เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 459 หลิ่วอวี่เจ๋อจอมปลอม
ตอนที่ 459 หลิ่วอวี่เจ๋อจอมปลอม!
หลิ่วอวี่เจ๋อหันมองเย่เฉินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วทักทายเย่เฉินอย่างเป็นมิตรอย่างมาก
“เย่เฉิน ไม่ได้เจอกันนานเลย นายยังเท่เหมือนเดิมเลยนะ ใส่แว่นตาดำเหมือนดาราเลย เท่ดีนี่”
ก่อนหน้านี้หลิ่วอวี่เจ๋อโดนเย่เฉินสั่งสอน โดนเขาตัดนิ้วที่เคยกอดหวังเจียเหยา แล้วยังทำให้เป็นหมันด้วย
ต่อให้อยู่ไกลที่อเมริกาก็ยังเคยโดนเย่เฉินซ้อมมาก่อน
แล้วหลิ่วอวี่เจ๋อนึกถึงความหวาดกลัวจากการโดนเย่เฉินรังแก!
เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลหลิ่ว ชีวิตนี้ยังไม่เคยกลัวใครขนาดนี้มาก่อน!
ส่วนเย่เฉินเองสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่ได้แหงนหน้าขึ้น
เพราะตอนนี้เย่เฉินกำลังแสดงละครเป็นคนตาบอด สำหรับคนที่ตาบอดทั้งสอง เขาไม่ได้มองไม่เห็น ย่อมไม่มีเหมือนคนธรรมดา ที่สามารถแหงนหน้ามองหน้าตาของคนที่คุยกับตัวเอง
เย่เฉินเอียงหน้าน้อยๆ ไปทางขวาอันเป็นจุดที่หลิ่วอวี่เจ๋อยืนแล้วถามด้วยความสงสัย “คุณคือ…หลิ่วอวี่เจ๋อเหรอ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อจงใจทำท่าทางตกใจ “จริงสิ เย่เฉิน ฉันหลิ่วอวี่เจ๋อ เราไม่ได้เจอกันแค่เท่าไหร่เอง อย่าบอกนะว่านายจะจำฉันไม่ได้”
ในตอนนี้เองจางเชี่ยนจือเดินมากระซิบกับหลิ่วอวี่เจ๋อเสียงแผ่ว “ก่อนนี้เย่เฉินเกิดอุบัติเหตุขึ้นนะ ตอนนี้เขาเลยตาบอด มองไม่เห็นอะไรเลย”
ทันใดนั้นเองหลิ่วอวี่เจ๋อทำสีหน้าตื่นตระหนกเกินจริง เหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าเย่เฉินตาบอด
“อะไรนะ? ใครทำไมใจกล้าขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายคุณเย่แห่งตระกูลเย่ เขยตระกูลซู!”
เย่เฉินปรายตามองใบหน้าบางส่วนของหลิ่วอวี่เจ๋อเพราะเขาสวมแว่นนตากันแดดสีดำสนิท ดังนั้นในเมื่อตอนนี้เย่เฉินมองหลิ่วอวี่เจ๋อหรือไม่นั้น อีกฝ่ายจะไม่สามารถประเมินได้
นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่เย่เฉินพยายามจะใส่แว่นตาดำ เพื่อจะได้มองหน้าคนอื่น
เย่เฉินจึงทำการแยกแยะขั้นต้นจากใบหน้าที่แสนจะเกินจริงของหลิ่วอวี่เจ๋อ
“สีหน้าตกใจหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นแค่การเสแสร้ง เขาคงจะรู้เรื่องฉันตาบอดตั้งนานแล้ว แต่ว่านี่ไม่ได้แปลว่าคนที่ทำร้ายเราคือเขา รวมไปถึงพวกเขยๆ ที่ถูกจางเชี่ยนจือเลือกมาเป็นเขยน่าจะรู้เรื่องเราตาบอด”
ในเมื่อพวกหลิ่วอวี่เจ๋อล้วนแต่มีโอกาสมาแทนที่เย่เฉิน กลายเป็นเขยตระกูลซู ย่อมรู้เรื่องที่เย่เฉินตาบอดนานแล้ว
ที่จริงแล้วซูมู่ชิงเองก็สงสัยว่าคนที่ทำร้ายสามีของตนเองใช่หลิ่วอวี่เจ๋อหรือไม่ หล่อนเห็นอีกฝ่ายทำท่าทีเห็นอกเห็นใจขนาดนี้ ก็ถามอย่างคลางแคลงใจ
“คุณชายหลิ่ว ฉันจำได้ว่าสามีของฉันเป็นศัตรูหัวใจของคุณนะคะ เหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าไหร่ ทำไมดูไปแล้วคุณถึงได้เหมือนเพื่อนเขาเลยล่ะคะ แล้วถึงได้ดูเสียใจกว่าฉันอีก?”
