เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 340 คุณจะฆ่าผม
ตอนที่ 340 คุณจะฆ่าผม?!
หลังจากเย่เฉินแสดงเจตนาแน่วแน่ของเขาแล้ว ซูมู่ชิงก็ผุดลุกยืนขึ้น
หล่อนหันมองผู้เป็นปู่ “คุณปู่คะ ทุกคนจัดการเรื่องงานแต่งงานของหนูกับเย่เฉินแต่ก็ควรปรึกษาพวกเราก่อนไหมคะ? หนูไม่ได้บอกว่าอยากจะแต่งงานกับเย่เฉินแล้วยิ่งไม่อยากจะแต่งงานกับเขาพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น”
ที่จริงแล้วคำพูดนี้ของซูมู่ชิงพูดให้เย่เฉินฟัง
หล่อนพูดแบบนี้ก็เพื่อบอกกับเย่เฉินว่าหล่อนไม่รู้เรื่อง หล่อนไม่ได้อยากแต่งงานกับเขาใจจะขาดจนไม่เลือกวิธีการใดๆ
ในฐานะที่ซูมู่ชิงเป็นคนสวยลำดับหนึ่งในเมืองหลวง หล่อนย่อมเห็นแก่หน้าตัวเองอย่างยิ่ง
ซูเจิ้นหางกล่าว “เรื่องแต่งงานของลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่อยู่แล้ว งานแต่งของแกไม่ได้ขึ้นอยู่กับแกตั้งแต่แรก! ถ้าทุกคนในบ้านของเราหัวดื้อเหมือนแก ตระกูลซูของเราจะรุ่งเรืองเหมือนในวันนี้เหรอ! ยิ่งไปกว่านั้นแกเป็นคนเลือกผู้ชายคนนี้เอง แกเป็นคนดึงดันจะคลอดเด็กออกมาให้ได้หลายปีมานี้ตระกูลของเราหาคนมาแต่งงานกับแกตั้งเยอะแยะ แต่แกก็ไม่ยอมแต่งงานกับใครสักคน แกคิดว่าฉันจะตามใจแกตลอดไปเหรอ!”
คำพูดของซูเจิ้นหางฉุนเฉียวจนคนเป็นหลานไม่กล้าเถียง
เย่เฉินเห็นท่าทีที่ชายสูงวัยมีต่อหญิงสาว ก็รู้เลยว่าทำไมเมื่อสี่ปีก่อนหล่อนถึงได้หนีออกจากบ้าน
ตระกูลซูเข้มงวดเรื่องการแต่งงานของลูกหลาน พวกเขาไม่ให้โอกาสคนเหล่านี้ได้เลือกทางเดินของตนเอง ราวคลอดพวกเขาออกมาเพียงเพื่อให้รับใช้ตระกูลเท่านั้น
ซูเจิ้นหางสั่งสอนซูมู่ชิงแล้วก็หันมองเย่เฉินด้วยท่าทีขึงขัง “เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับหลานสาวฉันจริงๆ ใช่ไหม? หลานฉันคนนี้คนในตระกูลซูฟูมฟักเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ฉันกล้าพูดเลยว่าผู้หญิงอายุน้อยกว่า 30 ปีในเมืองหลวงไม่มีใครโดดเด่นเท่าหลานสาวฉันแล้ว!”
เย่เฉินหันมองซูมู่ชิง เขาไม่อยากทำให้หญิงสาวเสียใจกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณหนูซูผมขอโทษด้วยนะครับ ในใจผมตอนนี้มีแค่ฉินหงเหยียนแค่คนเดียวเท่านั้น”
“พ่อแกสิ!” ซูมู่หลินตบโต๊ะเสียงดัง “เย่เฉิน พวกเรายอมนายไปตั้งมากเพราะเห็นแก่ความรู้สึกของนาย ยอมถึงขนาดให้นายมีเมียสองคนก็ยังได้ แต่นายไม่ยอมรับน้ำใจของเรา รนหาที่ตายชัดๆ!”
ซูเจิ้นหางโกรธจัด “เย่เฉิน! ฉันให้ทางเลือกสองทาง! หนึ่งแต่งงานกับหลานสาวของฉัน สองส่งตัวเย่เซวียนพี่ชายเธอมา!”
ซูมู่หลินเองก็ตะโกนเสริม “ใช่ เอาไอ้คนก่อเรื่องอย่างเย่เซวียนมาให้พวกเรา!”
