เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 283 ไถลลงบันไดให้ลูกสาวผมดูที
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 283 ไถลลงบันไดให้ลูกสาวผมดูที
ตอนที่ 283 ไถลลงบันไดให้ลูกสาวผมดูที!
เย่เฉินปราดเข้ามาขวางซือซือ แล้วเสสายตาลงต่ำขณะมองหลี่เฉิงเจี๋ย แล้วกล่าวเสียงเย็น
“คุณไม่ได้ยินเหรอครับว่าซือซือบอกว่าไม่น่ะ?”
หลี่เฉิงเจี๋ยคนนี้รนหาที่ตายชัดๆ!
เย่เฉินเพิ่งจะได้ทำความรู้จักลูกสาวของเขา เล่นกับหล่อน สารเลวคนนี้คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ดีๆ ก็โผล่มา แถมยังทำให้ซือซือตกอกตกใจแบบนี้
อีกทั้งคิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาดึงดันจะอุ้มลูกสาวเขา!
สามปีกว่าที่ผ่านมา เย่เฉินไม่รู้ว่ามีลูกสาวคนนี้อยู่ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ว่าวันนี้เขารู้แล้ว จะให้เขายืนมองคนอื่นรังแกลูกสาวเขาได้อย่างไร!
ส่วนหลี่เฉิงเจี๋ยหัวเสียกว่าเดิมมาก!
เขาไม่รู้เรื่องสถานะของเย่เฉิน รู้แค่ว่าเย่เฉินเป็นแค่คนขับรถเท่านั้น
หลี่เฉิงเจี๋ยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กล่าวกับเย่เฉินอย่างไม่พอใจ “แกมันไอ้หมารับใช้ เป็นแค่ขับรถแต่กล้าสั่งสอนฉันเรอะ?! อยากตายหรือไง!”
หลี่เฉิงเจี๋ยเอาแต่เรียกเขาเป็นสุนัขรับใช้ เหมือนว่าตนเองมีเชื้อสายเป็นฮ่องเต้มาจากไหน
ถ้าเป็นเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน พวกลูกคนรวยมีเชื้อมีสายในเมืองหลวงอย่างพวกเขาสามารถโอหังแบบนี้ได้จริงๆ
แต่ตอนนี้ยังทำตัวเหมือนเดิม เกรงว่าคงจะอยู่ในความฝัน!
ซูมู่ชิงและลูกสาวของพวกเขาอยู่ที่นี่ เย่เฉินไม่อยากให้ลูกสาวของตนเองเห็นตนเองในมุมมองที่โหดร้าย ดังนั้นถึงไม่ลงมือทำร้ายเขา
แต่ถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ด่าใครเป็นหมารับใช้?”
หลี่เฉิงเจี๋ยตอบกลับอย่างร้อนใจ “ไอ้หมารับใช้ด่าแกไง! แกมันไอ้คนขี้ครอก”
ทว่าทันทีที่พูดออกมาก็พบว่าตนเองโดนอีกฝ่ายปั่นหัว
พูดแบบนี้ไม่เท่ากับว่าเขาด่าตนเองว่าเป็นหมารับใช้เหรอ?
“ฮ่าๆ”
เหมือนว่าซือซือเองเข้าใจ เด็กหญิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
หลี่เฉิงเจี๋ยร่างกายสูงใหญ่แต่สมองไม่พัฒนาไปกับขนาดร่างกาย เขาย่อมเถียงเย่เฉินไม่ได้ อยากจะลงมือสั่งสอนเขาก็จริงแต่ว่าที่นี่คือห้องของซูมู่ชิง แต่เขาเองก็ไม่อยากจะลงไม้ลงมือที่นี่
ดังนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยจึงชี้ไปที่เย่เฉินพลางกล่าว “ไอ้หมารับใช้ ที่นี่คือห้องของซูมู่ชิง ฉันไม่อยากทำให้ที่นี่แปดเปื้อน แก รีบไสหัวลงไปเดี๋ยวนี้!”
ดูไปแล้วหลี่เฉิงเจี๋ยก็อยากจะลงมือสั่งสอนเย่เฉินใจจะขาด!
เย่เฉินยังคงมีท่าทีไม่รีบไม่ร้อน เขากล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณชายหลี่จะลงบันไดต้องกลิ้งลงเหรอครับ? ผมทำไม่เป็นหรอกนะ ไม่งั้นคุณชายหลี่พอจะช่วยแสดงให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”
เมื่อเหน็บแนมหลี่เฉิงเจี๋ยแล้วก็กล่าวกับซือซือ “ซือซือ อยากเห็นคุณอาคนนี้กลิ้งลงบันไดไหมคะ?”
“อยากดูค่ะ! อยากดูค่ะ!”