หลิ่วอวี่เจ๋อใจหายวาบ ด้วยทักษะการแสดงที่แสนจะเกินจริงของตัวเองคิดไม่ถึงว่าจะหลอกลวงกระทั่งซูมู่ชิงยังไม่ได้เหรอ?
หลิ่วอวี่เจ๋อรีบร้อนอธิบาย “คุณหนูซู ก่อนนี้เพราะเรื่องหวังเจียเหยา ผมกับเย่เฉินก็เคยมีปัญหากันมาก่อน แต่ว่าพอผมกับหวังเจียเหยาเลิกกันแล้ว ระหว่างเราก็ไม่มีเหตุผลจะเป็นศัตรูกัน ไม่เพียงเท่านั้นกลับกันจะยิ่งเข้าใจเย่เฉิน เพราะเราสองคนล้วนแต่โดนผู้หญิงคนนี้ทำร้ายมาก่อน! พวกเรารักหวังเจียเหยาขนาดนั้น รักหล่อน ปลอบหล่อน ให้สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ปฏิบัติตัวดีกับนางฟ้าอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่าจนถึงทันทีที่เราไม่มีเงิน หล่อนก็สะบัดตูดทิ้งพวกเราไปในทันที! เฮ้อ ตอนนี้หลังจากที่ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจภายหลัง คิดไม่ถึงว่าตอนนั้นเราจะทะเลาะกันเพื่อผู้หญิงแบบนั้น ไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่นิดเดียว!”
ซูมู่หลินฟังไม่เข้าหู ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ว่าช่วงนี้หวังเจียเหยาอยู่เป็นเพื่อนซูมู่หลินตลอด ถือเป็นผู้หญิงของซูมู่หลิน
ซูมู่หลินกล่าว “พูดอะไรนะ หวังเจียเหยาเป็นอะไรไป? หล่อนบังคับให้พวกคุณตามจีบหรือเปล่า? บังคับให้พวกคุณเป็นนางฟ้าหรือเปล่า? ตัวเองทำอะไรผู้หญิงสวยๆ อย่าพูดอะไรไร้สาระ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่รู้ว่าหวังเจียเหยาในตอนนี้อยู่กัยซูมู่หลิน ดังนั้นจึงเบลอไป ไม่รู้ว่าซูมู่หลินทำไมถึงได้แขวะตัวเอง
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่กล้าพูดถึงหวังเจียเหยาอีก แล้วกดลงบนไหล่ของเย่เฉินแล้วปลอบ
“เย่เฉิน ตอนนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญก้าวหน้า ดวงตาของนายจะต้องหายแน่ รอจนนายหายแล้ว ไว้เราไปเล่นบาสเก็ตบอลด้วยกัน ฉันเองก็อยากจะเห็นนายกับมาดังก์บาสอีกนะ”
ปากพูดแต่ในใจกลับคิดว่า “เย่เฉินไอ้พิการ แกจบแล้ว ชีวิตนี้แกอย่าได้คิดว่าจะหายเลย ชีวิตนี้อย่าได้หวังดังก์บาสโชว์เลย ฮ่าๆ!”