เรื่องของเย่เฉินและซูมู่ชิงเป็นฝีมือของเย่เซวียน ตอนนี้ระหว่างพวกเขาสองคนไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน หญิงสาวถึงขนาดชื่นชอบในตัวชายหนุ่มด้วยซ้ำ
ถ้าตระกูลซูจะล้างแค้น ก็คงต้องไปล้างแค้นเย่เซวียน
อย่าว่าแต่เย่เฉินเลยที่ไม่รู้ว่าพี่ชายคนรองของตนเองอยู่ที่ไหน ต่อให้รู้เย่เซวียนเป็นพี่ชายคนที่สองของเขา เขาจะส่งตัวพี่ชายให้ตระกูลซูจัดการได้อย่างไร?
เย่เฉินไม่มีท่าทีหวาดกลัว “ทางเลือกสองทางที่คุณเสนอมาผมไม่ขอเลือกทั้งนั้น!”
สีหน้าซูเจิ้นหางฉายแววเหี้ยมโหด “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น งั้นก็ตายที่นี่แล้วกัน! มู่หลิน!”
“ครับ!”
ซูมู่หลินสั่งลูกน้องด้านหลัง “ฆ่ามัน!”
บอดี้การ์ดจำนวนมากที่ยืนข้างตัวเขา ก็ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วเล็งไปที่เย่เฉินในทันที!
เย่เฉินทายเอาไว้ไม่มีผิด มาตระกูลซูครั้งนี้เขาอาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตจริงๆ!
โชคดีที่เขาเตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว!
“อย่าค่ะ! อย่าฆ่าเขา!”
แล้วทันใดนั้นเองจู่ๆ ซูมู่ชิงก็ผุดลุกขึ้นมา เจ้าหล่อนวิ่งมาขวางหน้าเขา ใช้ร่างกายบังเขาเอาไว้แล้วร้องไห้อ้อนวอนกับผู้เป็นปู่
“คุณปู่ขา หนูขอร้องนะคะ เห็นแก่ซือซือ อย่าฆ่าเขาเลยค่ะ อย่าให้ลูกของหนูเป็นเด็กไม่มีพ่อเลยนะคะ!”
ซูเจิ้นหางกลับไม่มีท่าทีใจอ่อนเลยสักนิด “มู่หลิน ลากพี่แกไปที่ห้อง!”
“ครับ!”
ซูมู่หลินเป็นคนถูลู่ถูกังพี่สาวของตนเองขึ้นบนบ้าน จากนั้นก็ขังเจ้าหล่อนเอาไว้ในห้องชั้นสองแล้วล็อกประตู
ส่วนซูมู่ชิงกลับเอาแต่ทุบประตูแล้วร้องไห้ “อย่านะคะ คุณปู่อย่าฆ่าเขา! ขอร้องล่ะค่ะ อย่าฆ่าเย่เฉินเลย ขอร้องล่ะค่ะ!”
เสียงร้องไห้อ้อนวอนของซูมู่ชิงทำให้เย่เฉินตื้นตัน!
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ไม่ได้สนิทสนมกับตนเองนักหนา จะร้องไห้หนักขนาดนี้เพื่อตนเอง
“คนตระกูลซูนอกจากซูมู่ชิงแล้ว ไม่มีคนดีสักคน!”
เพลิงโทสะท่วมท้นในใจเย่เฉิน เขาเกลียดชังคนที่ใช้ปืนชี้คนอื่นเป็นที่สุด!
เย่เฉินโดนขู่เอาชีวิต แต่เขายังคงไม่ยอมอ่อนข้อ เขาตะโกนกร้าวใส่ซูเจิ้นหาง
“ซูเจิ้นหาง! คุณกล้าฆ่าผมเชียวเรอะ? คุณคิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ใช่ไหม?”
ซูเจิ้นหางแค่นเสียง เขาวางท่า “ทำไมฉันจะไม่กล้า! หลายสิบปีที่ผ่านมา ฉันยื่นไมตรีให้คนตระกูลเย่มาตลอด แต่ตระกูลเย่กลับไม่รู้จักสำเหนียกแถมไม่พอยังปั่นหัวฉันอีก! ส่วนเธอเหยียดหยามหลานสาวฉัน ฉันจะปล่อยให้เธอออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้ยังไง? วันนี้ฉันจะฆ่าเธอแล้วเปิดศึกกับเย่ฉงไห่! มีปัญญาก็พาคนกลับมาล้างแค้นให้เธอที่เมืองหลวงนี่ มาสู้กับฉันให้รู้ดำรู้แดงกันไป! ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าหรอกนะ!”
