เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 293 วันตายของเย่เฉิน
ตอนที่ 293 วันตายของเย่เฉิน!
หลี่เฉิงเจี๋ยรู้ว่าตอนนี้ตระกูลซูกำลังควานหาตัวพ่อแท้ๆ ของซือซือ เขาจึงเชื่อมั่นว่าหากอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้จะต้องตกใจมากแน่
แต่ว่าซูเจิ้นหางกลับดื่มชาอย่างใจเย็น แถมไม่มีท่าทีตกใจด้วยซ้ำ
หลี่เฉิงเจี๋ยประหลาดใจ “หรือว่าท่านซูรู้เรื่องนี้แล้ว?”
หลี่เฉิงเจี๋ยไม่ใช่คนโง่ จากท่าทางแบบนี้ของซูเจิ้นหางเห็นได้ชัดว่าเขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว
หลี่เฉิงเจี๋ยรีบพูดต่อ “ท่านซูได้ยินมาว่าตอนนั้นหมอนั่นใช้วิธีการสกปรกเพื่อได้ตัวมู่ชิง เพื่อทำให้ตระกูลซูขายหน้า ถ้าผลตรวจ DNA ออกมาว่าซือซือเป็นลูกสาวของหมอนั่นจริงๆ ผมยินดีจะฆ่าไอ้เดียรัจฉานตัวนั้นแทนตระกูลซูเองครับ!”
ขอแค่ซูเจิ้นหางพยักหน้ารับ หลี่เฉิงเจี๋ยก็จะรีบจัดการลอบฆ่าเย่เฉินทันที!
ทว่าซูเจิ้นหางกลับมองหลี่เฉิงเจี๋ยด้วยใบหน้าผิดหวังแล้วกล่าว “เฉิงเจี๋ยเอ้ย เดิมทีฉันเองก็สนับสนุนการแต่งงานของพวกเธอสองคนนั้นแต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปแล้วล่ะ หรือจะปล่อยให้เรื่องของเธอกับมู่ชิงจบๆ ไปดีไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว สีหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยก็มีท่าทีไม่ค่อยพอใจนัก
ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่มีลูกแล้ว หลี่เฉิงเจี๋ยยังไม่รังเกียจแต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลซูจะรังเกียจเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เพราะอะไร? หรือว่าท่านจะให้ซูมู่ชิงแต่งงานกับไอ้แมงดานั่น?” หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ไอ้แมงดา?”
ซูเจิ้นหางได้ยินสรรพนามที่หลี่เฉิงเจี๋ยเรียกเย่เฉินก็หลุดหัวเราะออกมา “เฉิงเจี๋ย หมอนั่นไม่ใช่แมงดาหรอกนะ ถ้าพูดเรื่องสถานะเธอด้อยกว่าเขามาก”
“อะไรนะ?”
หลี่เฉิงเจี๋ยตกตะลึง เดิมทีคิดว่าเย่เฉินเป็นแค่คนขับรถ เป็นแค่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
คิดไม่ถึงว่าสถานะที่แท้จริงของเย่เฉินนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าเขาเสียอีก!
“มิน่าเขาถึงได้วางท่าใหญ่โตนาดนั้นเวลาอยู่ต่อหน้าพวกเรา!”
หลี่เฉิงเจี๋ยย้อนนึกถึงการพบหน้าสองครั้งก่อน แววตาที่แสนโอหังไม่เห็นเขาในสายตาของเย่เฉินทำให้เขาเข้าใจทุกอย่าง
ทว่าหลี่เฉิงเจี๋ยย้อนคิดแล้วก็กล่าวซ้ำอีกที “ท่านซูต่อให้หมอนั่นเหมาะสมคู่ควรกับซูมู่ชิง แต่ว่าถ้าเขาชอบซูมู่ชิงจนอยากจะรับผิดชอบหล่อนจริงๆ สามปีแล้วนะครับทำไมเขาไม่ยอมมาสู่ขอซูมู่ชิง? ผมพอจะมองออกว่าหมอนี่แค่ชอบซือซือ แต่ไม่ได้มีความรักใคร่อะไรในตัวซูมู่ชิงด้วยซ้ำ!”