คราวก่อนตอนชมงานโอลิมปิกที่โตเกียว เย่เฉินก็เคยแสดงทักษะการดังค์บาสเก็ตบอลต่อหน้าหลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยา !
ยิ่งไปกว่านั้นยังหวังเจียเหยายังเป็นภรรยาของหลิ่วอวี่เจ๋อในคืนที่ไปหาเย่เฉินไปที่โรงแรม
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในห้อง ในตอนนี้หลิ่วอวี่เจ๋อยังคงสับสน แล้วเกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสได้รู้
หลิ่วอวี่เจ๋อยังคิดไปเอง คิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฉินแล้วก็ยังภูมิใจ เพราะเขาเคยสวมเขาเย่เฉินมาก่อน
แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่า ถ้าเย่เฉินอยากจะสวมเขาให้เขา เกรงว่าด้วยท่าทีของหวังเจียเหยาคงจะโดนเย่เฉินสวมเขาไปเป็นแปดรอบ!
“ก็ได้”
เย่เฉินพยักหน้ารับ อย่าว่าแต่หาโอกาสเลย ขนาดตอนนี้เย่เฉินก็เคยแสดงการดังค์บาสเก็ตบอลมาก่อน!
หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ได้พูดอะไรมาก ให้ของขวัญเสร็จแล้วก็กลับไปนั่งของตนเอง
และแล้วงานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากงานเริ่มต้นไปกว่าหนึ่งชั่งโมงแล้ว ซูมู่ชิวก็เดินเข้ามาในห้องกล่าวกับทุกคน
“ทุกท่าน ลำดับแรกต้องขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ อนึ่งคุณปู่ของผมก็สนใจความสามารถและการเติบโตของเด็กผู้ชายรุ่นใหม่ๆ ดังนั้นเราจึงเชิญผู้ชายที่อายุน้อยกว่า 25 ปีของแต่ละตระกูลมาที่นี่ พวกเขาจึงมีการแสดงต่างๆ มากมาย เรามาร่วมรับชมกันเถอะครับ!”
“ดี!”
ทันทีที่ซูมู่ชิวพูดจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น
คราวนี้จางเชี่ยนจือเลือกผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาสิบกว่าคนมาเป็นตัวเลือกของว่าที่สามีคนต่อไปของซูมู่ชิง
แต่ว่าคนที่เข้าตาหล่อนที่สุด มีแค่สามคน หนึ่งคือหลิ่วอวี่เจ๋อ สองหม่าอวี่ อีกคนก็คือเจิ้งหง
แต่ตอนที่การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น ทันใดนั้นเองซูมู่ชิงก็ลุกขึ้น “คุณปู่ หนูกินอิ่มแล้ว เดี๋ยวขอตัวกลับก่อนนะคะ”
จางเชี่ยนจือรีบแย้ง “ห้ามไปนะ แม่จะหาแฟนให้ลูก ลูกจะไม่อยู่ในงานได้ไง!”
สีหน้าซูมู่ชิงหัวเสีย “แม่คะ สามีหนูยังอยู่หัวโด่ที่นี่ แม่พอจะช่วยให้เกียรติเขาได้ไหมคะ!”
เย่เฉินกำมือภรรยาแล้วกล่าว “มู่ชิง อย่าพูดกับแม่แบบนี้สิครับ คุณแม่ยายชอบควบคุมตัวเองไม่ได้ เราที่เป็นลูกหลานก็ต้องให้อภัยแม่สิครับ”
ทันใดนั้้นเองบนใบหน้าอายุสี่สิบกว่าปีของจางเชี่ยนจือก็ปรากฏร่องรอยเขินอายของเด็กสาว แล้วหัวเสีย “แก…แกแกว่าใครควบคุมตัวเองไม่ได้ หมายความว่ายังไง!”
ซูหมิงเจ๋อที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยก็ถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ “เย่เฉิน โดนเชี่ยนจือตบตีอีกแล้วใช่ไหม?”