เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 461 คุณไม่มีความสามารถในการเป็นสามี
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 461 คุณไม่มีความสามารถในการเป็นสามี
ตอนที่ 461 คุณไม่มีความสามารถในการเป็นสามี!
ซูเจิ้นหางไม่ได้แพร่งพรายเรื่องเย่เฉินตาบอดให้คนนอกรู้ คนที่อยู่ในงานรู้เรื่องมีแค่ส่วนเล็กๆ
ได้ยินหม่าอวี่แฉเย่เฉินกลางงาน ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความตกตะลึง
“สามีของซูมู่ชิงเป็นคนตาบอดจริงเหรอ? ไม่สิ ฉันยังจำได้ว่าตอนที่แต่งงานเขาเป็นคนปกติชัดๆ เขายังเดินมาดื่มขอบคุณฉันอยู่เลย!”
“น่าจะเพิ่งมาตาบอดช่วงนี้ มิน่าล่ะเขาถึงได้ใส่แว่นตากันแดดตลอด ที่แท้ก็เพื่อปิดบังเรื่องนี้!”
“แหมๆ อายุน้อยขนาดนี้ก็มองไม่เห็นแล้ว สงสารมู่ชิง แต่งงานกับสามีที่ตาบอด แล้วต่อไปหล่อนจะมีชีวิตยังไง?”
“ต่อให้ตระกูลเย่มีอิทธิพลมากขนาดไหน ก็ควรต้องหย่านะ!”
ทุกคนต่างก็ถกเถียงกัน ซูเจิ้นหางก็ลุกขึ้นแล้วกล่าว“ทุกท่าน หลานเขยผมเย่เฉิน ช่วงก่อนเขาเกิดอุบัติเหตุ โดนคนวางยา ส่งผลให้ผมตาบอด เรื่องนี้ยังไม่ทันได้บอกทุกคน”
เมื่อได้ยินซูเจิ้นหางกล่าว ทุกคนต่างก็ลุกขึ้น
“ใครกล้าแตะต้องหลานเขยท่านซู! รนหาที่ตายจริงๆ! ท่านซูผมจะช่วยท่านหาความจริงให้ได้!”
“ใช่แล้วใครกล้าแตะต้องคนตระกูลซู ก็เพราะอยากจะมีเรื่องกับเรา เรายินดีสู้กับท่านซูสุดใจ! ช่วยตามหาฆาตกร!”
พอจะมองออก เหล่าคนใหญ่คนโตที่เป็นแขกนั้นค่อนข้างเข้าข้างซูเจิ้นหาง
เมื่อได้ยินคนเหล่านี้พูด เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลเปียกหลัง แต่เขารู้ถึงสถานะของแขกเหล่านี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ทุกคนล้วนแต่ไม่เป็นรองตระกูลหลิ่ว
ถ้าหากว่าคนพวกนี้รู้เข้าว่าตนเองเป็นคนวางยา งั้นตนเองคงจะโดนเอาตายแน่นอน
แต่ว่าตัวเขาเองรู้ว่าทักษะการแสดงไม่เลว อย่างไรเสียเขาก็นอนกับดาราหญิงแนวหน้ามาตั้งเยอะแยะ
ตอนนี้เขาเห็นว่ามีคนแฉว่าเย่เฉินตาบอด ทำให้หลิ่วอวี่เจ๋อสะใจ!
“เหอะๆ ดูแล้วฉันคงไม่ต้องลงมือ ก็เหมือนมีช่วยหยามเย่เฉินแทยแล้ว ดีจริงๆ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อนั่งดูคนทะเลาะกันเงียบๆ
ในเมื่อเย่เฉินเลือกจะสวมแว่นตากันแดด ก็เพื่อปกปิดข้อด้อยของตนเอง แต่หม่าอวี่กลับพูดออกมาโดยไม่รักษาน้ำใจ
ระบายความโมโหออกมาทั้งหมด
ทว่าเย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “คุณครูหม่า ดูแล้วคุณก็ดูโหงวเฮ้งไม่เก่งเท่าไหร่นี่”
เย่เฉินยังกังวลว่าถ้าหากหม่าอวี่เป็นคนเก่งนักหนา แล้วจะมองออกว่าเย่เฉินแกล้งตาบอดแล้วจะทำลายแผนการใหญ่ของเย่เฉิน
คิดไม่ถึงว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะมองไม่ออกว่าเย่เฉินเสแสร้งไม่แต่น้อย!
