีไปประเทศอังกฤษแล้วไม่บินกลับมาอีก
แต่ว่าพวกซีกวา หลิวเจิ้งคุนแล้วคนอื่นๆ ล่ะ?
ถ้าคนตระกูลซูคิดจะล้างแค้นคนพวกนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด
พวกเขาต่างก็มีภรรยา ลูกๆ ญาติผู้ใหญ่ มีครอบครัว
เห็นเย่เฉินลังเล จู่ๆ หลิวเจิ้งคุนก็แย่งมีดมาจากซีกวาแล้วฟันฉับลงขาซูมู่หลินทันที!
“อ๊าก! หลิวเจิ้งคุนแกอยากตายใช่ไหม! แกคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าลูกสาวแกอยู่ไทย ลูกชายแกอยู่สิงคโปร์ ถ้าแกกกล้าแตะต้องฉัน ไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายของแกไม่มีใครรอดแน่!”
ซูมู่หลินตะโกนเสียงกร้าว
เย่เฉินใจหายวาบ หลิวเจิ้งคุนเป็นลูกน้องที่ใช้ได้ที่สุดที่เขามี คนปกติไม่มีทางรู้เรื่องเขา
แต่ซูมู่หลินคนนี้กลับรู้เรื่องหลิวเจิ้งคุนละเอียด กระทั่งที่อยู่ของลูกสองคนของเขาก็ยังรู้
แต่ว่าหลิวเจิ้งคุนกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย “คุณชายเย่! ให้ผมเป็นคนลงมือระบายโทสะแทนคุณชายเถอะครับ ผมฆ่าเขาแล้วคุณชายก็รีบกลับอังกฤษไป ผมจะสู้ตายกับคนตระกูลซูอยู่ที่นี่เอง!”
ภาพที่เกิดขึ้นนี้กระทั่งซีกวาที่มองอยู่ก็ยังกังวลใจ “ท่านหลิวครับ ลูกสาวลูกชายของคุณ…”
หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะคนตระกูลเย่ ชีวิตและทั้งที่ลูกชายและลูกสาวผมมีก็เพราะคนตระกูลเย่ ผม ไม่ กลัว!”
เย่เฉินมองภาพตรงหน้าอย่างซาบซึ้งใจ
คิดไม่ถึงว่าหลิวเจิ้งคุนจะเป็นคนภักดีขนาดนี้
เขามองออกว่าเย่เฉินลังเล เพราะไม่อยากจะทำให้พวกเขาต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายลงมือเองเพื่อช่วยระบายอารมณ์ให้เขา
และในตอนนี้เอง ซู่มูหลินก็เริ่มดูหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่ว่าเย่เฉินกลับกล่าวว่า “วางมีดลงเถอะ”
“คุณชายเย่…” หลิวเจิ้งคุนมองเย่เฉิน
เย่เฉินตะโกนเสียงดัง “ฉันบอกให้วางมีดลง! เดี๋ยวนี้แม้แต่คำพูดฉันนายก็ไม่ฟังแล้วเหรอ?”
“ครับ!” หลิวเจิ้งคุนรีบวางมีดลงตรงหน้าซูมู่หลิน”
เย่เฉินมองซูมู่หลิน “ทำไมหมอนี่ต้องหาเรื่องฉัน ฉันเองยังไม่รู้เลย แล้วจะฆ่ามันตายง่ายๆ ได้ไง ซูมู่หลิน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็สารภาพมา ฉันรู้ว่านายไม่มีทางทำไปเพราะหวังเจียเหยาสวยเฉยๆ หรอก”
ซูมู่หลินแสยะยิ้ม “นายอยากรู้เหรอ? ฉันบอกนายก็ได้ แต่ว่านายต้องคุกเข่าฟังนะ!”
ผลั่ก!
หลิวเจิ้งคุนจิ้มมีดลงบนขาของซูมู่หลินอีกแผล!
“อ๊าก! หลิวเจิ้งคุนแกจบเห่แน่ ฉันจะขยี้ลูกแกสองคนให้แหลก!” ซูมู่หลินกล่าวอย่างเคียดแค้น
โดนหลิวเจิ้งคุนแทงไปสองที ซูมู่หลินยังคงหัวแข็ง และเย่อหยิ่งเหมือนเดิม
“ดูแล้วไม้แข็งไม่น่าใช้ได้” เย่เฉินลอบกล่าว
ดังนั้นเย่เฉินจึงได้เปิดปาก “คลายเชือกที่มัดเขาไป”
“อะไรนะครับ? คลายเชือก? คุณชายหรือว่าคุณชายอยากจะปล่อยเขา?” หลิวเจิ้งคุนยังคงสับสน
เซียวมู่หลินหัวเราะร่วน “นายแกนี่ยังพอรู้เรื่องบ้าง ยังไม่รีบคลายเชือกให้ฉันอีก!”
หลิวเจิ้งคุนทำอะไรไม่ได้นอกจากคลายเชือกให้ชายตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้
ซูมู่หลินได้รับอิสรภาพอีกครั้ง เขาค่อยๆ ชันตัวลุกขึ้น ขาเขายังมีเลือดไหล แต่เขาก็ไม่แยแส เป็นผู้ชายหัวแข็งทีเดียว
เย่เฉินเดินไปแล้วกล่าว “คุณชายซู เมื่อครู่ปู่ฉันพูดแล้วว่าคุณปู่นายเคยช่วยเขา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทายาทรุ่นสามของทั้งสองตระกูลเจอกัน ฉันมีสินน้ำใจจะมอบให้พวกนาย ไม่รู้ว่าปกติแล้วชอบทำกิจกรมบันเทิงอะไรบ้าง? บันจี้จัมพ์? สกี? หรือว่าดูคอนเสิร์ตดี? เดี๋ยวฉันให้ตั๋ว”
เมื่อได้ยินคำพูดเย่เฉินแล้ว หลิวเจิ้งคุนและซีกวาก็ตัวแข็งไป
ลูกพี่ของพวกเขาทำไมถึงได้พูดกับซูมู่หลินแบบถ่อมเนื้อถ่อมตัวแบบนี้นะ!
ไม่เพียงแต่เรียกเขาคุณชายซู ยังชวนเขาไปเที่ยว แล้วจะซื้อตั๋วให้ด้วย!
ซูมู่หลินระเบิดเสียงหัวเราะ “เย่เฉิน ทายาทที่เก่งที่สุดในรุ่นสามของตระกูลเย่วันนี้ดันมาชวนให้ฉันทำกิจกรรม! ฮ่าๆ ตระกูลเย่ของพวกเนายก็มีวันนี้ด้วยแฮะ”
ซูมู่หลินตบบ่าเย่เฉินแล้วกล่าว “เย่เฉิน ฉันน่ะไม่ชอบทำกิจกรรมติ๊งต๊องปัญญาอ่อนแบบพวกนาย อีพวกปีนเขาเล่นน้ำน่ะ ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรที่มันน่าสนุก เอางี้แล้วกันฉันแนะนำให้เอาไหมล่ะ”
ประโยคนี้ของซูมู่หลินเป็นประโยคที่เย่เฉินกำลังรอพอดี
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นคุณชายซูคิดว่าทัวร์อวกาศเป็นยังไง?”
หน้าซูมู่หลินเปลี่ยนสีทันที “อว…อวกาศเหรอ?”