ซือซือปรบมือไม่หยุด
เย่เฉินดึงมือน้อยๆ ของซือซือพลางกล่าว “ไปเถอะ พวกเราไปดูคุณอากลิ้งลงบันไดกัน”
“ได้ค่ะๆ”
เย่เฉินพาซือซือออกมาจากห้อง แล้วหยุดที่บันได
ซือซือมองหลี่ซาวเจี๋ยด้วยแววตาใสซื่อ “คุณอาคะ หนูอยากเห็นคุณอากลิ้งลงบันได”
สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยเก้อเขิน ด่าเย่เฉินในใจไม่หยุดแล้วกล่าวกับซือซือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ซือซือ อากลิ้งลงบันไดไม่ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นหนูให้คนข้างๆ หนูกลิ้งลงบันได้ดีไหม?”
หลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉิน แล้วสั่งเขา “ไอ้หนุ่ม แกกลิ้งลงบันไดในซือซือดูหน่อย แล้วฉันจะไม่ถือสาแกเรื่องวันนี้”
เย่เฉินแค่นเสียง จะให้เขากลิ้งลงบันได้เพื่อให้นายได้หน้ากับซือซือเหรอ?
เย่เฉินกล่าว “ผมทำไม่เป็นหรอก ไม่เคยลอง”
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “นายไม่จำเป็นต้องทำเป็น แค่ไปยืนที่บันไดก็เป็นอันใช้ได้”
เย่เฉินทำเป็นไม่เข้าใจเขาเดินตรงไปที่บันได้แล้วถาม “หมายถึงยืนแถวนี้น่ะเหรอ?”
ซูมู่ชิงตึงเครียด เพราะหญิงสาวรู้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะทำอะไร!
หลี่เฉิงเจี๋ยต้องการจะถีบเย่เฉินลงไปข้างล่าง!
ในตอนที่ซูมู่ชิงกำลังจะเตือนเย่เฉิน ใครจะรู้ว่าเท้าของอีกฝ่ายก็ดีดออกไปแล้ว
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ใช่แล้ว ตรงนั้นแหละ! กลิ้งลงไปเลยแก!”
รองเท้าบู้ตหนังที่หลี่เฉิงเจี๋ยสวมใส่นั้นถีบลงไปที่สะโพกของเย่เฉิน!
“อย่า!”
ซูมู่ชิงตะโกนออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอีกฝ่ายอย่างยิ่ง
และในตอนนี้ซูมู่หลินและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างก็เห็นภาพตรงหน้านี้อย่างชัดเจน
เมื่อซูมู่เสวี่ยเห็นภาพเหตการณ์นี้ก็นึกสนุกหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้
ทว่าเย่เฉินที่เคยโดนลอบทำร้ายมาหลายครั้ง จะเสียท่าให้หลี่เฉิงเจี๋ยได้อย่างไร?
เขาจงใจไปยืนตรงนั้นเพราะอยากจะล่อให้อีกฝ่ายเตะเขา
ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวเอาไว้แล้ว เขาเกร็งขา จนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายตึงแข็ง เพื่อประคองร่างกายให้มั่นคง
เขาในตอนนี้บอกว่าสวมเกราะทองก็ไม่ถือว่าเวอร์เกินไป คนปกติไม่มีทางแตะต้องเขาได้!
หลี่เฉิงเจี๋ยสะบัดเท้า แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขยับเขยื้อน!
“อะไรน่ะ?!”
หลี่เฉิงเจี๋ยเห็นภาพที่เกิดขึ้นก็ชะงักค้างไป
เตะไม่ได้งั้นเหรอ?
ซูมู่เสวี่ยและพ่อแม่ของหล่อนก็ชะงักไปเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าคนขับรถคนนี้จะทนเท้าขนาดนี้
“ฮ่าๆ…” ซูมู่หลินเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลี่เฉิงเจี๋ย นายอ่อนแอเกินไปแล้วล่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเตะคนธรรมดายังไม่ได้เลย ถ้าพี่น้องในกองทัพรู้เข้า คงหัวเราะเยาะตายเลย”
หลี่เฉิงเจี๋ยอับอายขายขี้หน้าอย่างมาก ดังนั้นเขาถึงอาศัยจังหวะที่เย่เฉินไม่ได้หันมามอง แล้วถอยเท้าไปก้าวหนึ่งจากนั้นใช้แรงทั้งหมดที่มีเตะเย่เฉิน!
“แกไสหัวลงไป!”
แต่ใครจะรู้ว่าในตอนที่เท้าของเขากำลังจะไปแตะต้องร่างกายของเย่เฉินนั้นเอง เย่เฉินก็เหมือนมีตาหลัง เอี้ยวตัวไปอีกด้านทันที
หลี่เฉิงเจี๋ยเตะใส่อากาศ!
“แม่ง!”