คำพูดของหลี่เฉิงเจี๋ยจนซูเจิ้นหางขมวดคิ้ว สีหน้าก็ไม่ค่อยพอใจนัก
“เธอกลับไปเถอะ” ซูเจิ้นหางออกปากไล่แขกเสียงเย็น
“ท่านซู…”
หลี่เฉิงเจี๋ยยังคิดอยู่ว่าจะทำอะไร คนใช้ที่อายุมากแล้วคนหนึ่งเดินไปหาหลี่เฉิงเจี๋ยพลางยื่นมือ “เชิญ”
หลี่เฉิงเจี๋ยกัดฟันกรอด ไม่กล้าลุกขึ้นแล้วก็ค่อยๆ เดินจากไป
หลังจากที่หลี่เฉิงเจี๋ยเดินไปแล้วนั้น ซูมู่หลินก็เดินออกมาจากในห้อง
ซูมู่หลินมองกระดานหมากรุกแล้วระบายยิ้มขณะทอดสายตามองกระดานหมากรุกนั้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ปู่ครับ ก่อนหน้านี้คุณปูยังชอบชมเขาอยู่เลย ฝีมือการเล่นเหมากรุกได้น่าเกลียดจริงๆ”
ซูเจิ้นหางส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “เฉิงเจี๋ยเด็กนี่ ตอนเด็กๆ เก่งมากทีเดียว ยิ่งโตยิ่งมั่นอกมั่นใจเกินไป แต่ว่าอย่างว่าเขาก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้แล้ว”
ซูมู่หลินนั่งอยู่ในบริเวณที่หลี่เฉิงเจี๋ยอยู่เมื่อครู่ แล้วกล่าวถามซูเจิ้นหาง “คุณปู่ครับ ถึงแม้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะไร้ประโยชน์ไปสักหน่อย แต่ว่าเขาก็ตาถึงนะครับ ถึงแม้ว่าพี่สาวของผมจะสวยล่มเมืองแต่ว่าเย่เฉินตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรในแง่นั้นกับพี่เขาเลยสักนิดเดียว หลังจากที่ผลตรวจ DNA ออกมาแล้ว ถ้าเขาไปจากเมืองหลวงเมื่อได้ผลตรวจมาจะทำยังไงครับ?”
สีหน้าซูเจิ้นหางเรียบเฉย แล้วยื่นมือไปแตะตารางหมากรุก มือขวาหยิบตัวม้าขึ้นมา จากนั้นก็จัดการกินตัวอัศวินของอีกฝ่าย!
“รุกฆาต!”
สีหน้าซูเจิ้นหางฉายแววน่ากลัว
ซูมู่หลินระบายยิ้มออกมา “ดีเหลือเกิน คุณปู่ครับ ในที่สุดคุณปู่ก็เห็นด้วยที่จะลงมือกับไอ้ชั่วเย่เฉินใช่ไหมครับ เมื่อปีก่อนตอนที่ผมรู้ความจริง ผมก็อยากจะหาคนมาฆ่าเขา แต่คุณปู่ไม่ยอม บอกว่าจะล้างแค้นใครสักคนไม่จำเป็นต้องเอาให้ถึงตายสามารถใช้วิธีอื่นทำให้เขาเจ็บปวดได้
ให้ผมไปนอนกับหวังเจียเหยาก็ความคิดคุณปู่นะครับ! เดี๋ยววันจันทร์ตอนที่ผลตรวจ DNA ออก ถ้าเขายังไม่ยอมเป็นเขยตระกูลซูของเรา วันนั้นแหละจะเป็นวันตายของเขา!”
ซูเจิ้นหางหรี่ตาลงมองต้นโอ๊คป่าในสวนก็พึมพำกับตนเอง “เย่ฉงไห่เอ้ยเย่ฉงไห่ หลายสิบปีก่อนฉันช่วยนายมาตั้งหลายครั้ง อยากจะเป็นเพื่อนกับนายตั้งหลายรอบ แต่ดูตระกูลลึกลับของนายสิ น่าหงุดหงิดสิ แต่ว่ากระทั่งตระกูลซูของนายกลับไม่เห็นฉันในสายตา! ตอนนี้หลานชายคนเก่งของนายกลับทำหลานสาวของฉันท้อง เหอะๆ ไม่รู้ว่าคราวนี้เราสองคนจะได้เป็นญาติกันไหม”
พูดถึงตรงนี้เหมือนจู่ๆ ซูเจิ้นหางจะคิดอะไรออกเลยหันไปสั่งซูมู่หลิน “เย่เซวียนพี่รองของเย่เฉิน จะจงใจให้ซูมู่ชิงกับเย่เฉินมีสัมพันธ์กัน เกรงว่าไม่น่าจะเป็นเพราะแค่ว่าซูมู่ชิงสวยเฉยๆ เท่านั้นหรอกนะ ฉันเลยเดาว่าในนั้นอาจมีเหตุผลอื่นๆ ที่มากกว่านั้น มู่หลินแกจะต้องตามสืบข่าวคราวของเย่เซวียน ทันทีที่สืบเจอ ต้องจับเขาให้ได้ไม่ว่าจะแลกกับอะไรก็ตาม จากนั้นให้พาตัวเขามาหาปู่!”