ซูเจิ้นหางประกาศกร้าวด้วยโทสะอีกครั้ง “เย่เฉิน ฉันถามอีกครั้งนะ จะแต่งงานกับมู่ชิงของของฉันหรือเปล่า!”
เย่เฉินรู้ดีว่าถึงเวลาแล้วเขายกแก้วชาขึ้นมา แล้วปาลงพื้นสุดแรง
“ผมขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีใครสามารถบังคับให้ผมทำให้สิ่งที่ผมไม่ชอบได้!”
สีหน้าซูเจิ้นหางดำคล้ำ “ลงมือ!”
ปลายกระบอกปืนเล็งมาที่เย่เฉิน แล้วเตรียมจะลั่นไก!
แต่ในเวลานี้เอง
ตู้ม…
ปืนติดเครื่องบินที่ด้านนอกประตูระดมยิงใส่ประตูและพื้นไม่หยุด
ทุกคนตื่นตระหนก ไพล่คิดว่าไปว่าด้านนอกมีกองทัพอยู่ เมื่อหันไปมองพบว่าเป็นฝีมือของ UFO ที่จอดนิ่งอยู่ในบ้าน คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มันจะลอยอยู่กลางอากาศแถมยังเล็งปืนมาที่พวกเขาด้วย!
“แม่งเอ้ย! เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง! ใน UFO ไม่มีคนเสียหน่อย! ใครควบคุมมัน!”
ซูมู่หลินตื่นตระหนก
ตู้ม ตู้ม ตู้ม…
ปืนระดมยิงอีกครั้ง ครั้งนี้ปืนระดมยิงลงจุดที่อยู่ใกล้พวกเขามากกว่าเดิม!
“ปกป้องคุณปู่!”
ตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย เหมือนซูมู่เสวี่ยและผู้หญิงทั้งหลายเช่นแม่ของเขา ตกใจจนไปซ่อนอยู่ใต้โต๊ะกันนานแล้ว
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นเอง UFO ก็ลอยมายังห้องรับแขกยิงของอย่างระเบิดควันอะไรแบบนี้ออกมา นี่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ Musk คิดค้น ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ สูดดมมันเข้าไปก็จะไร้เรี่ยวแรงเหมือนโดนยาพิษ
เย่เฉินในตอนนี้เตรียมหน้ากากกันสารพิษเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
แต่ว่าคนอื่นๆ ในห้อง ไม่ได้มีหน้ากากป้องกันสารพิษโดยเฉพาะแบบเขา ส่วนหน้ากากธรรมดาก็ไม่สามารถกันอะไรได้
เย่เฉินอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ งัดทักษะของหน่วยรบพิเศษที่เขามีออกมา!
โครม!
โครม!
โครม!
เย่เฉินจัดการกับบอดี้การ์ดสามคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดเป็นอันดับแรก แล้วแย่งปืนมาจากมือเขา
“เล็งปืนใส่ฉันเหรอ? ชีวิตนี้ของฉันเกลียดที่สุดคือโดนคนเล็งปืนใส่โว้ย!”
โครม!
โครม!
โครม!
เย่เฉินอดประเคนฝ่าเท้าให้พวกเขาสามคนไม่ได้
ในตอนนี้บอดี้การ์ดคนอื่นๆ ในห้องก็เริ่มวิ่งเข้ามาจับตัวเย่เฉิน
แต่ในตอนนี้ ทัศนวิสัยของพวกเขาโดนบดบัง แล้วยังโดนพิษจนเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลง ไร้เรี่ยวแรง พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฉินด้วยซ้ำ
เย่เฉินจัดการคนทั้งห้องอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายไม่เหลือใคร!
และในตอนนี้เองเย่เฉินก็เกิดกลัวว่าจะมีกำลังเสริมของตระกูลซูอยู่ด้านนอก เขาจึงรีบปิดประตูแล้วให้หวังเอ้อร์เชอควบคุม UFO เฝ้าประตูเอาไว้
ทั้งห้องรับแขกบดบังไปด้วยควันที่ลอยฟุ้ง คนตระกูลซูล้วนแต่นอนนิ่งไร้เรี่ยวแรง ถ้าไม่นั่งบนเก้าอี้ ก็นอนนิ่งบนพื้น
และในตอนนี้เองเย่เฉินถือปืนขึ้นมา เขาเดินไปตรงหน้าของซูเจิ้นหางที่นั่งอยู่ด้านในสุด แล้วหันปลายกระบอกปืนใส่เขา
“เธอจะฆ่าฉันเหรอ?”