เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 289 ฉินหงเหยียนโกรธแล้วเหรอเนี่ย
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 289 ฉินหงเหยียนโกรธแล้วเหรอเนี่ย
ตอนที่ 289 ฉินหงเหยียนโกรธแล้วเหรอเนี่ย?
ในฐานะที่ซูมู่ชิงเป็นคุณหนูตระกูลซูที่มีขื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง หล่อนไม่ได้สนใจเรื่องผลประโยชชน์จากการที่เป็น ‘ลูกหลานตระกูลเย่’ ที่เย่เฉินรับปาก
หญิงสาวในเมืองหลวงอย่างพวกหล่อนเย่อหยิ่ง ต่อให้โลกภายนอกจะมีฐานะที่ดีกว่าพวกหล่อน พวกหล่อนก็ไม่แยแส รู้สึกว่าวิถีชีวิตที่ตนเองมีเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ที่หล่อนรับปากเย่เฉินอย่างรวดเร็วนั่นเป็นเพราะรู้เรื่องของหวังเจียเหยาและซูมู่หลิน
หล่อนคิดว่าตนเองทำผิดกับเย่เฉิน
ซูมู่ชิงจึงสำทับ “ฉันได้ยินพี่รองของคุณเคยพูดว่าลูกหลานตระกูลเย่ของพวกคุณต้องส่งตัวให้ทางตระกูลเป็นคนดูแล ถ้าตรวจ DNA แล้วซือซือเป็นลูกสาวของคุณล่ะก็ ฉันหวังว่าจะได้เป็นลูกของฉันคนเดียว พวกคุณอย่าส่งคนมารับหล่อนไปได้ไหม”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ได้สิ ผมขอรับรองกับคุณในจุดนี้ได้เลย ถ้าหากว่าคุณมีลูกชายให้ผม เกรงว่าผมอาจจะตัดสินใจไม่ได้ เพราะว่าคุณปู่มีแผนการที่วางเอาไว้สำหรับลูกหลานผู้ชายของเขา ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะไม่มีเงื่อนไขอะไรมากมาย”
“อ้อ”
หลังจากทั้งสองคนพูดเรื่องนี้กันแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีก ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันก็ออกจะเก้อเขินกันเล็กน้อย
เมื่อเงียบกันไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ซูมู่ชิงก็กล่าว “คุณกับฉินหงเหยียนเป็นยังไงบ้าง?”
เย่เฉินกล่าวแล้วยิ้ม “พวกเรารักกันดี ผมขอหล่อนแต่งงานแล้วหล่อนก็รับปาก ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเรื่องหวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วเกี่ยวโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้มา ตอนี้พวกเราก็น่าจะจัดงานแต่งงานไปแล้ว”
“อ้อ”
สีหน้าซูมู่ชิงเรียบเฉย ฝืนฉีกยิ้มแล้วกล่าว “เอ่อ…คุณอยู่เป็นเพื่อนซือซือทั้งวัน ไม่เห็นหล่อนโทรมา ตอนนี้พวกคุณกำลังข้าวใหม่ปลามัน น่าจะโทรหากันทุกคืน ฉันไม่รบกวนคุณดีกว่า ฉันขอไปพักผ่อนก่อน คุณไปโทรหาแฟนคุณเถอะ”
เย่เฉินคิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะเป็นฝ่ายกล่าวเรื่องนี้ก่อน “อ้อ ได้สิ งั้นเจอกันพรุ่งนี้”
หลังจากซูมู่ชิงไปแล้ว เย่เฉินก็ยืนแหงนมองท้องฟ้าของเมืองหลวงกลางตัวบ้าน
เกล็ดหิมะโปรยปรายลงบนใบหน้าของเย่เฉิน แต่เขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด
นั่นสิ ทั้งๆ ที่เหมาเกาะ คุกเข่าขอฉินหงเหยียนแต่งงานกลางเกาะ
ตอนนี้เดิมควรจะเป็นช่วงเวลาที่หวานแหววที่สุด แต่ว่าหลายวันมานี้เย่เฉินกลับอยู่คนละที่กับฉินหงเหยียน
ไม่เพียงแต่ไม่เจอหน้ากัน ตอนนี้เย่เฉินยังไม่โทรหาและยังไม่ส่งข้อความหาฉินหงเหยียนทุกวัน
ก่อนจะพบซูมู่ชิง เย่เฉินรู้สึกทุกข์ทน
ตอนนี้พอได้รู้ความจริงแล้ว เย่เฉินก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเสียใจ
“เพียงแต่ว่าจะบอกฉินหงเหยียนยังไงว่าจู่ๆ ก็มีลูกสาววัยสามขวบโผล่มา?”