เย่เฉินกล่าว“ผมให้คุณดูโหงวเฮ้งผม คุณก็เลยมองออกว่าผมเป็นคนตาบอดเหรอ?”
หม่าอวี่แค่นเสียง“อย่าใจร้อนให้ผมมองหน้าคุณอย่างละเอียด! ใบหน้าคุณ…”
แล้วหม่าอวี่ก็มองใบหน้าเย่เฉินแล้วถอนหายใจ
“คนผู้นี้ใบหน้าได้ลักษณะ จมูกโด่ง ธุรกิจ การเงินและวาสนาก็ดี นอกเสียจากว่ามีปัญหาความรักแล้ว แต่อย่างอื่นๆ ก็สมบูรณ์แบบ! แล้วก็คนๆ นี้หล่อเกินไป!”
ที่จริงแล้วหม่าอวี่พอจะเข้าใจเรื่องโหงวเฮ้งอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ว่าเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ส่วนถ้ามองแค่เรื่องหน้าตาแล้วก็ไร้ที่ติ
เย่เฉินย่อมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความสามารถของหม่าอวี่แล้ว เขามองไม่ออกว่าเย่เฉินขาดอะไรไปตรงไหน
“เป็นยังไงล่ะ คุณครูหม่าล่ะ? ใบหน้าของผมมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมคุณไม่พูดล่ะ?”
ที่จริงแล้วเย่เฉินก็กำลังมองหม่าอวี่ เขาพอจะออกว่าหม่าอวี่คนนี้ตกใจเพราะใบหน้าของตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นซินแสที่เก่งกาจคนไหนในประเทศนี้ แล้วเห็นใบหน้าของเย่เฉินก็ต้องชื่นชม
ถึงขนาดที่ว่าสองปีก่อนนี้ มีครั้งหนึ่งเย่เฉินไปปีนเขาเป็นเพื่อนหวังเจียเหยา เคยมีคุณย่าที่เขาไท่ซานดึงดันจะให้ดูโหงวเฮ้งให้เย่เฉิน เย่เฉินปฏิเสธไม่ได้เลยต้องจำใจให้หล่อนดู
ผลลัพธ์ก็คือหลังจากที่หล่อนดูใบหน้าให้แล้วก็รีบคุกเข่าให้เย่เฉินทันที!
แล้วยังพูดว่าเย่เฉินยังได้เป็นคนใหญ่คนโตระดับโลกเลยทีเดียว!
คำพูดนี้ทำให้หวังเจียเหยาหัวเราะเขาจนปวดท้อง หลังจากกลับมาแล้วก็ยังเล่าเรื่องนี้ให้ซูหลานฟัง
หม่าอวี่กลืนน้ำลายแล้วกล่าว “แกมันดวงแข็ง! หน้าดำปี๋! ปากดำคล้ำ! หน้านายนี่เป็นใบหน้าที่ไร้ความสุข ชีวิตทนทุกข์!”
“เย่เฉิน คุณอย่าคิดว่าแต่งงานกับพี่มู่ชิงแล้วชีวิตจะสงบสุข จากใบหน้าของคุณ ผมขอทายเลยว่าคุณเคยมีชีวิตงานแต่งงานที่ล้มเหลวหนึ่งครั้ง! แล้วชีวิตการสมรสครั้งแรกจบลงด้วยความล้มเหลว แล้วคนที่เหมาะที่จะใช้ชีวิตกับคุณตลอดไปก็คือภรรยาคนที่สอง!”
หลังจากที่เย่เฉินฟังจบก็ยิ้ม “ที่รัก คุณได้ยินไหมครับ? คุณหม่าคนนี้บอกว่าคุณเป็นคนที่เหมาะจะเดินกับผมไปตลอดชีวิต”
ซูมู่ชิงยิ้มน้อยๆ “อืม ดูแล้วคุณหม่าดูโหงวเฮ้งเก่งมากนะเนี่ย มองออกว่าคุณเคยแต่งงานครั้งหนึ่งล่ะสิ”
หน้าหม่าอวี่เปลี่ยนสีทันที แล้วเขาก็งงไปทันที “คุณ…คุณเคยหย่ามาก่อนแล้วเหรอ?”