ซูมู่ชิงได้ยินชื่อเยว่เซวียนก็กัดฟันกรอดๆ ความตั้งใจที่อยากจะฆ่าอีกฝ่ายของเขารุนแรงเสียยิ่งกว่าความตั้งใจที่อยากจะฆ่าเย่เฉินเป็นร้อยเท่า!
“ครับ!” ซูมู่หลินรับปากเสียงดัง
……
ในวันที่สองเย่เฉินพาซือซือและซูมู่หลินขับรถออกจากเมืองหลวงด้วยกัน แล้วครึ่งชั่วโมงต่อมาก็รถก็มาถึงลานสกีว่านหลง
ซือซือเริ่มชอบเล่นเสก็ตตั้งแต่เมื่อปีก่อน ข้อนี้ทำให้เย่เฉินแสนจะดีใจ
เพราะหากเขาเป็นคนเลี้ยงลูกล่ะก็จะต้องให้แม่หนูน้อยเริ่มหัดเล่นสกีตั้งนานแล้ว
ในครอบครัวทั่วไปจำนวนมาก การเลี้ยงดูลูกนั้นปกติแล้วจะไม่ให้เด็กๆ ในวัย 3-8 ขวบเหนื่อยจนเกินไป จะปล่อยให้พวกเขาเล่นสนุกได้ตามใจ
ทว่าการเรียนพวกเปียโน สกี ภาษาอังกฤษ ว่ายน้ำในช่วงวัยนี้นั้น สำหรับเด็กๆ แล้วสามารถพูดได้ว่าจะติดตัวพวกเขาตลอดไป
อีกทั้งยังเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็วอีกด้วย
ทั้งเย่เฉิน ซูมู่ชิง ซือซืออยู่ที่โซนระดับต้น พวกเขาอัดคลิปวีดีโอไปพร้อมๆ กับเล่นสกีกันไป ดื่มด่ำกับวินาทีของการเป็นครอบครัวเหมือนมาพักร้อน
เย่เฉินยังให้ซือซือไปแข่งการทรงตัวของเด็กวัย 4 ขวบ ลูกสาวของเขาก็ได้ที่หนึ่งมาอย่างง่ายดาย!
พรสวรรค์ในด้านกีฬาของซือซือโดดเด่นเกินใคร แค่ดูก็รู้ว่าได้รับสืบทอดกรรมพันธุ์นี้มาจากเย่เฉิน
และทุกวันหลังจากนั้นเย่เฉินก็พาซือซือไปเที่ยวทุกวัน
โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าในวันที่ผลตรวจ DNA ออกนั้นเขาอาจจะสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งเมืองหลวง!
และแล้วเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เย่เฉินและซูมู่ชิง ไปที่ศูนย์ตรวจ DNA ตั้งแต่ไก่โห่
และในเวลานี้เองซูเจิ้นหางก็รู้คำตอบแล้ว
ในเรือนสี่ประสานที่แสนหรูหรา ซูมู่หลินจึงรายงงานกับซูเจิ้นหาง “คุณปู่ครับผลตรวจออกมาแล้ว เย่เฉินนี่มันสารเลวจริงๆ เขาเป็นพ่อของซือซือจริงด้วยครับ!”
ซูเจิ้นหางพยักหน้า ผลตรวจนี้ไม่ได้อยู่เหนือจากการคาดเดาของเขา
ซูเจิ้นหางเปลี่ยนรองเท้าแล้วกล่าว “ไปอุ้มซือซือมาจากบ้านหลังนั้น แล้วค่อยให้คนไปซุ่มอยู่รอบๆ เรือนสี่ประสาน ไล่คนที่อยู่รอบๆ ไปให้หมด รอเย่เฉินกลับไป ฉันจะต้องเอาคำตอบจากเขาให้ได้! หรือไม่อย่างนั้นก็มาเป็นลูกเขยของตระกูลซูเราเสียเพื่อเป็นการชดเชยความผิดในอดีตของตัวเอง!”