เย่เฉินรู้สึกว่าถ้าหากบอกฉินหงเหยียนเรื่องนี้ หล่อนจะต้องถือสาแน่
“แต่ว่าสิ่งที่สำคัญระหว่างมีภรรยาจะต้องซื่อสัตย์ห้ามปิดบังกัน! หงเหยียนเองก็ปฏิบัติกับเราแบบนี้ กระทั่งเรื่องที่เคยโดนสวี่ฉู่หมิงเลี้ยงยังเป็นฝ่ายสารภาพก่อนด้วยซ้ำ แล้วเราจะมีเหตุผลอะไรมาปิดบังหล่อน?”
เย่เฉินตัดสินใจแน่วแน่แล้วจึงกดโทรหาแฟนสาว
“ฮัลโหล”
เขารอสายอยู่นานกว่าฉินหงเหยียนจะกดรับสาย
น้ำเสียงของฉินหงเหยียนอ่อนล้าเหมือนกับคราวก่อน
หรือว่าครั้งนี้เพิ่งตื่นนอนอีกแล้วเหรอ?
เย่เฉินไม่สนใจรายละเอียดนักหนา เขาถาม “ที่รักตอนนี้คุณอยู่ไหน”
ฉินหงเหยียนตอบพลางหัวเราะแผ่ว “เมืองเสินเฉิง”
เย่เฉินกล่าวพลางหัวเราะ “ฮ่าๆ คุณไปหาสวี่ฉูหมิงหรอ ฮ่าๆ เป็นยังไงบ้างตอนคุณปฏิเสธ เขาได้กอดขาอ้อนวอนคุณไหม?”
เมื่อหญิงสาวเห็นเย่เฉินอารมณ์ดีขึ้นมามากเลยถาม “คุณอารมณ์ดีแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เวลาโทรคุยกัน เย่เฉินมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก
เย่เฉินกล่าว “อืม ขอโทษด้วยนะครับหงเหยียน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สนใจคุณ เพราะช่วงนี้ผมเกิดเรื่องมากมายเลยล่ะ”
“หงเหยียน ในฐานะที่คุณเป็นคู่หมั้นของผม ผมมีเรื่องต้องสารภาพกับคุณ วันนี้ผมมีลูกสาวอายุสามขวบ!”
พอหญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็เหมือนจะสนใจเรื่องนี้ แต่เสียงของหญิงสาวยังคงเรียบเฉิยดังเดิม “สามขวบเหรอ?”
“อืม เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ยาว เมื่อ 4 ปีก่อนตอนผมโดนส่งไปที่สงคราม พี่รองผมส่งผู้หญิงมา ผมกับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกัน วันนี้ผมเพิ่งรู้ว่าหล่อนท้องแล้วมีลูก” เย่เฉินอธิบาย
ฉินหงเหยียนกล่าว “อ้อ”
เมื่อได้ยินเรื่องใหญ่ขนาดนี้จากปากเย่เฉิน แต่หญิงสาวกลับตอบแค่สั้นๆ นี่ไม่ใช่นิสัยของหญิงสาวแม้แต่น้อย!