หลี่เฉิงเจี๋ยเตะใส่อากาศ เพราะออกจนสุดแรง หลี่เฉิงเจี๋ยเลยโอนเอนไปชั่วขณะ บวกกับร่างกายของเขาสูงใหญ่ ขาซ้ายของเขาไถลลงไปที่บันไดขั้นที่สาม!
ทว่าหลี่เฉิงเจี๋ยกลับไม่ได้ไถลลงไปทันที มือซ้ายของเขาคว้าราวบันไดอย่างรวดเร็ว
และในเวลานี้เองเย่เฉินถอดแหวน Chrome heart ที่เขาใส่ไว้ที่นิ้วชี้ข้างขวา แล้วตบไปมือซ้ายของหลี่เฉิงเจี๋ย
“อ๊าก!”
หลี่เฉิงเจี๋ยร้องโหยหวน เมื่อมือซ้ายไม่มีที่ยึดจับ ทำให้เขาโอนเอนจนเสียการทรงตัว
แล้วเสียงโครมครามก็ดังขึ้นเป็นเสียงหลี่เฉิงเจี๋ยไถลลงมาจากบันไดชั้นสอง
พอถึงตรงนี้เย่เฉินก็หัวไปกล่าวกับซือซือ “ซือซือ เห็นไหม? นี่เรียกว่าไถลลงบันได สนุกไหม?”
“สนุกค่ะ” ซือซือกล่าวพลางฉีกยิ้มกว้าง
เย่เฉินยังไม่ลืมสอนลูกสาว “สนุกน่ะสนุก แต่ว่าซือซือจะไถลลงไปไม่ได้นะ ไถลลงบันไดอันตราย หนูเห็นคุณอาที่ไถลลงไปเมื่อกี้ไหมคะ เลือดออกหน้าเลย”
ซือซือมองหลี่เฉิงเจี๋ยที่อยู่ด้านล่างแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “ค่ะ ซือซือเป็นเด็กดีซือซือไม่ไถลลงไปค่ะ ซือซือจะเดินลงไปค่ะ ”
“ฉลาดจริงๆ เลย!” เย่เฉินลูบเรือนผมยาวของบุตรสาวพลางกล่าวชมเชย
ส่วนหลี่เฉิงเจี๋ยในตอนนี้หัวเสียจนจะระเบิดอารมณ์ออกมาอยู่แล้ว!
หลี่เฉิงเจี๋ยชี้หน้าเย่เฉินอย่างไม่พอใจ “ไอ้หมารับใช้ แกกล้าปั่นหัวฉัน! ฉันจะทำให้แกพิการแน่!”
และในเวลานี้เองแม่ของซูมู่หลินที่เห็นหลี่เฉิงเจี๋ยได้รับบาดเจ็บก็รีบร้อนเดินมาแล้วโน้มน้าว “เฉิงเจี๋ยไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ้ะ? ใจเย็นๆ อย่าถือสาหาความกับพวกคนใช้เลย รีบนั่งลงเถอะ เดี๋ยวฉันให้คนเช็ดหน้าให้นะ”
หลี่เฉิงเจี๋ยไม่อยากเสียมารยาท จึงเดินตามมารดาของซูมู่หลินไปที่ห้องรับแขก พลางกล่าวกับซูมู่หลิน “มู่หลิน เรื่องนี้นายน่าจะต้องรับผิดชอบอะไรหน่อยหรือเปล่า!”
ซูมู่หลินกลับจิบชาด้วยท่าทีสบายๆ “ตลกจริงๆ เลย ผมนั่งอยู่ที่นี่ตลอดเลย เกี่ยวอะไรกับผม?”
หลี่เฉิงเจี๋ยตะคอก “ก็หมอนั่นเป็นคนของนาย ถ้านายไม่สั่ง เขาจะกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?”
หลี่เฉิงเจี๋ยรู้ว่าซูมู่หลินไม่ชอบให้เขามารบกวนพี่สาวตนเอง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าที่เย่เฉินกล้าทำแบบนี้กับเขา เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายสั่งให้เย่เฉินทำ
ซูมู่หลินกล่าวพลางระบายยิ้ม “คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมไม่ได้สั่งเขา หมอนี่ไม่เคยเห็นหัวใคร”
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าว “ที่บอกว่าจะตีหมาต้องดูเจ้าของ ตอนนี้ฉันจะสั่งสอนเขานายคงไม่ติดอะไรใช่ไหม?”
ซูมู่หลินกล่าว “ไม่เลยครับ ถ้าไม่ชอบขี้หน้าก็เอาเลย ถ้าชนะเขาได้ก็ช่วยซ้อมเขาแทนผมด้วยแล้วกัน”
หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้ม “ได้!”
หลี่เฉิงเจี๋ยมองเย่เฉินที่อยู่ด้านบนแล้วกล่าว “ไอ้หมารับใช้ เจ้านายของแกไม่สนใจแกแล้ว รีบลงมารับโทษข้างล่างนี่เสียดีๆ!”