หม่าอวี่ไม่ได้รู้เลยว่าเย่เฉินเคยแต่งงานมาก่อนครั้งหนึ่ง เขาคิดว่าซูมู่ชิงเป็นภรรยาคนแรกของเย่เฉิน!
อย่างไรเสียจากการแยกแยะโดยหลักการแล้ว แล้วผู้หญิงที่มีพื้นเพอย่างซูมู่ชิง ทำไมถึงได้ยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้ชายที่เคยแต่งงานมาแล้ว!
เย่เฉินกล่าว “ถูกต้อง ผมเคยแต่งงานมาก่อน การแต่งงานครั้งนั้นเหมือนที่คุณบอก มันจบลงด้วยความล้มเหลว ต้องขอบคุณคำทำนายนะ ที่อวยพรให้ผมกับซูมู่ชิงอยู่ด้วยกันตลอดไป หลังจากที่ผมตาบอดยังกังวลว่าเราสองคนจะเลิกกันเพราะเรื่องนั้น คุณหม่าคุณให้กำลังใจผมมากๆ เลยนะ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อในตอนนั้นโพล่งด่าออกมา “หม่าอวี่ไอ้คนโง่ กระทั่งสถานการณ์ของเย่เฉินเองก็ยังไม่สืบชัดเจน ยังจะกล้ามาพูดเลอะเทอะ!”
เดิมหม่าอวี่ยังอยากจะบอกว่าเย่เฉินไม่มีทางได้อยู่กับซูมู่ชิง ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าตนเองกำลังอวยพรพวกเขาสองคน จะทำได้อย่างไร !
หม่าอวี่รีบกลับคำทันที “ผม…ผมดูผิดแล้ว! โหงวเฮ้งของคุณถูกกำหนดว่าจะต้องอยู่คนเดียวไปจนแก่ จะไม่มมีผู้หญิงอยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิต ในการแต่งงานครั้งที่สองของคุณจะต้องล้มเหลวแน่ๆ!”
ในตอนนี้เย่เฉินยังไม่ทันได้เปิดปากย้อน เขยคนเล็กอย่างซูมู่หลินก็แย่งพูด “นายจะพูดเหลวไหลทำไม? แช่งชีวิตแต่งงานของพี่สาวฉันใช่ไหม?”
จางเชี่ยนจือตำหนิซูมู่หลิน “ระวังคำพูด! อย่าเสียมารยาทสิ”
เย่เฉินยิ้มน้อยๆ เขาปฏิเสธคำพูดที่ตัวเองเคยพูดเมื่อครู่ ก็พิสูจน์ว่าความสามารถในการดูโหงวเฮ้งเป็นคำพูดเหลวไหล
“พอจะมองออกไหม?” เย่เฉินถาม
หม่าอวี่กล่าว“ผมพอจะเข้าใจวิชาการแพทย์ตะวันออก ผมสมารถตรวจสุขภาพของคุณได้!”
เย่เฉินเป็นฝ่ายยื่นมือมา“มาสิ มาจับชีพจรกัน”
หม่าอวี่จัดแจงจับชีพจรของเย่เฉินอย่างมีท่ามีทาง แล้วทุกคนก็กำลังมองอยู่เช่นกัน
หม่าอวี่จับชีพจรไปพลางถอนหายใจ “น่าตายจริงๆ หมอนี่ร่างกายแข็งแรงดีขนาดนี้เหมือนว่าไม่มีโรคอะไรเลย!ไม่สิ เหมือนว่าจะไตบอบบางนะ!”
ที่จริงแล้วเป็นเพราะเย่เฉินและซุมุ่ชิงเมื่อคืนไม่ได้นอน แล้วก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ ทำให้ตอนนี้ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
หม่าอวี่หัวเราะร่วน “เย่เฉิน ถึงแม้ว่าคุณจะดูร่างกายแข็งแรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไตของคุณไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าจะให้พูดแบบเข้าใจง่ายๆ หน่อยก็คือไตคุณอ่อนแอ! ฮึ ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ตอนนี้เกรงว่ากระทั่งความสามารถในการเป็นสามีก็คงจะไม่มีอีกแล้ว! คุณไม่สามารถทำให้ซูมู่ชิงมีความสุขได้ คุณไม่มีคุณสมบัติเป็นสามีของหล่อน!”