ปกติแล้วฉินหงเหยียนเป็นคนใจดี!
เย่เฉินตระหนักได้ทันทีว่าหญิงสาวจะต้องโกรธเขาแน่ๆ!
เย่เฉินกล่าว “ที่รักคุณโกรธผมหรือเปล่า? ผมรู้ครับไม่ว่าใครรู้ข่าวแบบนี้ก็ต้องรับไม่ได้กันทั้งนั้น แต่ผมไม่ต้องเลี้ยงลูก ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงในเมืองหลวงที่พึ่งพาตัวเอง หล่อนสามารถเลี้ยงลูกเองได้ ไม่มีทางมาวุ่นวายกับเราสองคน ผมขอรับรองได้เลย”
ได้ยินเย่เฉินอธิบาย แต่ฉินหงเหยียนก็ยังไม่รับปากอะไร แต่ย้อนถามเขา “เย่เฉิน คุณมาที่เมืองเสินเฉิงได้ไหม ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
เย่เฉินรีบร้อนกล่าว “หงเหยียนผมมีอะไรจะบอกคุณ ผมมีเรื่องจะบอกคุณเป็นกอง คุณไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้ผมผ่านอะไรมา!
พี่รองของผมเป็นคนสารเลว เขาลักพาตัวผู้หญิงที่ดีมาส่งให้ผมเป็นของขวัญ! คุณรู้ผลที่ตามมาไหม? กลายเป็นน้องชายของผู้หญิงคนนั้น ให้เงินหวังเจียเหยาพันล้านเพื่อนอนกับหล่อน หลังจากนั้นลูกสาวที่คลอดออกมาก็เป็นลูกของน้องชายของผู้หญิงที่ผมล่วงเกินเข้า สวรรค์ ผมจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!”
ทว่าฉินหงเหยียนที่ได้ยินคำบอกเล่าเหล่านี้ของเย่เฉิน กลับตอบกลับเสียงเรียบ “คุณ…จะมาเจอฉันได้เมื่อไหร่?”
เย่เฉินตอบ “ที่รักครับผมก็มีเรื่ออยากคุยกับคุณเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้จริงๆ พรุ่งนี้ผมต้องพาลูกสาวไปตรวจ DNA กว่าผลจะออกน่าจะต้องรอสักหนึ่งสัปดาห์ สัปดาห์หนึ่ง อย่างมากก็ไม่เกินสิบวันผมจะไปพบคุณแน่นอนได้ไหม?”
ฉินหงเหยียนไม่ตอบแต่กดสายทิ้งทันที
ฉินหงเหยียนไม่เคยกดวางสายเขาโดยที่ไม่พูดไม่จาแบบนี้!
“หล่อนโกรธแล้ว หล่อนโกรธแล้วแน่ๆ!”
เย่เฉินทอดถอนใจพลางกุมศีรษะ
เขาคิดว่าฉินหงเหยียนคงจะหงุดหงิดรำคาญใจวุ่นวายพวกนี้ของตนเองแน่นอน
ผู้หญิงคนไหนจะรับได้ที่สามีของตนเองมีลูกสาวกับผู้หญิงสองคน?
“เฮ้อขอโทษด้วยนะหงเหยียน รอให้จัดการเรื่องทางนี้แล้ว ผมจะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณ ชดเชยให้คุณแน่นอน”
เย่เฉินเองก็ทำอะไรไม่ด้ ตอนนี้เขาอยากจะอยู่กับลูกสาวของตนเองให้มากๆ อย่างไรเสียเขาก็ติดค้างเด็กหญิงเป็นเวลาถึงสามปี
ส่วนฉินหงเหยียนก็เป็นผู้หญิงที่ใจกว้างและเข้าอกเข้าใจเขาเป็นอย่างดี
เย่เฉินเชื่อว่าหล่อนไม่มีทางโวยวายขอเลิกกับเขาเพียงเพราะเรื่องนี้แน่นอน